posttoday

ความเพียรสร้างความเชี่ยวชาญ นพ.ปิยพล พัฒนครู

13 มีนาคม 2560

ผมใช้เวลาเรียนแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมทั้งหมด 13 ปีเต็มอย่างต่อเนื่อง ถามว่านานไหม บอกเลยว่านาน

โดย...โยธิน อยู่จงดี ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

“ผมใช้เวลาเรียนแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมทั้งหมด 13 ปีเต็มอย่างต่อเนื่อง ถามว่านานไหม บอกเลยว่านาน กว่าจะได้แพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางต้องใช้เวลาพอสมควร แต่สำหรับผมแล้วผมคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะลงทุนแก่การศึกษาให้รู้อย่างลึกซึ้ง ยิ่งเป็นงานที่เรารักและอยากทำด้วยแล้วยิ่งเป็นสิ่งที่ดี ทำแล้วมีความสุข” นพ.ปิยพล พัฒนครู แห่งพีเมดคลินิก (Pmed Clinic) คุณหมอที่ได้การยอมรับในความเชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรมใบหน้าและการฉีดฟิลเลอร์ไขมัน เล่าด้วยความภูมิใจ

ปิยพลเกิดและเติบโตในครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่เป็นคุณหมอทั้งคู่ หมอหนุ่มเล่าว่า เป็นความฝันตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่าโตขึ้นอยากจะเป็นหมอ เพราะทุกวันในช่วงวัยเยาว์ได้ติดตามคุณพ่อคุณแม่เข้าออกโรงพยาบาล คลินิก จนคุ้นชินเวลาที่เราเห็นคุณพ่อคุณแม่รักษาคนไข้แล้วคนไข้หายกลับไป

คนไข้มีความสุขตัวเขาก็รู้สึกมีความสุข รู้สึกดีๆ กับเรื่องเหล่านี้ไปด้วย ทำให้ปิยพลตั้งเป้าอย่างแน่วแน่ว่าวันข้างหน้าเขาจะต้องเป็นคุณหมอให้ได้ จนกระทั่งได้เข้าเรียนแพทย์สมใจ ที่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เส้นทางการเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งความงามก็ได้เริ่มต้นขึ้น

“หลังจากเราเริ่มเรียนในช่วงแรกๆ ก็เรียนด้านการแพทย์ทั่วไป แต่ว่าตอนนั้นเราก็เริ่มที่จะมีความสนใจที่จะเรียนในเรื่องของศัลยกรรมความงาม ก็เลยเริ่มศึกษาลงไปในรายละเอียดเฉพาะมากขึ้น เพราะการเรียนแพทย์ศัลยกรรมความงามจะต้องเรียนรู้ในองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่เรื่องของหน้าตา รูปร่าง และผิว

ส่วนตัวผมนั้นมีความสนใจเฉพาะส่วนคือใบหน้า ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญของคนเรามากที่สุด จึงเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้าน หู คอ จมูก เพื่อเสริมความรู้เรื่องการศัลยกรรมใบหน้าเฉพาะทาง เพื่อเสริมเต็มสาขาแพทย์เฉพาะทางด้านการศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า จากนั้นก็เรียนต่อด้านศัลยกรรมตกแต่งเพิ่มเติมเฉพาะทางโรงพยาบาลจุฬาฯ จนกระทั่งจบเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ที่วชิรพยาบาล

ความเพียรสร้างความเชี่ยวชาญ นพ.ปิยพล พัฒนครู

เวลาทั้งหมด 13 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผมค่อนข้างที่จะมีความมั่นใจในเรื่องของการทำตามระบบการแพทย์ที่ถูกต้องมากกว่า เราศึกษาค้นคว้าทดลองทดสอบในหลายๆ อย่าง ก็ทำให้ผมมีองค์ความรู้ที่จะพัฒนาเทคนิคของตัวเองขึ้นมาโดยเฉพาะได้”

ไม่เพียงแค่การศึกษาเฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ปิยพลยังเป็นแพทย์กลุ่มแรกๆ ของประเทศไทยที่ตัดสินใจศึกษาดูงานด้านการศัลยกรรมตกแต่งความงามที่ประเทศเกาหลี โดยครั้งหนึ่งเคยได้ร่วมประชุมสัมมนาวิชาการด้านการแพทย์ แล้วเห็นว่าเกาหลีมีการพัฒนาองค์ความรู้ด้านศัลยกรรมตกแต่งจนมีชื่อเสียงโด่งดัง มีความปลอดภัยสูง มีความสวยงาม มีความแม่นยำ มีระบบระเบียบ การจัดการที่ดี

“ที่เกาหลีนั้นการศัลยกรรมตกแต่งความงามเป็นที่นิยมและมาเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งอันที่จริงแล้วเมื่อเทียบกับวงการแพทย์ศัลยกรรมของประเทศไทย เครื่องไม้เครื่องมือ และองค์ความรู้ที่มีไม่ได้แตกต่างกันเลย เพราะว่าองค์ความรู้ที่ได้มาก็มาจากทางฝั่งตะวันตก เป็นองค์ความรู้เดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนก็คือมุมมอง

คนไทยมักจะมองว่าการศัลยกรรมตกแต่งความงามคือปัญหา หากจำกันได้สมัยก่อนถ้ามีใครไปเสริมจมูกก็จะมีคนทัก คนทำก็จะไม่กล้าบอกว่าไปทำมา ทั้งที่จริงแล้วเรื่องความสวยความงามก็อาจจะเป็นปัญหาอย่างหนึ่งในชีวิตของเขา ที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการแพทย์ก็ได้

เมื่อเทียบกับเกาหลี เขาค่อนข้างที่จะตระหนักถึงปัญหาของคนในประเทศ ในเรื่องของความสวยงามของใบหน้า พวกเขาตั้งเป้าไว้ว่าการทำศัลยกรรมของประเทศเขาจะต้องเป็นที่หนึ่ง จึงมีการรวมกลุ่มกันพัฒนาศัลยกรรมตกแต่งความงามขึ้นมาเป็นระบบ จนถึงวันหนึ่งที่เกาหลีพัฒนาจนกลายเป็นที่ยอมรับ มีกระแสเกาหลีฟีเวอร์ขึ้นมา ก็ทำให้มุมมองในเรื่องของการศัลยกรรมของประเทศไทยนั้นเปลี่ยนไป

การศัลยกรรมตกแต่งในแนวทางของผมเวลานี้ จะเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากเป็นการผ่าตัดเคสใหญ่ถึงขั้นดมยาสลบ ผมจะส่งตัวให้กับทางโรงพยาบาลที่มีทีมแพทย์และเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อมกว่า เพราะปัจจุบันแพทย์มีการทำงานเป็นทีม บางเคสที่จำเป็นต้องมีการรักษาหลายอย่างก็จะถูกส่งให้แพทย์เฉพาะทางเป็นผู้ช่วยดู

ความเพียรสร้างความเชี่ยวชาญ นพ.ปิยพล พัฒนครู

ที่สำคัญก็คือในการรักษาก็คือการพูดคุยกับคนไข้ให้มีความเข้าใจและเห็นในภาพเดียวกัน เพราะในหลายๆ ครั้ง ปัญหาทางด้านศัลยกรรมความงามเกิดจากความคาดหวังของคนไข้ไม่ตรงกันกับคุณหมอ ดังนั้นในการรักษาเราก็จะต้องทำให้ทั้งคนไข้และคุณหมอเห็นภาพเดียวกันก่อน ว่าเมื่อคนไข้ต้องการอะไรแล้วคุณหมอเห็นภาพเดียวกับที่คนไข้ต้องการจะเห็นหรือเปล่า

ในบางกรณีคนไข้ต้องการแบบนี้ แต่คุณหมอบอกว่าไม่สามารถทำได้ เพราะติดในเรื่องของความปลอดภัยทางด้านการแพทย์ และอาจจะมีปัญหาอย่างอื่นตามมา ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวคนไข้เอง ก็จะต้องปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน จนกว่าจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจของทั้งสองฝ่ายระหว่างคุณหมอและคนไข้

เรื่องของการทำศัลยกรรมความงาม ถ้าจะบอกว่าไม่มีปัญหาเลยก็เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าอย่างไรก็ตามในเรื่องของการทำงานกับปัญหานั้นเป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องพบเจอในชีวิตการทำงานของคนทุกคน แต่เราจะทำยังไงให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด นั่นคือการปรับความเข้าใจในการทำงานให้ตรงกันให้เรียบร้อย

ผมเน้นในเรื่องทำให้น้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าและต้องอยู่ในความปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น การฉีดฟิลเลอร์ ถามว่าดีไหม หากเป็นฟิลเลอร์แท้ก็ดี เพียงแต่ต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม แต่เมื่อมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าอย่างการฉีดฟิลเลอร์ไขมัน ก็จะปลอดภัยต่อตัวคนไข้มากกว่า เพราะเป็นไขมันที่นำมาจากตัวของคนไข้เอง ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่จับเป็นก้อนเหมือนฟิลเลอร์ที่นิยมฉีดกัน อะไรที่ทำแล้วดีมีความปลอดภัยสูงในระยะยาวก็จะแนะนำให้คนไข้เสมอ

หากถามว่าเคสไหนที่เราทำแล้วรู้สึกประทับใจมากที่สุด ขอตอบว่าเคสล่าสุด คือเคสที่ดีที่สุดที่ผมทำ เพราะปรัชญาในการทำงานของผม คือทำให้ดีที่สุดในทุกเคส ด้วยประสบการณ์และความรู้ทุกอย่างที่มีมา
สิบกว่าปี เคสก่อนหน้านี้มีปัญหาอะไร ติดขัดอะไร ก็จะไม่เจอในเคสใหม่ๆ

แต่ถามว่าแล้วเคสที่ผ่านๆ มาไม่ดีเหรอ ก็ต้องตอบว่าไม่ใช่ เพราะนั่นก็ยังคงเป็นสิ่งที่ผมทำให้กับเขาอย่างเต็มที่ที่สุด ด้วยประสบการณ์ทั้งหมดในเวลานั้น ผมทำเต็มที่ในทุกเคส เพราะผมรู้ว่าช่วงเวลาที่ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจมีความสุขมากที่สุดก็คือการได้เห็นคนไข้มีความสุขในสิ่งที่ผมทำให้กับเขา”