แผนการทำให้เงินงอกเงย ง่ายๆด้วยตัวเอง
แผนการลงทุน เป็นเรื่องที่คนไทยเริ่มหันมาให้ความสนใจเยอะขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว ดูจากการขยับขยายช่องทางของสื่อต่างๆ
เรื่อง กันย์ภาพ เอเอฟพี
แผนการลงทุน เป็นเรื่องที่คนไทยเริ่มหันมาให้ความสนใจเยอะขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว ดูจากการขยับขยายช่องทางของสื่อต่างๆ และธุรกิจสถาบันการเงินก็เน้นออกสินค้าการลงทุนมาเพิ่มมากขึ้นเพื่อตอบรับความต้องการที่หลากหลายของคนไทย
แต่จะเลือกลงทุนสินค้าตัวไหนดี อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคนกันแล้วแหละ ไม่ใช่ว่าซื้อตามๆ กันเพราะฟังเขาบอกว่าดี การวางแผนลงทุน อย่างแรกเลยคือต้องตอบโจทย์เป้าหมายที่ต้องการเป็นหลัก จะได้รู้ว่าเราลงทุนไปเพื่ออะไร อย่างเช่น อยากมีเงิน 10 ล้าน ภายใน 10 ปีข้างหน้า อยากเกษียณแล้วใช้เงินปีละ 1 ล้าน ตอนอายุ 50 ปีอะไรประมาณนี้
เมื่อกำหนดโจทย์หลักได้แล้ว ก็ค่อยมองไปที่เรื่องต่อมาคือ สถานะที่เป็นอยู่และความเสี่ยงที่เรารับได้ อันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องรู้ว่าจุดที่ยืนอยู่กับเป้าหมายมันห่างกันแค่ไหน มีข้อจำกัดในการลงทุนอะไรบ้างและรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด ถ้าไม่รู้ก็จะสร้างแผนการลงทุนให้ตัวเองได้ยากนะ
เมื่อรู้ทุกอย่างข้างต้นแล้วก็เดินหน้าจัดพอร์ตการลงทุนได้เลย ซึ่งวิธีการหลักคือการเฟ้นหาสินค้าการลงทุนและจัดพอร์ตให้มีความเสี่ยงที่ตัวเราเองรับได้อย่างสบายใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ผลตอบแทนที่สูงที่สุด
แต่ในการเลือกสินค้าการลงทุนมาทำให้พอร์ตสมบูรณ์แบบมากขึ้น ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องไหนเป็นหลัก งั้นเรามาดูกันว่า การติดสปีดให้พอร์ตการลงทุนนั้นต้องอาศัยปัจจัยอะไรบ้าง
1.ผลตอบแทนดีๆ เหนือเงินเฟ้อ
นี่เป็นสิ่งที่นักลงทุนทุกคนคาดหวังจากมันมากที่สุด เคยมีคำกล่าวว่าออมก่อนรวยกว่า แต่ว่าถ้าออมก่อนแต่วางเงินไว้ผิดที่ ก็สู้ออมทีหลังแต่ผลตอบแทนสูงกว่า ไม่ได้อยู่ดี
มีกฎของเลข 72 มายกตัวอย่างให้ดู กฎนี้มันบอกไว้ว่า ถ้าเอาเลข 72 ตั้ง แล้วเอาผลตอบแทนเฉลี่ยที่คาดหวังต่อปีมาหาร ก็จะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นจำนวนปีที่เงินลงทุนเริ่มต้นจะเติบโตเป็น 2 เท่าด้วยดอกเบี้ยทบต้น โดยไม่มีการออมเงินเพิ่มในระหว่างทาง
ถ้าเราฝากประจำกับธนาคาร 1 ล้านบาท ได้รับดอกเบี้ยทุกปี ปีละ 2% ใช้กฎ 72/2 = 36 ปี แต่ถ้าเรานำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมได้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 8% ใช้กฎ 72/8 = 9 ปี เท่านั้น
เงิน 1 ล้านจะเพิ่มเป็น 2 ล้าน ถ้าเป็นระยะเวลาเท่ากัน เงิน 1 ล้าน ผ่านไป 36 ปี ลงทุนแบบลืมๆ ไว้ จะกลายเป็นเงิน 16 ล้านแบบงงๆ เห็นได้ชัดเลยว่าผลตอบแทนมีผลกระทบต่อเงินลงทุนอย่างมาก
2.ลงทุนก่อนได้เปรียบยิ่งเร็วยิ่งดี
ระยะเวลา เรื่องนี้คือสิ่งที่นักลงทุนต้องคำนึง เพราะแผนการลงทุนจะถูกกำหนดขึ้นมาตามเป้าหมาย ถ้า เป้าหมายที่วางไว้เป็นแบบระยะยาว เงินลงทุนก็ยิ่งเติบโตเยอะขึ้นจากระยะเวลาที่มีมากขึ้น มันเลยเป็นที่มาของคำว่าออมก่อนรวยเร็วกว่า เป็นเรื่องของการใช้เวลาในการออมและลงทุน
สมมติกรณีศึกษาเป็น นาย ก. และ ข. ถ้านาย ก. เริ่มลงทุนก่อนตั้งแต่อายุ 25 ปี ต้องการเกษียณอายุตอน 60 ปี ด้วยจำนวนเงิน 20 ล้านบาท และลงทุนได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี โดยออมเงินเดือนละ 1 หมื่นบาทแบบชิลๆ ไปเรื่อยๆ นาย ก. จะมีเงิน 20 ล้านได้ตามเป้าหมายทันที
ขณะที่ นาย ข. เริ่มต้นออมเงินตอนอายุ 35 ปี เพราะก่อนหน้านี้มัวแต่จับจ่ายใช้สอย จ่ายแล้วจ่ายอีก นาย ข. เพิ่งรู้ตัวตอนอายุ 35 ปี จึงเริ่มออมเงิน หากมีเป้าหมายที่ 20 ล้านบาทเท่ากันและหาผลตอบแทนได้เท่ากับ ก. ชัดเจนเลยว่า ข. เริ่มช้ากว่าจึงต้องออมเงินเดือนละ 2 หมื่นบาท จึงจะเกษียณอายุได้ตามเป้าหมาย
เห็นไหมว่า ถ้าวางเงินถูกที่แล้ว แต่ออมทีหลัง ก็เหนื่อยกว่ากันถึงสองเท่า ดังนั้นลงทุนให้ได้ผลตอบแทนดี ตามที่เราสบายใจ และเริ่มลงทุนให้เร็วที่สุด นั่นแหละคือ คำตอบสู่ความมั่งคั่ง ลองมาดูการใช้เงินประกอบอื่นๆ เป็นเช่นไร
- ออมได้ตามเป้าหรือไม่ ถามตัวเองว่าออมเงินได้มากน้อยแค่ไหน เช่น ถ้าเคยบอกว่าจะออมเงินให้ได้เดือนละ 10% ถ้าทำได้ ก็ถือว่าข้อแรกผ่านฉลุยค่ะ
- ลงทุนได้ผลตอบแทนเท่าไร ลองมานั่งไล่เรียงเงินที่ตัวเองลงทุนไปตามช่องทางต่างๆ ทั้งหมดว่า ให้ผลตอบแทนเท่าไร ถ้าบวกลบคูณหารออกมาแล้วติดลบ แปลว่าปีนี้ล้มเหลวแล้วนะ
- ควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้เกินงบได้ดีแค่ไหน ถ้าแต่ละเดือนตัวเลขรายจ่ายแซงหน้ารายได้ หรือทะลุงบประมาณที่ตั้งไว้ทุกเดือนละก็ แบบนี้ถือว่าสอบไม่ผ่าน
- ทั้งปีคุณลดหนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ลองคำนวณดูว่า ตลอดทั้งปีหนี้หดไปอย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่ แต่ถ้ามีหนี้จากสินเชื่อบุคคลเพิ่มเข้ามาสมทบ อันนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสุขภาพการเงินของคุณทรุดลงค่ะ
แต่ถ้าตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำซัก 3 ข้อว่า ฉันทำได้ตามเป้าแล้วละก็ จัดว่าสุขภาพการเงินของคุณ ทรงตัวค่อนไปในทางที่ดี ส่วนคนที่ไม่เข้าเป้าเลยสักข้อไม่ต้องบอกก็รู้ว่า สุขภาพการเงินทรุดโทรมเอาการเลย แต่ไม่เป็นไร มาตั้งหลักกันใหม่ตั้งแต่วันนี้ก็ยังทัน
เรื่องเกษียณอายุอย่าคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว และอย่านิ่งนอนใจ มาเตรียมตัววางแผนเพื่อการเกษียณอย่างมีคุณภาพ เราอาจจะลืมเป้าหมายในการออมของเราไปบ้าง ก็ให้คอยย้ำเตือนตัวเองว่า เหนื่อยวันนี้ เพื่อสบายในวันข้างหน้าค่ะ n


