พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หนุ่มกีก
พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร วัย 39 ปี
โดย...เจียรนัย อุตะมะ
พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร วัย 39 ปี ที่เป็นเงาตามตัว ศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร เสมอ เมื่อมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับการประมาณการเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุน ถ้าส่องเข้าไปดูทั้งชีวิตและไลฟ์สไตล์ของเขาแล้วเรียกว่า เป็นหนุ่มกีกตัวจริงคือ ชอบทุกเรื่องที่ตนเองสนใจ และเจาะลึกลงไปในเรื่องนั้น เรียนก็ไปถึงสุดทางจนจบปริญญาเอก และมีไลฟ์สไตล์สุดขั้วตั้งแต่เล่นเทควันโดจนได้สายแดง เรียนโยคะด้วยท่ายาก และปั่นจักรยานแบบปั่นเร็วและปั่นยาว
หน้าที่ของเขาคือ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการที่ดูแลสายงานวิจัยที่ดูแลด้านภาพรวมการลงทุนและให้คำแนะนำแก่ลูกค้าได้ที่จะต้องเชื่อมโยงสายงานวิจัยกับสายงานการตลาด โดยมีทีมของเขาทั้งหมดรวมถึงพิพัฒน์ 6 คน ที่ภายในทีมจะมีการแบ่งหน้าที่ดูแลผลิตภัณฑ์ที่จะแนะนำให้ลูกค้า ทั้งหุ้นรายตัว กองทุนหุ้น กองทุนต่างประเทศ พันธบัตร กองทุนพันธบัตร กองทุนตลาดเงิน เป็นต้น
งานที่รับผิดชอบมีวงจรตั้งแต่เช้า 07.00 น.-18.00 น.-19.00 น.ของทุกวันทำการ วันเสาร์และอาทิตย์อุทิศให้ครอบครัว ดังนั้นยามว่างส่วนตัวของเขาคือช่วงพักกลางวันที่จะเข้าฟิตเนส ที่ชั้น 8 ตึกเมืองไทยภัทร วิ่งบนลู่วันละ 1 ชั่วโมง หรือ 40 นาที และ 2 ครั้งใน 1 สัปดาห์
นอกจากนั้น ยังฝึกโยคะทุกวันจันทร์ ที่จะมีครูโยคะมาสอน และปั่นจักรยาน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งโดยชอบปั่นที่สนามฟ้า สนามบินสุวรรณภูมิที่มีการแบ่งเลนจักรยานอย่างชัดเจน โดยชอบไปวันหยุดตั้งแต่ 06.00 น. ปั่นครั้งละ 2-3 รอบ โดยชอบปั่นอย่างเร็ว
"ไป 6 โมงเช้า 9 โมงเช้าก็กลับบ้านแล้ว ผมปั่นรอบนึงก็ 23 กิโลเมตร เพราะเป็นสนามที่ยาวมาก ไปมาสะดวก มีเพื่อนร่วมปั่นและเป็นสนามสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ ปั่นแล้วปลอดภัยกว่าปั่นตามท้องถนน และเพิ่งไปปั่นสนามที่พุทธมณฑลตามคุณบรรยง พงษ์พานิช กรรมการธนาคารเกียรตินาคิน (KKP)"
เขาเป็นสมาชิกชมรมวิ่ง ปั่นจักรยาน และชมรมโยคะ มีว่ายน้ำบ้าง
"ผมฝึกโยคะ เพราะเคยเล่นเทควันโด ได้สายแดง สมัยเรียนที่สหรัฐ ถ้าเล่นโยคะด้วยจะทำให้เล่นเทควันโดได้ดี เพราะเมื่อยืดหยุ่นด้วยโยคะได้จะทำให้เตะได้สูงขึ้น ตอนแรกก็ฝึกโยคะเพื่อยืดเหยียด ต่อมารู้สึกชอบมากเป็นความท้าทายที่จะเล่นโยคะไปถึงท่ายากๆ เคยเล่นท่ายากครั้งแรกตอนเรียนยืดหยุ่นสมัยมัธยมปีที่ 2 เล่นท่าหกสามเส้า อยากให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ส่งผลต่อจิตใจไปด้วย"
สำหรับโยคะ พิพัฒน์เริ่มฝึกตั้งแต่ปี 2542-2543 ควบคู่ไปกับเทควันโด โดยมีครูมาสอน
เขาบอกว่า เคยไม่ออกกำลังกายเพราะงานยุ่ง ไปต่างประเทศ 2 สัปดาห์ รับประทานแต่บุฟเฟ่ต์ จัดหนักทุกมื้อ เบคอน ไส้กรอก ไข่ดาว ปรากฏว่าใส่กางเกงตัวเดิมไม่ได้ เป็นอาหารง่ายๆ จำเป็นต้องทานแข่งกับเวลา ต่อมาความดันขึ้นจนต้องกลับมาออกกำลังในที่สุด
"มีอยู่ช่วงหนึ่งเจ็บหลัง ทำให้รู้ว่าการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ การบาดเจ็บเกิดจากการไม่ดูแลตัวเอง ดังนั้นจึงตั้งเป้าไว้ว่าจะลงแข่งไตรกีฬาในปีนี้ โดยอยู่ทีมปั่นจักรยาน"
พิพัฒน์ ทำงานที่ บล.ภัทร มานาน 7 ปี จบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ช่วงปี 2540 วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ก่อนที่จะตัดสินใจไปเป็นพนักงานคนแรกของสถาบันวิจัยนโยบายการคลังที่มี วิรไท สันติประภพ และเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ รุ่นพี่ที่เพิ่งออกจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มาเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายการคลังให้ ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รมว.คลัง เวลานั้น สถาบันนี้มีหน้าที่กำหนดนโยบายในการเจรจากับไอเอ็มเอฟ
ทำงานที่นั่นได้ปีเดียว ได้ทุนอานันทมหิดลไปเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ สหรัฐ จนจบปริญญาเอก
พิพัฒน์กลับมาเมืองไทยปี 2553 เพื่อใช้ทุนอานันทมหิดลหลังจากขอผ่อนผันเพื่อสะสมประสบการณ์ทำงานมาพอสมควรแล้ว และเข้ามาทำงานที่ภัทร
เมื่อมาเมืองไทยมีคลับต่างๆ ได้ไปสมัครคลับเทควันโด
จุดเริ่มต้นการเล่นกีฬาของเขาเริ่มจากการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและฝึกฝนจนถึงที่สุดของกีฬานั้นๆ ตั้งแต่เรียนจนกระทั่งทำงาน
นิยามของกีก คงเหมาะสำหรับบุคคลผู้นี้จริงๆ


