posttoday

ลูกสาวสวยงามได้ดั่งใจ แม่เป็นกำลังใจทุกๆ ก้าว

30 กันยายน 2560

คุณแม่หน้าคมงามสมวัย อภันตรี เพชรแก้ว ส่วนลูกสาวสวยโดดเด่นบนเวทีการประกวดสาวงาม

โดย ปอย ภาพ : ประกฤษณ์ จันทะวงษ์ 

คุณแม่หน้าคมงามสมวัย อภันตรี เพชรแก้ว ส่วนลูกสาวสวยโดดเด่นบนเวทีการประกวดสาวงาม พิชชาพร เพชรแก้ว ผู้เข้ารอบ 1 ใน 10 สาวงามเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปีนี้

 ขอพูดถึงความผูกพันสองแม่ลูก ในวันที่แม่จูงมือลูกส่งแรงใจก้าวพิสูจน์ศักยภาพผู้หญิงสวยพร้อมสรรพเวทีระดับประเทศ

 ถ้าพิศกันเรื่องความงาม ก็ถอดประพิมพ์ประพายกันมาเป๊ะ คุณแม่อภันตรี วันนี้แสนจะภาคภูมิใจในตัวลูกสาวคนสวย ที่สะสมดีกรีพิสูจน์ความสามารถได้งดงาม

 ทั้งการเป็นนักไอซ์สเกตลีลาแชมป์ระดับเอเชีย ปี 2011 ทำให้ได้อาชีพเป็นโค้ชคนสวยโด่งดัง มีลูกศิษย์ลูกหาติดกันเกรียวกราวของลานสเกตเดอะริงค์

ลูกสาวสวยงามได้ดั่งใจ แม่เป็นกำลังใจทุกๆ ก้าว

 แล้วผลงานล่าสุดบนเวทีการประกวดความงาม “โค้ชปิ๊ง” พิชชาพร เพชรแก้ว ก็โชว์ศักยภาพติดโผ 1 ใน 10 สาวงามผู้เข้าประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2017 ราศีส่งโดดเด่นถูกจับตาตั้งแต่ก้าวแรก

 คุณแม่อภันตรี บอกว่าปีนี้คือปีที่เหมาะสมในการประกวดความงาม โค้ชปิ๊ง-พิชชาพร อายุ 23 ปี ร่ำเรียนจบปริญญาตรีเป็นผู้ใหญ่เติบโตเต็มวัย ดูแลตัวเองได้ดีแล้ว จากที่ก่อนหน้านั้นมีแมวมองมาขอให้ไปประกวดเวทีต่างๆ ตั้งแต่วัยรุ่นอายุ 15-16 ปี เวทีมิสทีนไทยแลนด์ก็ติดต่อทาบทาม

 แต่แม่มีกฎเหล็กคือวัยเรียนก็ควรต้องเรียนให้เต็มที่ เวทีปีนี้จึงเป็นเวทีแรกที่คู่แม่ลูกตื่นเต้นกันอย่างมาก

“ลูกทำดีที่สุดแล้ว!” คำชมหลังลงจากเวที

 มงกุฎมีเพียงหนึ่งเดียว กฎการแข่งขันมีแพ้ มีชนะ ถ้าเราทำดี ทำให้เต็มที่ที่สุดแล้ว ไม่มีคำว่าพ่ายแพ้ อภันตรี เผยความรู้สึกที่บอกลูกสาวคนสวยหลังลงจากเวที “ลูกทำดีที่สุดแล้ว!”

 “แม่ต้องบอกว่าถึงลูกไม่ชนะที่หนึ่ง แต่แม่ก็ภาคภูมิใจมากๆ เวทีนี้เป็นการประกวดครั้งแรก บนเวทีแม่ได้เห็นพัฒนาการของลูกเพิ่มขึ้นในทุกๆ รอบค่ะ การเดิน ความมั่นใจในการตอบคำถาม ที่น่าดีใจที่สุด เวทีนี้ลูกได้ใช้ชีวิตอยู่กับกองประกวดเก็บตัวกับเพื่อนๆ นางงาม เป็นสังคมใหม่ ประสบการณ์ใหม่

 "กองเน้นทุกๆ คนเวลานั่งกินข้าว ก็นั่งเวียนๆ กัน ไม่ซ้ำกลุ่มเดิม ทำให้ลูกได้รู้จักเพื่อนหลากหลายสาวๆ งามเก่งๆ หลายอาชีพ ดิฉันบอกลูกทันทีที่ลงจากเวทีเลยค่ะ ปิ๊งทำดีที่สุดแล้ว แม่ไม่เสียใจเลย"

 ส่วนการปลูกฝังอบรมเลี้ยงลูกตั้งแต่เด็กๆ อภันตรี ไม่ได้ตามใจลูก เลี้ยงลูกก็ต้องดุบังคับบ้าง ตามใจบ้าง

ลูกสาวสวยงามได้ดั่งใจ แม่เป็นกำลังใจทุกๆ ก้าว

 "ปิ๊งทำอะไรพลาด แม่จะไม่ปล่อยเลยค่ะ ตั้งแต่เด็กๆ น้องปิ๊งเล่นกับเพื่อนแย่งของเล่นกัน แม่ก็สอนลูกตรงนั้นเลยไม่ได้นะ เพื่อนกันเรามีอะไรต้องแบ่งปันกัน แต่ก็กลายเป็นว่าคนโดนแย่งของเล่นคือลูกสาวเรา (หัวเราะ) แต่แม่ก็ต้องสอนปลูกฝังนิสัยไปก่อนค่ะ ปิ๊งเป็นเด็กสาวไม่ดื้อไม่โต้เถียงแต่ถ้าเขาไม่ผิด เขาจะแสดงออกร้องไห้ก่อนค่ะ ตามประสาเด็กผู้หญิง แล้วจึงมาบอกมาอธิบายแม่ทีหลังว่า เรื่องราวเป็นอย่างไร เหตุการณ์แบบนี้แม่ก็ต้องขอโทษลูกค่ะ ไม่ใช่แม่ขอโทษลูกไม่ได้นะคะ

 "แม่เลี้ยงปิ๊งคนเดียวเป็นซิงเกิ้ลมัม หย่ากับคุณพ่อของเขาตั้งแต่ปี 2540 ด้วยภาวะเศรษฐกิจปีนั้นทำให้เครียดกันทั้งคู่ จึงตัดสินใจแยกกันอยู่ ลูกสาวก็ต้องอยู่กับแม่นะคะ แล้วอยู่กับพ่อจะถูกตามใจมากๆ กว่าจะได้เป็น 'โค้ชปิ๊ง' ในวันนี้ เราก็ฝ่าฟันมาด้วยกัน ปิ๊งไปเล่นสเกตตอนประถมฯ ปีที่ 6 ก็หยุดไป แม่ไม่มีเงิน มาได้เรียนจริงจังก็ช่วงวัยรุ่นเรียนมัธยมฯ ปีที่ 3 แล้วค่ะ แม่ให้เรียนไอซ์สเกต ไม่ได้มีสตางค์มากมายหรอกค่ะ แต่ลูกอยากเรียนรู้อะไรก็ได้เรียนพิเศษทุกอย่าง กีฬา เปียโน ศิลปะ

 "ไม่บังคับ ไม่กดดัน อยากเรียนอะไรเพียงทำให้เต็มที่ ด้านการเรียนก็ไม่ได้เป็นเลิศท็อปเกรด 4 เรียนกลางๆ ค่ะ เพียงขอให้เรียนจริงจัง เรียนให้สนุก ไม่ต้องเครียด แม่ไม่กดดัน แต่ขออย่างเดียวอย่าเป็นวัยรุ่นเกเร

 "การสอนลูกให้เป็นคนดี ต้องปลูกฝังเรื่องคุณธรรมมาเป็นอันดับ 1 ค่ะ แล้วไม่ใช่เลี้ยงไปชมไปนะคะ แม่ไม่ต้องชมอะไรให้มากเพราะการชมเชยนี่ญาติๆ คุณย่าคุณยายพี่ป้าน้าอาชมหลานสาวเป็นประจำอยู่แล้วค่ะ

 "ส่วนในเรื่องการประกวดเวทีมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส แม่ก็ไม่เคยชมว่าลูกสาวสวย (หัวเราะ) ทุกคนในเวทีนี้สวยมากๆ แล้วข้อด้อยของปิ๊ง คือไม่เคยขึ้นเวทีประกวดเลย จึงไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้ ไม่ได้เข้าคอร์สบุคลิกภาพไม่ได้ขัดสีฉวีวรรณคอร์สความงามอะไรเลยนะคะ แต่แม่ก็ภาคภูมิใจที่เขาทำเต็มที่นี่คือสิ่งที่ลูกเหมือนแม่ คือเราต้องใจสู้ทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุดค่ะ”

แม่คือกำลังใจ คือลมเสริมใต้ปีก

 ลูกสาวขอพูดถึงคุณแม่บ้าง พิชชาพร เพชรแก้ว หรือโค้ชปิ๊ง บอกว่ามีทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ ก็เพราะแม่เลี้ยงดูทั้งประคบประหงม ทั้งการเป็นครูสอนไอซ์สเกต เป็นนักกีฬาเหรีญทองระดับเอเชีย ก็เพราะการซัพพอร์ตจากสองมือแม่ซิงเกิ้ลมัมท่านนี้

 “การประกวดครั้งนี้ แม่ก็ให้กำลังใจเราตลอดเลยค่ะ ลงจากเวทีก็มาเป็นโค้ชปิ๊งอีกครั้ง (บอกพร้อมรอยยิ้มหวาน) แล้วก็มีเด็กๆ มาสมัครเรียนกับเราเยอะขึ้นกว่าเดิมมากๆ ลูกศิษย์เก่าๆ ก็รอเรากลับมาสอนอย่างใจจดจ่อ เป็นเพราะภาพจากการประกวดส่งผลบวกแน่นอนค่ะ ปิ๊งก็ปลื้ม เพราะอยากให้เขาเห็นว่าคนเราสามารถเป็นอะไร ทำอะไร ได้หลายๆ อย่าง เพียงทำให้เต็มที่นะคะ

 “ความรู้และประสบการณ์คือสิ่งที่คุณแม่ให้ปิ๊งมาโดยตลอด เป็นสิ่งมีค่าในชีวิตมากๆ  ปิ๊งเริ่มเรียนสเกต แม่ก็บอกนะคะรองเท้าใส่เล่นกีฬายี่ห้อดีๆ แพงมาก อยากได้ลูกเก็บสตางค์ซื้อเองด้วยไม่ใช่ให้แม่ออกให้ทั้งหมด ปิ๊งเก็บได้ 9,000 กว่าบาทค่ะ รองเท้าคู่ละเกือบ 4 หมื่นบาท ไม่รวมราคาชุดอีก 1 หมื่นกว่าบาท แม่ก็ซื้อให้ปิ๊งทั้งหมดนะคะ

 "การที่เรามีกันสองคนไม่ใช่ครอบครัวร่ำรวย แต่แม่ก็ส่งให้ปิ๊งมาถึงได้ในจุดนี้ แล้วแม่ก็สอนในเรื่องการทำเพื่อสังคมจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ปิ๊งอยากประกวดนางงามด้วยค่ะ เพราะถ้าปิ๊งมีตำแหน่ง เราก็จะเป็นกระบอกเสียงได้ในเรื่องนี้

 "ลานสเกตเดอะริงค์ที่ปิ๊งเป็นโค้ช กลุ่มลูกศิษย์กลุ่มใหญ่คือ เด็กๆ หลายคนเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ไม่มีทุนทรัพย์ แต่เมื่อได้ลองเล่นก็ชอบอยากเป็นนักกีฬาชนิดนี้ มีคนเล่นเก่งมากมีพรสวรรค์ที่ควรสนับสนุนเขาเลยค่ะ แต่ครอบครัวไม่สามารถซื้ออุปกรณ์ราคาแพงให้ลูกได้ ซึ่งถ้าปิ๊งมีตำแหน่งมีชื่อเสียงก็จะเป็นอีกช่องทางที่ช่วยสร้างโอกาสให้พวกเขาได้นะคะ

 "ทัศนคติเหล่านี้คือทุกอย่างที่แม่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ เลยค่ะ ตั้งแต่การเล่นกีฬา การทำเพื่อสังคม ล่าสุดเรื่องการประกวดนางงามแม่ก็ไม่เคยกดดัน แม่ไม่ตั้งความหวังไว้สูงสุด แม่จะบอกเสมอค่ะว่าทุกๆ การกระทำและความฝันทุกอย่างในโลกใบนี้ มีทั้งเราสามารถทำได้ และทำไม่ได้ แล้วถ้าผลลัพธ์คือไม่สมหวังแต่ถ้าลูกต้องการทำให้สำเร็จ ก็จงทำต่อไปให้เต็มที่ที่สุดค่ะ" 

 โค้ชปิ๊ง บอกว่าการได้ทำอะไรใหม่ๆ ก็ได้รู้ว่าการแข่งขันในบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องดุเดือด เอาชนะกันอย่างเดียว มิตรภาพจากการแข่งขันเกิดขึ้นได้เสมอเช่นในการประกวดที่ผ่านมา สิ่งที่ได้กลับมามากที่สุดก็คือคำว่ามิตรภาพนั่นเอง เป็นประสบการณ์ใหม่การประกวดเวทีแรกที่น่าตื่นเต้นไปทุกๆ เรื่อง และทุกๆ ก้าวก็มีแม่อยู่เบื้องหลังไม่เคยห่าง