posttoday

เดินทางสู่ใจกลาง แห่งบ้านเกิดเมืองนอน

09 กุมภาพันธ์ 2560

การอยู่อย่างรักษ์โลก (World Friendly) เกิดจากผู้คนหันมาสนใจเรื่องภาวะโลกร้อนและตื่นตัวในการร่วมกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น

โดย...กองทรัพย์ ภาพ ป่าเหนือสตูดิโอ

การอยู่อย่างรักษ์โลก (World Friendly) เกิดจากผู้คนหันมาสนใจเรื่องภาวะโลกร้อนและตื่นตัวในการร่วมกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น โดยตระหนักถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เป็น 1 ใน 8 เทรนด์ของโลกที่น่าจับตามองที่กำลังเกิดขึ้นในโลก (Global Mega Trend) โดยสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ OKMD

ดังนั้น แนวโน้มของการสถาปัตยกรรมในอนาคตจะเน้นความเรียบง่ายให้กลมกลืนหรือเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการปลูกบ้านของคนเอเชียที่มีจุดเด่นที่งานช่างท้องถิ่น วัสดุอ้างอิงกับธรรมชาติ ใช้เครื่องมือในการก่อสร้างให้น้อยชิ้นแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดี ให้ความสำคัญกับทิศทางของลมและแสงแดด และให้ความรู้สึกอบอุ่น

ถึงกระนั้น ดูเหมือนว่าชายคนหนึ่งจะมีแนวคิดนี้ก่อนเทรนด์โลกจะเดินทางมาถึงด้วยซ้ำ เขาคือ จุลพร นันทพานิช อาจารย์พิเศษ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาปนิกและอาจารย์ผู้สนใจเรื่องสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น นักปลูกป่าที่ปลูกสีเขียวคืนให้ธรรมชาติอย่างเข้าใจและรู้จริง เขาเชื่อว่าเราอยู่ในประเทศที่ดี มีวัตถุดิบที่ดี หากมองเห็นและจับประเด็นนำมาใช้งาน

เดินทางสู่ใจกลาง แห่งบ้านเกิดเมืองนอน

พลังพื้นถิ่น คือ ทางออก

เมื่อเร็วๆ นี้ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสมาคมนิสิตเก่าคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ จัดบรรยายพิเศษ เรื่อง “ภูมิทัศน์แห่งบ้านเกิดเมืองนอน’’ ซึ่งเป็นงานออกแบบภูมิทัศน์แบบท้องถิ่นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จุลพรแบ่งปันประสบการณ์และถ่ายทอดบทเรียนที่หาจากตำราได้ยากยิ่งให้ผู้ร่วมฟังได้ออกเดินทางไปด้วยกัน

“ถ้าหากเรามัวแต่เสิร์ชอินเทอร์เน็ต ดูโน่นดูนี่ ผมว่าความเป็นเรามันจะแห้งเหี่ยวไปเรื่อยๆ ถ้าคุณลงมือทำ ความเข้าใจก็จะเกิดขึ้น ซึ่งการเดินทางของผมหลายครั้งที่ผมเห็นว่าชาวบ้านทำบ้านด้วยไม้ไผ่ยันไปถึงทัพพี สิ่งเหล่านี้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่เรา พยายามเปิดตามองเห็นภูมิประเทศรอบๆ ผมเชื่อว่าวิชาชีพทางสถาปัตย์มีพลังและส่งผลต่อความเป็นอยู่ ทำให้มีความคิดที่อยากเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงให้มันดีขึ้น และเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ เราอยู่ในภูมิประเทศที่สวยงามและมีของดีในท้องถิ่นมากมายและหลากหลาย แต่เราไม่เคยเอาต้นไม้ที่เห็นมาอยู่ในชีวิตเราเลย”

สถาปนิกผู้สนใจเรื่องสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น บอกต่อว่า “ผมมีความรู้สึกว่าเราต้องสร้างชุดความรู้ไว้ให้หลากหลาย ความรู้จะเกิดขึ้นได้ต้องลงมือ ลงแรง อย่างมุ่งมั่นจริงจัง หากวันหนึ่งความรู้กระแสหลักของโลกมีปัญหา ความรู้ในสังคมไทยจะได้ช่วยได้ เจออุปสรรคก็ต้องหยิบจับมาแก้ปัญหาได้ ซึ่งไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ผมจะเป็นคนเดือดร้อนน้อยที่สุด เพราะมีอิสระที่จะมองโลกทั้งหมดเป็นเรื่องเดียวกัน ประเทศนี้ถึงจะมีอะไรบกพร่องบ้าง เราก็ต้องแก้ไข ผมอยากให้ประเทศนี้ดีให้กับคนรุ่นหลัง ลูกๆ และญาติพี่น้องได้ลงมือทำ อยากให้มันดี เราต้องช่วยลงมือทำ ประเทศจะได้น่าอยู่และมีความสมบูรณ์แบบในแบบฉบับพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9

เดินทางสู่ใจกลาง แห่งบ้านเกิดเมืองนอน

 

“การอยู่กับธรรมชาติ คือ ความรู้ที่ยิ่งใหญ่ ภูมิปัญญาสถาปัตยกรรมเอเชียจะเน้นให้บ้านเป็นสถานที่ที่เย็นตา อยู่แล้วเย็นกายและเย็นใจ เราจึงนำหลักคิดเหล่านี้มาใช้ในงานร่วมสมัย คือ ใช้องค์ความรู้เรื่องการถ่ายเทมวลอากาศ มีการจัดแสงสลัวให้บรรยากาศที่อบอุ่น ขณะเดียวกันก็สร้างสุนทรีย์ให้ผู้อยู่อาศัย ให้ความรู้สึกว่าเราเติบโตไปพร้อม
กับบ้าน”

จุลพร บอกว่า สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรมที่สอดคล้องกับธรรมชาติ คือ ความรู้ที่ครอบคลุม ต้องรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่น การต้านแหล่งน้ำ การสร้างนิเวศที่เหมาะสมให้ที่อยู่อาศัย “เหมือนพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 เรื่องการกักน้ำ ค่อยๆ ทำ ความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ก็จะเกิดขึ้นเอง เราทำส่วนหนึ่งและปล่อยให้ธรรมชาติทำอีกส่วนหนึ่ง เราลงมือ 10-16% จากนั้นให้ธรรมชาติทำ ทุกอย่างที่พบในธรรมชาติจะเป็นอาหารการกินหมด ถ้าเรากินผัก กินพืชได้ สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ทั้งนั้น มันสามารถนำมาเป็นยารักษาโรคและรักษาพิษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฟ้าทะลายโจร แก้ไข้ แก้โรคกระเพาะ เป็นยาทั้งนั้น ถ้าเราเข้าใจก็จะอยู่กับสถานการณ์แบบไหนก็ได้”

เดินทางสู่ใจกลาง แห่งบ้านเกิดเมืองนอน

เข้าถึงสถาปัตย์สไตล์ท้องถิ่น

การค้นพบธรรมชาติ คือ การพาตัวเองเข้าไปหาธรรมชาติ อาจารย์นักสถาปนิกเดินทางสู่หัวใจของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น นอกจากเขาจะขลุกตัวอยู่กับชาวบ้าน เข้าไปเห็นชีวิตคนอื่น ช่วงเวลาหนึ่งเขาไปทำงานเกี่ยวกับการขุดดิน เรียนรู้เรื่องลมและน้ำ “ผมได้เรียนรู้วิธีการคุมให้น้ำไหลให้ได้ ศึกษาเรื่องต้นไม้ เป็นไกด์นำเที่ยวป่า เดินทางเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่บนเขา ซึ่งในหลายๆ สถานที่ผมได้ไปเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ เดินสี่วันก็เดินไปแบบนั้นสี่วัน ค่ำไหนนอนนั่น นั่งรถเมล์อาศัยชาวบ้านไป ทำให้ได้เห็นมิติบางอย่าง

นี่คือพื้นฐานที่ผมทำ เพราะคิดว่าการทำแบบนี้จะได้เห็นว่าคนอื่นใช้ชีวิตอย่างไร มองผู้คนเท่าเทียมกัน และเห็นน้ำใจซึ่งกันและกัน มีอะไรแบ่งปันกัน เราเห็นสังคมชนบท เห็นช่วงเวลาที่ไม่มีไฟฟ้า เห็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ตรงนี้เป็นต้นทุนทางปัญญา เวลาจะสร้างบ้านต้องสร้างเสาใจบ้านให้ได้ก่อน ต้องมีทำเลที่ดี มิติเรื่องการออกแบบที่ผมเรียนมาก็ถูกผนวกความคิด และจิตวิญญาณความรู้สึกเข้าไปด้วย” อาจารย์คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เล่าประสบการณ์

เดินทางสู่ใจกลาง แห่งบ้านเกิดเมืองนอน

 

การเข้าถึงสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น ในแบบของจุลพร เขาเชื่อว่าการถ่ายทอดคำสอนของครูบาอาจารย์รุ่นก่อนก็ยังสำคัญ “คุณไม่ต้องเอาปูนไปค่าย ไม่ต้องเอาหลังคาไป คุณก็เอาเครื่องมือไป เอามีดพร้าไป ไปหาของมาทำเอง แล้วเรียนรู้กับงานชาวบ้าน ซึ่งนั่นแหละเป็นข้อคิดสำคัญที่สุดในการที่จะเข้าใจความเป็นท้องถิ่น แล้วคุณจะเข้าใจเลยว่า ของพวกนี้มันสามารถเรียนรู้ที่จะทำได้ แต่ละพื้นที่มีบริบทที่แตกต่างกัน รวมทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรม งานพวกนี้ผมทำในทัศนคติของชาวนา ชาวไร่ ไม่ได้ทำในทัศนคติของคนเป็นสถาปนิก วิธีคิดแบบนี้จำเป็นมาก”

สถาปนิกและอาจารย์ที่มีแนวคิดการออกแบบและใช้ชีวิตอย่างเข้าใจธรรมชาติ แนะนำว่า ภูมิสถาปัตย์แบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมทำได้ง่ายๆ เพียงแค่คุณเข้าใจว่าเรากับต้นไม้อยู่ในวงจรธรรมชาติเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราต้องเกื้อกูลกัน ดูแลกัน ถ้ามนุษย์เอาต้นไม้ออกจากชีวิตเมื่อไหร่ก็จะวิบัติเมื่อนั้น...

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ไบรท์ตัน พบ ซันเดอร์แลนด์ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68