posttoday

ชัชพล แสงสุรีย์วัชชรา จากธุรกิจส่งออกสู่งานเอ็กซิบิชั่น

03 เมษายน 2560

เดือน มิ.ย. 2560 จะมีงานมหกรรมแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับความสวยความงามครั้งแรกในเอเชีย

โดย...วรธาร ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

เดือน มิ.ย. 2560 จะมีงานมหกรรมแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับความสวยความงามครั้งแรกในเอเชีย ได้แก่งาน Beauty and Make Over Expo 2017 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 มิ.ย. ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ถือเป็นงานที่นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงวัย 31 ปี “เบนซ์” ชัชพล แสงสุรีย์วัชชรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอ็มโอ (ประเทศไทย) เจ้าของธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าและนำเข้าไวน์จากต่างประเทศ หมายมั่นและคาดหวังความสำเร็จไว้สูง แม้จะเป็นครั้งแรกของการจัดงานในลักษณะดังกล่าวก็ตาม

งานนี้เป็นการจับมือกันระหว่างบริษัท บีเอ็มโอ ของชัชพล กับนักลงทุนมาเลเซียที่รวมเอาคนกลาง ผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ผลิต เจ้าของสินค้าและผลิตภัณฑ์ความงาม อาหารเสริม เครื่องมือแพทย์และคลินิกความงามทั้งในและต่างประเทศ ฯลฯ มากกว่า 200 บูธ มาไว้ในงานครบครัน โดยชัชพลบอกว่าการจัดงานเอ็กซิบิชั่นเป็นอีกไลน์ธุรกิจนอกเหนือจากธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าและนำเข้าไวน์จากต่างประเทศ

“ผมว่าเศรษฐกิจไม่ตอบโจทย์จีดีพีเท่าไร ผันแปรตลอด จีดีพีไทยลดลงทุกปี แต่มีธุรกิจหนึ่งคือธุรกิจความงามไม่มีตกเลย ต่อให้เศรษฐกิจไม่ดี คนก็ยินดีจ่าย แล้วผมมองว่าประเทศไทยได้รับความนิยมลำดับต้นๆ ในแวดวงความงามและศัลยกรรม ต่างชาติเข้ามาเพื่อซื้อสินค้าและศัลยกรรมความงามเพิ่มทุกปี ทำให้ธุรกิจความงามเราเติบโตรวดเร็ว เนื่องจากราคาสินค้าและค่าบริการยังอยู่ในระดับจับต้องได้ เมื่อเทียบราคากับยุโรปและสหรัฐหรืออย่างเกาหลี แล้วมาตรฐานของเราก็อยู่ระดับไม่ต่างกัน นี่คือเหตุผลที่ผมเลือกธุรกิจนี้ และเน้นความงามเป็นหลัก” ชัชพล กล่าว

ชัชพล แสงสุรีย์วัชชรา จากธุรกิจส่งออกสู่งานเอ็กซิบิชั่น

ด้วยความที่เป็นงานแรก ชัชพลหมายมั่นตั้งใจทำให้แตกต่างจากงานอื่นๆ โดยได้รวมเอาทุกปัจจัยสำคัญสำหรับตลาดความงามเพื่อช่วยให้คนในวงการนี้ไม่ต้องเสียเวลาติดต่องานหลายที่ เช่น ถ้าอยากเสริมความงาม อยากทำศัลยกรรมก็มีคลินิกความงามพร้อมให้คำปรึกษา เป็นต้น เขาจึงเน้นกลุ่มเจ้าของธุรกิจนำเข้าเครื่องมือการแพทย์ คลินิกศัลยกรรมและความงาม เจ้าของและผู้ผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริมทั้งหลายจากทั้งในและต่างประเทศมาอยู่ในงาน

“ไฮไลต์สำคัญในงานคือการมีสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ จากต่างประเทศที่ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายในไทย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่อยากเดินทางลัดเข้าสู่ธุรกิจความงาม รวมถึงเวิร์ก ช็อปต่างๆ เกี่ยวกับทิศทางธุรกิจความงามของไทยและเอเชียจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ

ที่สำคัญงานนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุน อาทิ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย และ U Drink I Drive ที่มอบบัตรส่วนลดมูลค่า 3,000 บาท สำหรับผู้สนใจออกบูธในวันงานด้วย ตั้งเป้าคนมาร่วมงาน 3 วัน ที่ 2 หมื่นคน หรือวันละประมาณ 7,000 คน” ชัชพล กล่าว

ชัชพล แสงสุรีย์วัชชรา จากธุรกิจส่งออกสู่งานเอ็กซิบิชั่น

นับเป็นผู้บริหารหนุ่มอายุยังน้อยที่มีวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถ้าย้อนชีวิตก่อนนี้ก็คงจะไม่แปลกใจกับมุมมองการทำธุรกิจของเขาในปัจจุบันที่น่าสนใจ ชัชพลมีความเป็นนักบริหารที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น อดทนและความกล้า ไม่ว่ากล้าคิดและกล้าทำ เคยผ่านชีวิตที่สุขสบายและสู้กับความยากลำบากมาครบ

“ครอบครัวผม คุณพ่อคุณแม่มีลูก 5 คน ผมเป็นคนที่ 2 ในวัยเด็กค่อนข้างสุขสบายมาก เพราะครอบครัวเราทำส่งออก แต่ต่อมาประสบปัญหาทางธุรกิจจนไม่สามารถทำต่อได้ พนักงานออกหมด ตอนนั้นผมพิ่งจบ ม.6 น้องๆ ก็เรียนอยู่ ส่วนผมก็เลือกเรียนรามคำแหงพร้อมหาทางช่วยครอบครัวด้วยการทำส่งออกนี่แหละ โดยไปดึงพนักงานเก่ามาช่วยเทรน

จากนั้นผมตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาทำแพตเทิร์นเดิมที่พ่อแม่เคยทำมา พยายามประคองธุรกิจมาเรื่อยๆ จนวันนี้และธุรกิจนี้ก็ยังเป็นธุรกิจที่หล่อเลี้ยงครอบครัวผมส่งน้องๆ เรียนจนจบและมีงานทำ ครอบครัวกลับมามีความสุขเหมือนเดิม ตอนนี้ผมมีบ้าน มีรถของตัวเอง แต่ผมก็ต้องทำงานหนักต่อไปเพื่อครอบครัว”

นอกจากธุรกิจส่งออก ชัชพลยังทำธุรกิจนำเข้าไวน์จากต่างประเทศ ส่งให้กับโรงแรมและร้านอาหารต่างๆ ในไทยอีกด้วย โดยเขารู้จักกับผู้ชายชาวสวิสคนหนึ่งที่มีความรู้เรื่องไวน์เลยได้มาร่วมธุรกิจกัน

ชัชพล แสงสุรีย์วัชชรา จากธุรกิจส่งออกสู่งานเอ็กซิบิชั่น

“คนนี้เคยเป็นลูกค้าผมมาก่อน เขาอยากทำร้านนวดที่สวิตเซอร์แลนด์ก็มาปรึกษาผม แต่คุยไปคุยมาเขารู้เรื่องไวน์ดี ผมเลยชวนทำธุรกิจไวน์เลย เขาฟังเราพูดแล้วโอเค ก็เลยไปจดบริษัทหนึ่งเป็นดิสทริบิวเตอร์ (ผู้จัดจำหน่ายไวน์) ส่วนผมก็เป็นอิมพอร์เตอร์นำเข้าไวน์จากบริษัทเขา ซึ่งพอผมตัดสินใจนำเข้าไวน์ ก็ไปเรียนเรื่องไวน์ที่กอร์ดอง เบลอ 4 เดือน จนมีความรู้เรื่องไวน์สามารถสื่อสารเรื่องไวน์กับลูกค้าและผู้บริโภคได้”

เขากล่าวว่า เมื่อทำธุรกิจจำต้องรู้เรื่องนั้นๆ จึงต้องไปเรียน เพราะถ้าไม่เรียนก็จะไม่มีความรู้ที่จะไปสื่อสารกับคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือผู้บริโภค ที่สำคัญเขามองถึงการเป็นอาชีพหนึ่งในอนาคต

“ชีวิตเราไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าถามอนาคต อาชีพหนึ่งที่อยากเป็นก็คือซอมเมอลิเยร์ (Sommelier) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ ซึ่งต้องไปเรียนต่ออีกมาก เมืองไทยตำแหน่งนี้เงินเดือนน่าจะสูง 7-8 หมื่น แต่เมืองนอกสตาร์ทขั้นต่ำ 2-3 แสน ก็มองเหมือนกันถ้าไม่มีอะไรทำหรือตกงาน (หัวเราะ) อาจจะไปสายนี้”

อย่างไรก็ตาม ขอเป็นกำลังใจให้นักธุรกิจหนุ่มผู้นี้ประสบความสำเร็จกับธุรกิจล่าสุด กับงาน Beauty and Make Over Expo 2017 ที่จะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย.นี้ ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี

ข่าวล่าสุด

KBANK ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% เงินฝาก 0.05-0.10%