อ.ไชยวรศิลป์ นักเขียนสิทธิสตรีเพื่อสาวเหนือ
อ.ไชยวรศิลป์ มีชื่อจริงคือ อำพัน ไชยวรศิลป์ เกิดเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2460 ซึ่งปีนี้ก็ครบรอบ 100 ปี ชาตกาล
โดย...พริบพันดาว
อ.ไชยวรศิลป์ มีชื่อจริงคือ อำพัน ไชยวรศิลป์ เกิดเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2460 ซึ่งปีนี้ก็ครบรอบ 100 ปี ชาตกาล
ถือกำเนิดที่ อ.สูงเม่น จ.แพร่ เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนคริสต์ประดิษฐ์มโนวงศ์ จ.เชียงใหม่ และย้ายไปเรียนที่อื่นอีกหลายแห่งตามที่บิดาย้ายไปรับราชการ
สุดท้ายกลับไปจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนดาราวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ เริ่มเขียนเรื่องสั้นเรื่องแรกชื่อ “หนทางรัก” เมื่ออายุได้ 15 ปี โดยใช้นามปากกา อ.ไชยวรศิลป์ จากนั้นจึงเขียนเรื่อยมา
นวนิยายเรื่องแรกชื่อ “เกิดเป็นคน” เรื่องที่ทำให้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักอ่าน คือ “ฉันเขียนเรื่องนี้เพื่อเธอ” และ” แม่สายสะอื้น”
ตลอดชีวิตการทำงานเขียน มีผลงานเรื่องสั้นประมาณ 300-400 เรื่อง และนวนิยายอีกกว่า 40 เรื่อง
สารคดีเรื่อง “นิยายเมืองเหนือ” ได้รับรางวัลยูเนสโก ประจำปี 2530 ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2533 ด้วยวัย 72 ปี ขณะกำลังเขียนนวนิยายเรื่องสุดท้ายชื่อ “ก่อนชีวาจะลาลับ”
อ.ไชยวรศิลป์ ได้รับรางวัลศรีบูรพา เป็นคนที่ 2 ในปี 2532
ในบทความชื่อ “อ.ไชยวรศิลป์ นักเขียนหญิงเมืองเหนือ หนึ่งในกบฏสันติภาพ” โดย ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์ เขียนถึงประวัติของ อ.ไชยวรศิลป์ ว่า
“เริ่มเขียนเรื่องสั้นชิ้นแรก ชื่อ ‘หนทางรัก’ เมื่ออายุได้เพียง 15 ปี ใช้นามปากกา อ.ไชยวรศิลป์ ส่วนนวนิยายเรื่องแรกคือ ‘เกิดเป็นคน’ จากนั้นก็เขียนนวนิยายโรมานซ์แนว ‘พระเอกเมืองกรุง นางเอกเอื้องเหนือ’ กว่า 40 เรื่อง”
และมีข้อสังเกตว่ามักตั้งชื่อนิยายเหล่านั้นด้วยสัญลักษณ์ของสายน้ำอันไพเราะเพราะพริ้ง อาทิ มนต์แม่ระมิงค์ แทบฝั่งอิระวดี ประทีปเหนือธารพิงค์ พระจันทร์ครึ่งดวงที่วาปี แม่สายสะอื้น เรื่องหลังนี้ได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในหนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน
นักเขียนหญิงล้านนายอมรับว่านวนิยายยุคแรกของเธอนั้นออกแนวเพ้อฝันประโลมโลกเอาใจตลาด ด้วยต้องปากกัดตีนถีบหาเลี้ยงชีพ เพื่อยืนหยัดอยู่ในบรรณพิภพให้ได้ซึ่งเป็นอาณาบริเวณของนักเขียนชายส่วนใหญ่ในยุคนั้น แต่ทว่าเอื้องเหนือที่เป็นตัวละครแต่ละนางก็หาใช่ผู้หญิงที่ง่ายนักสำหรับการเด็ดดอมของผู้ชายบางกอก
ควบคู่ไปกับความหลงใหลในมนต์ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นล้านนาตามที่ครู ส.ธรรมยศ ได้ปูทางไว้ให้ นามปากกา “อสิธารา” จึงอุบัติขึ้น ด้วยงานวรรณกรรมประเภท “สาระนิยาย” คือเป็นสารคดีที่มีการผูกบทให้ตัวละครสนทนากันคล้ายกับการเดินเรื่องแบบนวนิยาย
งานชิ้นโบแดงแนวนี้คือ นิยายเมืองเหนือ ได้รับรางวัลหนังสือยอดเยี่ยมประเภทสารคดีจากยูเนสโก เมื่อปี 2510 และล่าสุด ปี 2551 มีการพิมพ์ใหม่เปลี่ยนชื่อเป็น “เล่าเรื่องเมืองเหนือ”
นอกเหนือจากนามปากกา อ.ไชยวรศิลป์ กับอสิธาราแล้ว ยังใช้ “เอื้อ อรทัย” สำหรับงานเขียนคอลัมน์ตอบปัญหาข้อข้องใจวัยรุ่น
ยุคถัดมาเธอเริ่มสนใจในอุดมการณ์ทางการเมืองตามแนวทางของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ “ศรีบูรพา” จึงเบนเข็มมาสร้างสรรค์งานเรื่องสั้นประเภทเสียดสีสังคมอย่างแสบสันต์ แทนที่งานเขียนนวนิยายสิบตังค์
เรื่องสั้นยุคที่เธอเอนเอียงมาทางลัทธิสังคมนิยมนั้น นักวิจารณ์วรรณกรรมจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับนักเขียนหญิงแกร่งที่มีชื่อเสียงร่วมรุ่นกัน ได้แก่ ร.จันทพิมพะ แข ณ วังน้อย ซึ่งน่าจะส่งอิทธิพลให้แก่นักเขียนรุ่นถัดมาอย่าง กฤษณา อโศกสิน โบตั๋น และอาจรวมไปถึงศรีดาวเรือง อยู่บ้าง
กล่าวคือเป็นงานเขียนที่สะท้อนถึงชีวิตของผู้หญิงรากหญ้าสามัญชนที่เข้าใจโลกและชีวิต มีความอาจหาญ ทระนง พึ่งพาตัวเอง กล้าลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องสิทธิจากชาย
อันเป็นแนวกึ่งกลางที่อยู่ระหว่างงานเขียนแนว “ขนบนิยม-กุลสตรีสำเร็จรูป” สวย รวย หยิ่ง รักนวลสงวนตัว ดั่งงานของนักเขียนรุ่นครูคือ ดอกไม้สด และ ก.สุรางคนางค์ กับแนวหวือหวาวาบหวิวของผู้หญิงขบถ รักเสรีเปิดเผยเรื่องเพศ ดังเช่น สุวรรณี สุคนธา
เรื่องสั้นและนวนิยายยุคหลังๆ ของ อ.ไชยวรศิลป์ มุ่งประเด็นเกี่ยวกับสิทธิสตรีอย่างชัดเจน ตัวละครหญิงในแทบทุกเรื่องล้วนแต่ประกาศตัวตนว่าไม่อาจทนกับสภาพความเป็นชายที่เอาเปรียบเพศหญิง แถมบางเรื่องยังมีการตอบโต้และแก้แค้นเพศชายด้วยวิธีรุนแรง
เพื่อเป็นเกียรติแก่นักเขียนหญิงผู้นี้ สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ยุคประภัสสร เสวิกุล เป็นนายกสมาคม (ปี 2545-2547) จึงได้มีการจัดประกวดวรรณกรรมที่เน้นเนื้อหาส่งเสริมสถานภาพและเกียรติภูมิของสตรีขึ้น ในนามรางวัลอนุสรณ์ อ.ไชยวรศิลป์ น่าเสียดายที่รางวัลนี้มีเพียงแค่ 2 ปี และได้ยกเลิกไป
เมื่อหยิบวิทยานิพนธ์ เรื่อง “การสร้างภาพลักษณ์ผู้หญิงเหนือ ในนวนิยายของ อ.ไชยวรศิลป์” ของ สุนทร คำยอด ก็จะพบถึงมุมมองของ อ.ไชยวรศิลป์ ในการทำงานด้านงานเขียน
เนื่องจากภาพลักษณ์ด้านลบที่ถูกสร้างขึ้นให้แก่ผู้หญิงเหนือ อ.ไชยวรศิลป์ ได้นิยามใหม่ให้กับผู้หญิงเหนือ โดยสร้างภาพลักษณ์ผู้หญิงเหนือขึ้นมา 5 ลักษณะ คือ 1.การสร้างความเป็นผู้หญิงเหนือผ่านความสัมพันธ์ในครอบครัว 2.การสร้างผู้หญิงเหนือกับการวางตัวในสังคม 3.การสร้างผู้หญิงเหนือที่มีความภูมิใจในอัตลักษณ์ 4.การสร้างผู้หญิงเหนือที่แข็งแกร่ง 5.การสร้างความเป็นหญิงเหนือที่รักสันโดษ
โดยการสร้างภาพลักษณ์ดังกล่าวถูกนำเสนอผ่านตัวบท โดยการสร้างภาพลักษณ์ของกุลสตรี เพื่อตอบโต้ด้านลบที่สร้างขึ้นจากส่วนกลาง
อ.ไชยวรศิลป์ ได้ตอบโต้การสร้างภาพลักษณ์ด้านลบของผู้หญิงเหนือ 2 ลักษณะ คือ ลักษณะที่ 1 การสร้างความเป็นอื่นให้กับส่วนกลาง ซึ่ง อ.ไชยวรศิลป์ ตอบโต้ 3 ประการ คือ สร้างภาพลักษณ์ด้านลบให้ผู้หญิงภาคกลาง สร้างภาพลักษณ์ด้านลบให้ผู้หญิงเหนือที่มีความสัมพันธ์กับส่วนกลาง และการสร้างภาพลักษณ์ด้านลบให้แก่กรุงเทพฯ
ลักษณะที่ 2 การตอบโต้การดูถูกผู้หญิงเหนือ อ.ไชยศิลป์ ตอบโต้การดูถูกผู้หญิงเหนือ 5 ประการ ดังนี้ 1.การตอบโต้ภาพลักษณ์ผู้หญิงเหนือใจง่าย 2.การตอบโต้ภาพลักษณ์โสเภณี 3.การตอบโต้วาทกรรม “อีลาว” 4.การตอบโต้วรรณกรรมภาคกลางที่สร้างภาพลักษณ์ด้านลบให้ผู้หญิงเหนือ และ 5.การสร้างภาพลักษณ์ด้านลบให้กับผู้ชายภาคกลาง
นี่คือนักเขียนหญิงหัวก้าวหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้ผู้หญิงชาวเหนืออย่างแท้จริง


