บารมี เที่ยงธรรม ดำเนินชีวิตด้วยสติ
แบงค์-บารมี เที่ยงธรรม วัย 32 ปี ทายาทคนสุดท้องของ จองชัย เที่ยงธรรม อดีต รมว.แรงงานและสวัสดิการสังคม กับ ดร.มุกดา เที่ยงธรรม
โดย...วราภรณ์ ภาพ : ภัทรชัย ปรีชาพานิช
แบงค์-บารมี เที่ยงธรรม วัย 32 ปี ทายาทคนสุดท้องของ จองชัย เที่ยงธรรม อดีต รมว.แรงงานและสวัสดิการสังคม กับ ดร.มุกดา เที่ยงธรรม
ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้ มีดีกรีจบการศึกษาปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ (บีเอ) สาขาวิชาการตลาด จากมหาวิทยาลัยมหิดล (อินเตอร์) ปัจจุบันเขาดูแลและเป็นเจ้าของสวนอินทผลัม ที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งตั้งให้เป็นศูนย์การเรียนรู้เพาะพันธ์ุและจำหน่ายต้นพันธุ์อินทผลัม และดูแลกิจการที่บ้านคือโรงสับไม้สุพรรณ 2015 (วู้ดชิป) ผู้ผลิตเชื้อเพลิงส่งโรงงานไฟฟ้าชีวมวล
ค่าที่คุณพ่อเป็นชาว จ.สุพรรณบุรี โดยกำเนิด แม้เขาจะเติบโตและเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ แต่ก็หลงรักบ้านเกิดของผู้เป็นพ่อ โดยตั้งใจพัฒนา จ.สุพรรณบุรี ให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอันดับต้นๆ ของประเทศไทยให้ได้ ล่าสุดจึงได้เป็นโต้โผใหญ่ในการจัดเลดี้ แรลลี่ ทริป “รักจังสุพรรณบุรี” เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของ จ.สุพรรณบุรี โดยใช้เรื่องการท่องเที่ยว โดยบารมีในตำแหน่งประธานการจัดงานและประธานสมาคมนักธุรกิจรุ่นใหม่ (yec) ภายใต้สมาคมหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกงานหนึ่งที่ท้าทายมากเพราะเป็นการจัดเลดี้ แรลลี่ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อให้สุภาพสตรีได้สิทธิพิเศษเต็มที่
บารมีเผยถึงแรงบันดาลใจในการจัดงานที่เลือกเจาะกลุ่มสุภาพสตรี ด้วยเขาเติบโตมากับนักบัญชี คือ คุณแม่และพี่สาวมองว่าผู้หญิงเป็นเพศที่มีกำลังและอำนาจการจับจ่ายสูง และชื่นชอบของสวยๆ งามๆ จ.สุพรรณบุรี มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ลองไปแวะสักครั้งแล้วจะติดใจ
“เลดี้ แรลลี่ ทริป เราเชิญชวนเฉพาะสาวๆ ให้มาร่วมสนุกกับการแข่งขันแรลลี่ เนื่องจากเป็นเส้นทางการแข่งขันที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และผู้หญิงส่วนใหญ่จะสนุกกับกิจกรรมชิม ชม แชะ ผ่านทางโซเชียลมีเดียมากกว่าผู้ชาย
ผมอยากให้สุพรรณบุรีเป็นที่ปักหมุดแหล่งท่องเที่ยวของคนไทย ผู้หญิงเวลาเจอสวนดอกไม้สวยๆ ของ จ.สุพรรณบุรี ผมรับรองว่าอดใจถ่ายภาพกับดอกไม้สวยๆ ไม่ได้แน่ ถ่ายเสร็จแล้วก็อยากเอาลงอินสตาแกรม เราต้องการให้เกิดเป็นกระแสออนไลน์ในวงกว้าง
เราอยากบอกนักท่องเที่ยวว่าตอนนี้สุพรรณบุรีมีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย จุดประสงค์ของการจัดงาน คือ รักจัง สุพรรณบุรี เกิดจากความรักสุพรรณ เมื่อเรารักจังหวัดเราก็อยากให้คนสุพรรณมีเศรษฐกิจที่ดี เมื่อประชากรมีความสุข อาชญากรรมก็จะลดลง เมื่อคนมีอาชีพ มองว่าเราก็สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ โดยเริ่มที่เรา แต่ผมทำคนเดียวไม่ไหว แต่การช่วยชักชวนคนให้แวะสุพรรณบุรี จากที่เคยเป็นแค่ทางผ่าน อยากให้นักท่องเที่ยวมานอนค้างที่สุพรรณบุรีมากขึ้น อยากให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสความอร่อยดั้งเดิม มาเห็นวิถีชีวิตของคนสุพรรณบุรี พาไปร้านขายปลาสลิดที่อร่อยเป็นที่โปรดปรานของท่านอดีตนายกฯ บรรหาร ที่ชอบไปรับประทาน เรียกว่าอร่อยแบบพื้นถิ่นจริงๆ”
แรลลี่ “รักจังสุพรรณบุรี” ภายใต้โครงการ “เที่ยวสุขใจ ใกล้แค่เอื้อม” ยังเชิญชวนให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมกันสำนึกรักบ้านเกิด เนื่องจาก จ.สุพรรณบุรี มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ รวมทั้งมีศูนย์เรียนรู้ทางการเกษตร เรียกได้ว่า จ.สุพรรณบุรี คือ อู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญและการสร้างสรรค์กิจกรรมครั้งนี้ จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการประชาสัมพันธ์แก่นักท่องเที่ยวทั่วไปเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้ชุมชน งานจัดระหว่างวันที่ 6-7 พ.ค. อวดแหล่งท่องเที่ยว อาทิ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อุทยานมังกรสวรรค์ วัดป่าเลไลยก์ ชมสวนอินทผลัมศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้) บึงฉวางเฉลิมพระเกียรติ สามชุก ตลาดร้อยปี เป็นต้น ซึ่งตั้งแต่เปิดรับสมัครมาก็มีผู้ให้ความสนใจมากมาย
นอกจากนี้ หมวกอีกใบหนึ่งของบารมีคือการเป็นชาวไร่หน้ามน เจ้าของสวนอินทผลัมที่ดูแลแทนคุณพ่อ ซึ่งการปลูกมาจากวิสัยทัศน์ของคุณพ่อทั้งสิ้น
“สวนอินทผลัมของเราเป็นสวนที่ใหญ่ปลูกบนพื้นที่ 40 ไร่ แต่มีต้นกล้าอีกราวแสนต้น ผมเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ที่ใหญ่ที่สุด ผมพยายามช่วยชาวไร่ตัดคนกลางออกไป ตอนนี้เกษตรกรฉลาด เขาถามก่อนว่าเอาต้นกล้าของผมไปปลูกแล้วผมจะรับซื้อไหม ผมบอกว่าทำไมจะขายให้ผมกิโลกรัมละ 200 บาทล่ะ ผมจะช่วยให้เกษตรกรขายได้กิโลกรัมละ 800 บาทได้นะ เพราะผมเห็นเกษตรกรทำงานตากแดด แบกรับภาระเสียหายเอง วัชพืชแมลงต่างๆ ค่าปุ๋ยค่ายาต้องดูแลเอง ดังนั้นเวลาขายก็ควรได้ราคาดีๆ ซิ ตอนนี้เรามีโรงไม้สักวู้ดชิป เรานำไม้ท่อนมาย่อยให้เหลือหนึ่งนิ้วคูณหนึ่งนิ้ว ส่งให้โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้ามิตรผล เป็นต้น”
ต้นแบบดี ต้นกล้าจึงดีตามไปด้วย บารมี กล่าวว่า คุณพ่อจองชัยก็คือต้นแบบที่ดีให้เขาได้เดินตาม คุณพ่อสอนเขาเสมออันดับแรก คือ การช่วยเหลือคน เกิดมาในชีวิตนี้สิ่งที่ต้องทำให้ได้คือ เราต้องดูแลตัวเองให้ได้ ดูแลพ่อแม่ได้ ถ้าเมื่อไหร่คุณยังดูแลตัวเองไมได้ คุณจะกลับมาเป็นภาระคนอื่นเสมอ ย้อนกลับไปที่สังคมขนาดใหญ่ถ้าคนไทยดูแลตัวเองได้ปัญหาการเมืองก็จะไม่เกิด จะไม่มีการคอร์รัปชั่น ประชาชนจะไม่ยอมขายเสียง
“พ่อยังสอนผมอีกคือ เมื่อดูแลตัวเองได้ เราต้องมีเหลือเก็บเผื่อยามฉุกเฉินคือต้องมีเงินออม อุบัติเหตุมาเมื่อไหร่ไม่รู้ ดังนั้นเราต้องมีเงินสำรองไว้ เมื่อออมเงินได้แล้วนอกเหนือจากนั้นลองเอามาลงทุน ถ้ามี
เหลือจริงๆ ต้องตอบแทนสังคมบ้าง เพราะหากเราทำธุรกิจสะอาดอย่างไร เมื่อเราได้ก็ต้องมีคนเสีย เช่น เรากินเครื่องดื่มยี่ห้อเอ ยี่ห้อบีก็ไม่ได้ลูกค้า
ผมคิดว่าคนเราเกิดมามีพื้นฐานที่ไม่เท่ากัน ส่วนโอกาสจะเท่ากันไหม โอกาสอาจวิ่งเข้าหาเรา แต่เราต้องมีความพร้อมที่จะรับโอกาสนั้นด้วย อีกทั้งต้องเตรียมตัวให้พร้อม บางคนเวิร์กฮาร์ด เพลย์ฮาร์ดเดอร์ เราสนุกผ่อนคลายเต็มที่ได้ แต่ต้องดูแลสุขภาพร่างกายเราให้ดีด้วย เพราะหากเรามีเงินหมื่นล้านแต่ต้องนอนติดเตียงเพราะเราไม่ดูแลสุขภาพให้ดี เงินที่มีก็ไม่มีประโยชน์”
เห็นเป็นคนคุยสนุกและเป็นที่รักของเพื่อนๆ แบบนี้ การทำงานของบารมีก็มีมุมที่เครียดบ้าง แต่ค่าที่เคยบวชเรียนในบวรพระพุทธศาสนาหลายครั้ง ทำให้เขาได้ซึมซับคำสั่งสอนของพระประยุทธ์ ปยุตโต คือสติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
“อยู่แต่ในวัดประมาณ 1 เดือนเป็นอย่างต่ำ ในวัดที่ผมบวชอยู่ย่านพุทธมณฑลสาย 4 เป็นวัดที่เคร่งมาก กุฏิของพระสงฆ์ห้ามฆราวาสเข้าไปเดินเพ่นพานเด็ดขาด และพระสงฆ์ต้องแต่งกายให้เรียบร้อย ในวัดก็เป็นระเบียบเรียบร้อย ฉันและสวดมนต์เป็นเวลา และเป็นวัดที่มีแต่ให้ ผมเห็นมีตู้รับบริจาคเพียงตู้เดียวและเก็บไว้ลึกมากๆ
อยู่ที่วัดนี้ผมได้ศึกษาธรรมะ ได้ข้อคิดว่าชีวิตนี้มีสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีสติ เวลาเราโกรธก็โกรธหนึ่งถึงสิบ แต่สิ่งที่พระอาจารย์สอนคือเราโกรธให้รู้ว่าโกรธ แต่คนเราจะห้ามความโกรธไม่ได้ สิ่งที่เราทำได้ถ้าเรามีสติ โกรธหนึ่งคั่นไว้ ความโกรธจากความรุนแรงจะลดลง หากเรามีสติ สติจะมาช่วยเราคิด ศีลห้าข้อที่ต้องยึดครองที่สุดและอันตรายที่สุดคือ ศีลข้อ 5 คือสุรา แค่ดื่มเหล้าแล้วไม่มีสติก็สามารถฆ่าคนได้ ซึ่งพบเห็นในข่าวอยู่เสมอๆ”
หากมีปัญหาทั้งในชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว สองสิ่งที่บารมีไม่สามารถปราบได้ คือ ครอบครัว เช่น ญาติพี่น้องกับคนรัก ส่วนเรื่องงานอื่นๆ ใช้คำง่ายๆ ก็แค่การปล่อยวาง หรือช่างมันนั่นเอง
“บางครั้งเราอยากให้งานออกมาดีให้เป็นแบบนี้ๆ แต่หากไม่เป็นไปตามที่คิด ผมคิดปลงเสมอว่าบางอย่างในตัวผม ผมยังเปลี่ยนไม่ได้เลย สุดท้ายแล้วการงานทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา ถ้าเรามัวแต่โทษคนอื่น คนนั้นจะไม่มีวันเจริญเลย เราต้องปรับเปลี่ยนที่ตัวเอง ถ้าผมสั่งงานไป เกิดความเสียหายก็แค่ลงโทษแค่นั้นก็พอ แต่ผมเป็นคนที่ให้โอกาสคนทำผิดได้แค่ครั้งเดียว แต่ผมก็ให้อภัยเขานะครับ แต่ผมจะไม่กลับไปร่วมงานกับเขาใหม่เด็ดขาด เพราะผมถือว่าเขาไม่ได้ให้ใจผมเต็มร้อย”
บารมีฝากทิ้งท้ายว่า เงินรายได้จากการจัดเลดี้ แรลลี่ รักจังสุพรรณบุรี ภายใต้โครงการเที่ยวสุขใจ ใกล้แค่เอื้อม รายได้บางส่วนจะนำไปมอบให้กับโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช และมูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรีต่อไปด้วย


