posttoday

ทำไมต้องไต่สวน

20 พฤศจิกายน 2560

การไต่สวนเป็นวิธีการแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่ผู้มีหน้าที่ไต่สวนสามารถสืบเสาะ

โดย...ปกรณ์ นิลประพันธ์

การไต่สวนเป็นวิธีการแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่ผู้มีหน้าที่ไต่สวนสามารถสืบเสาะ และแสวงหาข้อมูลและพยานหลักฐานต่างๆ มาพิสูจน์ความถูกผิดผู้มีหน้าที่ไต่สวนจึงต้องมีความเป็นอิสระในการดำเนินการ

ขอให้สังเกตด้วยว่า การกล่าวหานั้นไม่ใช่ไปกล่าวหากันไปมาที่ไหนก็ได้ เพราะการกล่าวหากันลอยๆ นั้นจะนำมาซึ่งการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะต่างฝ่ายต่างเชื่อมั่นในพยานหลักฐานของตน

อาจลุกลามไปถึงจนกลายเป็นความไม่สงบเรียบร้อยในสังคมอันเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์และเป็นช่องทางให้ผู้มีไถยจิตคิดร้ายใช้เป็นช่องทางในการกลั่นแกล้งหรือทำลายความเชื่อถือที่มีต่อบุคคลอื่นได้ง่ายๆ โดย ชิงกล่าวหาก่อน

ด้วยเหตุนี้ ทุกบ้านทุกเมืองเขาจึงกำหนดว่าการกล่าวโดยสุจริตโดยมุ่งประสงค์จะให้เกิดข้อยุติจึงต้องนำข้อกล่าวหาไปฟ้องร้องกล่าวหา ต่อศาล เพื่อให้ศาลซึ่งเป็นคนกลางพิจารณาข้อกล่าวหาว่ามีมูลหรือไม่

ถ้ามีมูลก็จะรับฟังพยานหลักฐาน โดยใครกล่าวหาคนอื่น คนนั้นมี หน้าที่นำสืบ ให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยสืบแก้ (ไม่ใช่แก้ตัว)

หลังจากนั้นศาลจึงจะชั่งน้ำหนักว่าพยานหลักฐานของฝ่ายใดมี น้ำหนักน่าเชื่อถือกว่ากันแล้วพิพากษาว่าใครถูกใครผิดถ้ากล่าวหามั่วๆ พยานหลักฐานไม่มี ก็ยกฟ้องของผู้กล่าวหา แต่ถ้ามีหลักฐานแน่นหนา ก็พิพากษาลงโทษจำเลย แถมถ้ากล่าวหากันมั่วๆ ผู้ถูกกล่าวหายังฟ้องกลับผู้กล่าวหาได้อีก

แต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับพฤติกรรมหรือการกระทำลับๆ ล่อๆ ซึ่งกล่าวหากันง่าย เช่น คนนี้เลว คนนั้นโกง คนโน้นชั่ว ฯลฯ นั้นเนื้อหาของ มันเองไม่เหมาะสมที่จะใช้ระบบกล่าวหา เพราะหาพยานหลักฐานมา พิสูจน์กันยากบ้านเมืองต่างๆ เขาจึงใช้ระบบไต่สวนแทนระบบกล่าวหา

โดยเมื่อความปรากฏต่อผู้มีหน้าที่ไต่สวนไม่ว่าจะมีการกล่าวหา หรือไม่ว่ามีคนแสดงพฤติกรรมหรือการกระทำลับๆ ล่อๆ ส่อว่าเลวส่อว่าโกง ส่อว่าชั่ว ฯลฯ บรรดาที่อยู่ในขอบหน้าที่และอำนาจของตน ผู้มีหน้าที่ไต่สวนนั้นก็จะต้องดำเนินการไต่สวนโดยพลันว่ามีข้อเท็จจริงปรากฏ เช่นนั้นหรือไม่ถ้ามีก็ดำเนินการทางอาญา ทางวินัย หรือทางจริยธรรมกันต่อไปถ้าไม่มีก็คือไม่มี จบ ไม่ต้องไปทำให้มันมี เพราะนั่นไม่เป็นธรรมเหมือนว่าตั้งธงไว้แล้วว่าเขาเลวเขาโกง เขาชั่ว ฯลฯ แล้วไปหา หลักฐานมาสนับสนุนอคติของตนอันนั้นเท่ากับผู้ไต่สวนทำตัวเป็นผู้กล่าวหา เสียเอง ซึ่งไม่ถูกต้อง

หัวใจสำคัญของการไต่สวนจึงอยู่ที่ "ความเป็นกลาง" และ "ปราศจากอคติ" ของผู้ทำหน้าที่ไต่สวน ต้องใจถึงพึ่งได้ เพราะเป้าหมายสุดท้าย คือ "ความถูกต้อง" แม้มันอาจ "ไม่ถูกใจ" ผู้ไต่สวน ผู้เสนอให้มีการไต่สวนหรือความเชื่อส่วนใหญ่ของสังคมก็ตามเพราะ "ความถูกต้อง" เท่านั้นที่จะทำให้สังคมอยู่กันได้อย่างเรียบร้อย ไม่ใช่ถูกใจ

อีกประการหนึ่ง ผู้ไต่สวนไม่ควรสร้าง "กระบวนการ" หรือ "วิธีการ" ใดๆ ที่อาจทำให้ผู้อื่นหรือสังคมมามีอิทธิพลต่อ "การตัดสินใจเพื่อความถูกต้อง" ของตน

เพราะมิฉะนั้นแล้ว การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ไต่สวนอาจเบี่ยงเบนไปจากความถูกต้องเพราะเหตุมัวเมาในอคติได้ ไม่ว่าเพราะรักเพราะโลภ เพราะโกรธ หรือเพราะหลงและนั่นไม่เป็นผลดีต่อสังคมเลย ไม่ว่าระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาวหรือไม่จริงครับ?

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์