เมื่อหุ่นยนต์สื่อสารกันเองได้
สมัยเด็กๆ ที่บ้านเราจะรับ “นิตยสารชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์” เป็นประจำทุกเดือน ผมอ่านมันอยู่นานหลายปีและพูดได้ว่า
โดย...เอกศาสตร์ สรรพช่าง ภาพ : รอยเตอร์ส
สมัยเด็กๆ ที่บ้านเราจะรับ “นิตยสารชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์” เป็นประจำทุกเดือน ผมอ่านมันอยู่นานหลายปีและพูดได้ว่ามันทำให้ความสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ของผมถูกปลูกฝัง แม้ว่าจะเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ไม่ได้เรื่องเลยก็ตามที
แต่ชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ก็ทำให้ผมได้รู้จัก อาจารย์ชัยวัฒน์ คุปต์ตระกูล คอลัมนิสต์สมัยนั้นที่เขียนเรื่องราวของอวกาศและจักรวาล เลยมาจนถึงนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังที่สุดสองคน นั่นคือ ไอแซก อาซิมอฟ และอาร์เธอร์ ซี คลาก
นิยายของนักเขียนทั้งสองคนเติมเต็มจินตนาการวัยเด็กที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องการท่องอวกาศ โลกในอนาคต และความเพ้อฝันไฮเทคที่ไม่สามารถเป็นจริงได้
เรื่องหนึ่งที่ถูกเล่าบ่อยๆ ในยุคนั้นก็คือเรื่องของหุ่นยนต์ที่มีชีวิต มีความคิดความอ่านคล้ายมนุษย์และอยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกับเรา
ในยุคนั้นหัวข้อเหล่านี้คือเรื่องในนิยาย แต่สำหรับปัจจุบันเรื่องที่ดูเป็นเรื่องไม่น่าเป็นไปได้นี้ กลายเป็นเรื่องที่ดูไม่ไกลเกินจริง และคิดว่าผมน่าจะได้เห็นโลกที่หุ่นยนต์อยู่ร่วมกับมนุษย์จริงๆ ได้ก่อนผมจะม่องเท่งแน่นอน
ไอแซก อาซิมอฟ เคยเขียนเรื่อง I, Robot ซึ่งโด่งมากในยุค 90’s ไว้ตั้งแต่ปี 1950 ซึ่งดูเหมือนว่ามันกำลังจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว
เมื่อดูจากสัดส่วนของหุ่นยนต์ที่เริ่มเข้ามาแทนที่แรงงานของมนุษย์มากขึ้น ประเทศพัฒนาแล้วอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นมีหุ่นยนต์ทำงาน 3-4 ตัวต่อแรงงานมนุษย์ 100 คน และน่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานมานี้หุ่นยนต์ก้าวไปอีกขั้น เมื่อมีการทดสอบในสหรัฐ พบว่า หุ่นยนต์สามารถสร้าง “ภาษา” ของตัวเองขึ้นเพื่อติดต่อกันเอง และเป็นภาษาที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้เสียด้วย
มีการเปิดเผยจาก Igor Mordatch นักหุ่นยนต์วิทยาที่ทำงานอยู่ใน OpenAI บริษัทพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ก่อตั้งโดย Elon Musk เขาได้ทำการทดลองให้หุ่นยนต์สองตัวช่วยกันแก้ปัญหาง่ายๆ เช่น การย้ายวงกลมแม่สีบนกระดานขาว แล้วสร้างเงื่อนไขให้หุ่นยนต์สองตัวนี้สื่อสารกันเอง และตกลงกันเพื่อแก้ปัญหาให้ได้ตามโจทย์ที่เรากำหนด
การทดลองครั้งนี้พบว่า หุ่นยนต์สามารถสร้างโค้ดเพื่อใช้ติดต่อกันเองเพื่อแก้ปัญหานี้ให้เร็วและดีที่สุด โค้ดหรือจะเรียกว่าเป็น “ภาษา” อย่างง่ายๆ เป็นภาษาที่สร้างขึ้น เพื่อให้พวกมันเข้าใจกันเอง มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้
หลักการทำงานของภาษาหุ่นยนต์คือ การสร้างสัญลักษณ์นามธรรมสักอย่างหนึ่งที่ตกลงร่วมกันและใช้เป็นตัวนำทางในการสื่อสารเพื่อช่วยนำทางและตัดสินใจ สัญลักษณ์ที่กำหนดขึ้นมานี้ อาจหมายถึงการบอกให้หุ่นยนต์อีกตัว “ไปที่นั่น” หรือบอกให้ “ดูตรงนี้” เพื่อช่วยในการตัดสินใจในการแก้ปัญหา
คาดว่าในอนาคตเมื่อสมองกลพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ การสื่อสารนี้ก็น่าจะพัฒนาซับซ้อนและทำงานที่ยากกว่านี้ได้
ข่าวนี้ผมอ่านจากเว็บไซต์ของ wire.com ยอมรับว่ามันน่าตื่นเต้นมาก ทำให้ผมอดนึกถึงเนื้อเรื่องในนิยาย I,Robot ของไอแซก อาซิมอฟ ไม่ได้ มีตอนหนึ่งที่เขาพูดถึงการตั้งกฎ 3 ข้อของหุ่นยต์ (Three Laws of Robotics) เพื่อการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ เช่นว่า หุ่นยนต์ไม่สามารถทำร้ายคนได้ หุ่นยนต์ไม่สามารถปล่อยให้มนุษย์บาดเจ็บ หรือทำให้มนุษย์บาดเจ็บได้ หุ่นยนต์ต้องเชื่อฟังคำสั่งของมนุษย์ ยกเว้นว่าจะขัดแย้งกับข้อแรก (เช่นว่า สั่งให้หุ่นยนต์ฆ่าเจ้านายของตัว) และหุ่นยนต์ต้องปกป้องมนุษย์
แม้ว่าตอนนี้หุ่นยนต์ที่เราพัฒนาอาจยังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น เพราะในแง่ทางกายภาพ หุ่นยนต์ส่วนใหญ่ที่เราใช้ตอนนี้คือ การทำงานตามคำสั่ง และยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามอิสระมากนัก แล้วยังคิดเป็นสัดส่วนต่อประชากรมนุษย์ยังไม่มากนัก แต่ในอนาคตเมื่อหุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนคนและมันฉลาดขึ้นเรื่อยๆ
คิดว่าโจทย์นี้ยากและซับซ้อนมากกว่าแค่การอยู่ร่วมกัน แต่มันอาจรวมไปถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ บทบาทการทำงานและคุณค่าทางด้านศีลธรรมที่อาจต้องเปลี่ยนไป
สิ่งที่น่าคิดอีกอย่างก็คือ ยังมีหุ่นยนต์อีกประเภทที่มาในรูปแบบของ “โปรแกรม” ที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่นักหุ่นยนต์วิทยาและโปรแกรมเมอร์ทั้งหลายก็สนใจศึกษากันมากนะครับ เพราะไม่ใช่เฉพาะที่ OpenAI เท่านั้น แต่ทั้งเฟซบุ๊กและกูเกิลก็ให้ความสนใจในการศึกษาเรื่องนี้เช่นกัน
ว่าอัลกอริทึมที่พวกเขาเขียนไว้ในการช่วยทำงานต่างๆ เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของเรา หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า “บอต” ตอนนี้เพิ่มความสามารถของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ตามข้อมูลที่มากขึ้นและตามความสามารถของการเก็บและอ่านข้อมูลที่เร็วขึ้น
อย่างหนึ่งที่เราเห็นได้ชัดเลยก็คือ การเรียนรู้เรื่องภาษาของหุ่นยนต์เหล่านี้ถือว่าพัฒนาได้รวดเร็วมาก และอีกไม่นานระบบโต้ตอบอย่าง Siri หรือกูเกิล อาจจะสามารถสื่อสารระหว่างเครื่องได้เองก็เป็นได้
เชื่อว่าพร้อมๆ กับการพัฒนาความสัมพันธ์ของมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดขึ้น นักมานุษยวิทยาและนักสังคมศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ก็น่าจะเริ่มสนใจศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์กับหุ่นยนต์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน เพราะเป็นไปได้มาก ว่างานหลายๆ อย่างที่มนุษย์เคยทำได้ ก็จะกลายเป็นงานของหุ่นยนต์ และงานที่ต้องการการประมวลผลอย่างรวดเร็ว เช่น ข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ก็จะกลายเป็นงานที่ผูกขาดโดยหุ่นยนต์เหล่านี้แน่นอน
การควบคุมและการแบ่งงาน การให้คุณค่า การกำหนดท่าทีในความสัมพันธ์ น่าจะเป็นเรื่องที่เราต้องคิดกันอย่างจริงจังในครึ่งศตวรรษแรกของสหัสวรรษใหม่นี้แน่นอน


