พระเครื่อง ยึดเหนี่ยวจิตใจ
ลดความบู๊ สู่ สมาธิ และปัญญา
ภายนอก ถวิลวดี บุรีกุล อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อาจดูเป็นสาวบู๋ ขาลุย แต่ลึกๆ แล้วหากรู้จักสนิทสนมจะรู้ว่า เธอมีอีกมุมที่เป็นคนธรรมะธรรมโม เข้าวัดทำบุญ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ควบคู่ไปกับการบูชา พระเครื่อง พระพุทธรูป ไว้ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจ แถมมีเยอะจนต้องเร่ิมแบ่งปันให้คนรอบตัวไปช่วยบูชา
ถวิลวดี เล่าให้ฟังว่า เร่ิมห้อยพระตั้งแต่เด็กเพราะคุณพ่อให้ใส่ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้สนใจมาก จนมาถึงช่วงเรียนปริญญาโท ช่วงที่ต้องทำวิทยานิพนธ์เครียดๆ เริ่มเข้าวัดทำบุญ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นทำให้หันมาบูชาพระ ชนิดที่ไปวัดไหนก็ต้องเช่าบูชาติดไม้ติดมือกลับบ้าน ควบคู่ไปกับการศึกษาทั้งเรื่องธรรมะ และเรื่องพระเครื่องควบคู่กันไป
“ตอนแรกก็อ่านหนังสือบ้าง พูดคุยศึกษาจากคนอื่นบ้าง ไปเจอคนอื่นคุยกันบางทีก็มองว่าคนนั้นคนนี้เขาห้อยพระอะไรกัน แต่ส่วนตัวที่มีไว้บูชาเยอะคือพระสายนักรบ อย่าง พระนเรศวร พระเจ้าตากสิน อาจจะเป็นเพราะส่วนตัวเป็นคนบู๊ๆ ตรงไปตรงมา โดยเฉพาะพระนเรศวร จะมีเต็มบ้าน ตั้งแต่เด็กๆ เพราะบ้านอยู่พิษณุโลก แถมตอนเด็กๆ ยังเรียนที่โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม วังจันทน์ สถานที่ประสูติพระนเรศวร”
ก่อนจะออกจากบ้านเธอจะไม่ลืมคล้องพระเพื่อความอุ่นใจ โดยเลือกสลับไปมาไม่ได้ซ้ำเหมือนเดิมทุกวัน แต่ที่สวมคอบ่อยๆ ที่สุด คือ เหรียญไพรีพินาศ ปี 2534 รุ่น 50 ปี กรมอาชีวศึกษา วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งจะมีส่วนผสมแผ่นยันต์พระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศ, พระสมเด็จชนะ วัดชนะสงคราม ด้านหลังเป็นสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า (พระกู้ชาติ) เป็นพระที่พระนเรศวรทรงติดไว้ที่พระมาลา (หมวก) เวลาออกศึก, เหรียญจักรพรรดิ 400 ปี พระพุทธชินราช หลังพระนเรศวร ปี 2533 วัดพระศรีมหาธาตุ ลูกแก้ว หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม จ.ขอนแก่น, พระลีลา 25 ศตวรรษ
ไม่เพียงแค่พระเครื่อง หรือพระพุทธรูป อย่างเจ้าแม่กวนอิม ที่สามารถท่องบทสวดได้ หรือจตุคามรามเทพ ที่เคยได้รับจากศิษย์ ของ ขุนพันธรักษ์ราชเดช ตั้งแต่ยังไม่เป็นที่นิยม จนตอนหลังกลายเป็นของหายาก รวมไปถึง พระพิฆเนศ ที่เดิมชอบในแง่ความเป็นศิลปะ ทั้ง แบบกัมพูชา แบบอินเดีย เวลาไปต่างประเทศก็จะซื้อติดตัวกลับมาตอนหลังก็นำมาบูชาด้วย
อดีต สปท. เล่าให้ฟังว่า มีพระไว้บูชาเยอะจนบางครั้งไปเจอที่นั่นที่นี่หรือไปเห็นของคนอื่น หรือมีคนพูดถึง ก็นึกได้ว่าเราก็มีเคยมีแต่ไม่รู้ว่าไปเก็บไว้ไหน คาดว่าหลังจากที่หมดวาระการทำหน้าที่จาก สปท. แล้วจะใช้เวลาช่วงนี้ไปจัดระเบียบพระที่บ้านให้เป็นระเบียบมากขึ้นจากที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
“นึกไปพระที่คล้องไว้มีแต่ออกรบ... แต่ทั้งหมดก็เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้สู้งานหนักเพื่อชาติ อย่างพระไพรีพินาศนี่ก็อุ่นใจที่คล้อง พระสมเด็จชนะ ก็ให้ชนะใจตนเองห้ามกระทำการที่ไม่ดี คล้องแล้วก็ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจเตือนสติ ทำให้เป็นคนบู๊น้อยลง สงบมากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น มีสติ มีปัญญา คิดวิเคราะห์ ทำให้ช่วยทำงานดีขึ้นด้วย”
เดิมแต่ละวันออกจากบ้าน หรือไปต่างจังหวัดก็จะนำพระติดตัวไปค่อนข้างเยอะ แต่ก็มีบางวันที่ลืมหรือไม่นำพระติดตัวไปก็ไม่เป็นไรเพราะเริ่มเข้าใจ มีสติ สมาธิ มากขึ้น อีกหน่อยอาจะเหลือติดตัวแค่องค์เดียวหรือไม่พกเลยก็ได้ โดยเฉพาะระยะหลังเริ่มเข้าวัด สวดมนต์ ทำสมาธิ
ถวิลวดี เล่าว่า เริ่มฝึกปฏิบัติทำสมาธิกับอาจารย์หลายวัด ทั้ง หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี จนกระทั่งมาเจอ หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม จ.ขอนแก่น ที่ดูจะเข้ากับตัวเองมากที่สุด ดังนั้น หากมีเวลา มีโอกาสก็จะเข้าวัด ทำบุญ ทำสมาธิ ส่วนเรื่องเช่าบูชาพระก็ลดน้อยลง
สำหรับเรื่อง “พุทธคุณ” ที่ประสบพบมากับตัวนั้นมีหลายเรื่อง แต่เรื่องที่หนักที่สุดน่าจะเป็นตอนเรียนปริญญาโท เรียนหนักช่วง ทำวิทยานิพนธ์ จนเริ่มเบลอถึงขั้นขับรถชนรั้วบ้านอย่างจัง รถพังยับ แต่ตัวเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ตอนนั้นก็ไม่รู้ทำไมไม่เป็นอะไร มีคนถามว่าห้อยพระอะไร ก็มีเยอะมากวันนั้น
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า การบูชาพระเครื่อง พระพุทธรูป เป็นเรื่องของการหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ อย่างพระที่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์ ยังช่วยให้เตือนสติเราให้ทำงานเพื่อแผ่นดิน ทำให้จิตใจสงบมีมองสิ่งต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง ช่วยให้จิตใจสงบ ไม่โกรธ ไม่โมโห แผ่เมตตาทุกวันเข้าใจคนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้
“การที่เรามีพระและธรรมะทำให้มีอะไรช่วยยึดเหนี่ยวจิตจากที่เคยเป็นคนบู๊ ชนไปหมดทุกวันนี้ก็ลดลงมาก มีสติมากขึ้น มองอะไรลึกซึ้ง ช่วยให้หาทางออกง่ายขึ้น อย่างงานด้านประชาธิปไตยที่จะต้องยอมรับความแตกต่างในการอยู่ร่วมกัน ต้องไม่ยึดติดความคิดของตัวเอง ต้องรับฟัง ไม่มีอคติ เพื่อร่วมกันหาฉันทามติในการเดินหน้าหาทางออกร่วมกัน” ถวิลวดี กล่าว


