posttoday

‘มินิมอล’ คำตอบของมนุษย์คอนโด

06 พฤษภาคม 2560

แนวคิด “มินิมอล” ที่เน้นความเรียบง่ายและไม่สะสมวัตถุมากเกินจำเป็น กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในญี่ปุ่น

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ : รอยเตอร์ส

 แนวคิด “มินิมอล” ที่เน้นความเรียบง่ายและไม่สะสมวัตถุมากเกินจำเป็น กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในญี่ปุ่น สวนทางสังคมบริโภคนิยม เป็นแนวคิดที่น่าสนใจที่น่าจะตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตแนวดิ่งของคนยุคนี้ ที่หลายครั้งมักโอดครวญว่าชีวิตในคอนโดมิเนียมแสนสะดวกสบาย แต่ก็ต้องแลกด้วยพื้นที่ใช้สอยที่จำกัด

 โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ตอนไปดูห้องตัวอย่างตามโครงการต่างๆ ก็สวยถูกใจไปหมด แต่พอคิดจะย้ายเข้าไปอยู่จริง กลับไม่ตอบโจทย์ เพราะไม่รู้จะจัดการกับกองทัพเสื้อผ้า รองเท้า และกระเป๋าอย่างไรให้ลงตัวกับพื้นที่ห้องพักกลางเมืองที่จำกัด

 ถ้าคุณเป็นมนุษย์คอนโดที่หาทางออกให้ตัวเองจากปัญหานี้ไม่ได้ ลองไปดูไอเดียการใช้ชีวิตในแนวดิ่งของชาวญี่ปุ่นที่น่าจะตอบโจทย์กับคนยุคนี้ดู

 ฟูมิโอะ ซาซากิ นักเขียนหนุ่มวัย 35 ปี เจ้าของผลงาน Goodbye, Things: The New Japanese Minimalism เขาอาศัยอยู่ในห้องอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ห้องเดียว มีเสื้อเชิ้ต 3 ตัว กางเกง 4 ตัว ถุงเท้าแค่ 4 คู่ แต่ก่อนเขาซึ่งเคยเป็นนักสะสมหนังสือและแผ่นซีดี ดีวีดี มักจะประสบปัญหาในการหาที่เก็บคอลเลกชั่นสะสมของตนเอง จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อนที่เขาเริ่มรู้สึกอิ่มตัว และได้รู้จักกับแนวคิด “มินิมอล” หรือแนวคิดน้อยแต่มาก

‘มินิมอล’ คำตอบของมนุษย์คอนโด

 เขาค่อยๆ ปรับตัว จนทุกวันนี้ ซาซากิ มีข้าวของในครอบครองเพียง 150 ชิ้นเท่านั้น โดยเขาเลือกที่จะครอบครองสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน จากแต่ก่อนที่เขาประเมินว่าตัวเองน่าจะมีข้าวของในครอบครองมากกว่านี้ถึง 10 เท่า

 เขาทำได้อย่างไร? นี่คงเป็นคำถามที่ป๊อปอัพขึ้นในใจหลายๆ คน เฉลยตรงนี้เลยว่า เขาแค่เลือกวิถีชีวิตที่เน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก ซื้อข้าวของเท่าที่จำเป็นต้องใช้ และไม่เก็บสะสมวัตถุสิ่งของใดๆ เลย

 “การใช้ชีวิตตามแนวคิดมินิมัลลิสต์ คือ การลดการครอบครองเป็นเจ้าของให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งของที่จำเป็น ถ้าคุณได้ลองใช้ชีวิตแบบนี้ คุณจะรู้ว่าความสุขที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่คุณจะรู้สึกได้อยู่ในห้องเล็กๆ ที่เป็นระเบียบ ง่ายต่อการดูแลและทำความสำอาด แต่ยังทำให้คุณมีโอกาสได้อยู่กับตัวเอง และค้นหาว่าความสุขที่แท้จริงในชีวิตของคุณคืออะไร”

 หนุ่มสุดติสต์ยังบอกด้วยว่า เวลาที่เขาใช้ในการดูแลบ้านที่น้อยลง การที่เขาไม่ต้องเสียเวลาไปกับการช็อปปิ้ง ทำให้เขามีเวลาพบปะกับเพื่อนฝูงมากขึ้น ได้ออกไปข้างนอกหรือเดินทางในวันว่างมากขึ้น ทำให้เขารู้สึกเป็นคนแอ็กทีฟมากกว่าเก่า

 “ทุกวันนี้ รูปแบบการใช้จ่ายของผมเปลี่ยนไป จากแต่ก่อนที่ผมหมดเงินไปกับการซื้อของ แต่เดี๋ยวนี้ผมใช้เงินไปกับการซื้อประสบการณ์ให้ชีวิต พาตัวเองออกไปเปิดโลก ลองทำกิจกรรมใหม่”

‘มินิมอล’ คำตอบของมนุษย์คอนโด

ซาซากิ ยังบอกด้วยว่า คนเรามักคิดว่ายิ่งมีมากเท่าไหร่ ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะได้รับอะไรมา ดังนั้น วันนี้เราจึงต้องเลือกที่จะเก็บไว้ให้มากที่สุด ซึ่งนั่นหมายความว่า เพื่อที่จะได้ครอบครองในสิ่งที่ต้องการ เราต้องหาพยายามเงินให้ได้มาก โดยที่ไม่รู้ว่าพาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงจรนั้น คือ การที่เรากำลังปลูกฝังตัวเองให้ค่ากับเงินและตัดสินคนอื่นจากความสามารถในการหาเงินของเขา

 “ทุกวันนี้ผมเลือกที่จะบอกลาของมากมายที่เคยมีในช่วงหลายปีก่อน และตอนนี้ผมก็พบว่าตัวเองมีความสุขกว่าที่เคย รู้สึกดีกับตัวเองมากกว่าในอดีต”

 สำหรับชาวคอนโดที่ได้ฟังเรื่องราวของซาซากิแล้ว อาจไม่จำเป็นต้องสุดโต่งถึงขนาดหาวันว่างที่จะถึงนี้ต้องขนของไปเปิดท้ายเลหลัง แต่แค่ลองหยิบมาเป็นไอเดีย เพื่อให้คุณยอมสละหรือตัดใจจากของบางอย่างที่อาจไม่จำเป็นกับชีวิตออกไปบ้าง อย่างน้อยเดือนละ 5-10 ชิ้น ก็ยังดี

 รู้ตัวอีกทีคุณก็อาจกลายเป็นคนที่มีชีวิตคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้

ข่าวล่าสุด

สธ. ปั้นนโยบายขึ้นทะเบียนยา ATMPs ‘เร็วที่สุดในอาเซียน’ ดัน 'Medical Economy'