‘ป๊อก เลิฟมีลอนดอน’ ที่สุดแห่งชีวิต เมกอัพ อาร์ติสต์ไทย
จากเด็กต่างจังหวัดที่จับพลัดจับผลูมาได้เรียนแต่งหน้าแค่ครั้งเดียว แต่อาศัยพรสวรรค์ที่มีบวกกับการฝึกฝน
โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
จากเด็กต่างจังหวัดที่จับพลัดจับผลูมาได้เรียนแต่งหน้าแค่ครั้งเดียว แต่อาศัยพรสวรรค์ที่มีบวกกับการฝึกฝน ใครจะคิดว่าคลาสเรียนแต่งหน้าแบบรวบรัดแค่ไม่กี่ชั่วโมงตอนสมัยยังเป็นนักเรียน จะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของ ป๊อก-พรรวิษิษฐ์ สุขารมณ์ หรือป๊อก เลิฟมีลอนดอน ไปตลอดกาล จนแม้แต่เจ้าตัวยังออกปากว่า วันนี้ชีวิตมาไกลเหลือเกิน มาไกลจนเมื่อหยุดแล้วมองย้อนกลับไปยังต้องถามตัวเองว่า ถ้ากลับไปยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง จะสามารถก้าวเดินมาได้สวยงามแบบนี้หรือไม่ จะสามารถพาตัวเองมาอยู่ในจุดที่มีความสุขและภาคภูมิใจในงานที่ทำได้เฉกเช่นทุกวันนี้หรือเปล่า
คำถาม คือ คุณคิดว่าปลายทางที่สุดของการเป็นเมกอัพ อาร์ติสต์คนไทยคืออะไร การได้แต่งหน้าให้กับนักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทย? การได้โกอินเตอร์ไปร่วมแสดงฝีมือในระดับสากล? หรือการได้มีโอกาสแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าให้กับคนดังระดับโลก? คุณไม่จำเป็นต้องเลือกให้ยุ่งยาก เพราะนับตั้งแต่เริ่มต้นใช้นามสกุล เมกอัพ อาร์ติสต์ ต่อท้ายชื่อเมื่อปี 2535 ป๊อกได้พาตัวเองไปสัมผัสกับทัชพอยต์ทั้งสามนี้มาแล้ว
ซุป’ตาร์ทั่วไทยต้องผ่านมือ ป๊อก เลิฟมีลอนดอน
ป๊อกพาย้อนวันวานไป ณ ก้าวแรกของการเป็นเมกอัพ อาร์ติสต์ ว่า เขาเริ่มหารายได้จากการรับจ้างแต่งหน้ามาตั้งแต่สมัยเรียน เคยส่งพอร์ต ต่อสายไปตามแมกกาซีนชื่อดังต่างๆ เพื่อหวังจะได้มีโอกาสแสดงฝีมือ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธมาแล้ว แต่ป๊อกก็ไม่ทิ้งความพยายาม เขาสะสมชั่วโมงบินในการทำงานมาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งโอกาสดีๆ ก็วิ่งมาหา เมื่อเขาได้รับการติดต่อจากช่างแต่งหน้ารุ่นพี่ให้ไปช่วยแต่งหน้าเซตปกให้กับนิตยสารแพรว
“งานนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิตเราเหมือนกันนะ เป็นใบเบิกทางสำคัญที่ทำให้หลังจากนั้นเราได้รับโอกาสดีๆ เข้ามาตลอด เพราะการได้ไปแต่งหน้าในเซตปกของแพรวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนั้นเราได้แต่งหน้าให้นักร้องชายที่มาขึ้นปก จำได้ว่าเป็น มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์”
อย่างไรก็ตาม หลังจากพาตัวเองเข้ามาโลดแล่นในอาชีพที่หลงรักตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่ป๊อกไม่เคยคิดทิ้งการเรียน หลังจากเรียนจบปริญญาตรี เขายังลัดฟ้าไปศึกษาหลักสูตรการแต่งหน้าที่สถาบัน Atelier International de Maquillage A.I.M Paris ที่ฝรั่งเศส ก่อนจะกลับมาเรียนต่อปริญญาโท ด้าน Woman Study ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“การเทกคอร์สสั้นๆ ที่ฝรั่งเศสเปิดโลกในการแต่งหน้าให้เรามาก จากเดิมที่เราหัดแต่งหน้าในสไตล์ยุค 80-90 เน้นการแต่งหน้าแบบคมชัด ติดทน ไม่เน้นเรื่องการใช้เทคนิคแสงและเงา แต่พอไปเรียนต่อปรากฏว่าครูที่สอนเปิดโลกใบใหม่ให้เราเลย ที่จำไม่ลืม คือ เขามีวิธีตรวจผลงานนักเรียนที่แปลกมาก เขาใช้มือลูบที่หน้านางแบบที่นักเรียนแต่งหน้าเสร็จแล้ว เพื่อดูว่าลงเครื่องสำอางหนาขนาดไหน จุดนั้นทำให้เรารู้ว่า การแต่งหน้าให้สวยไม่ใช่การประโคมเครื่องสำอางลงไปเยอะๆ แต่ก็เป็นการมองหาจุดเด่นหรือความสวยของผู้หญิงคนนั้นให้เจอ และเรามีหน้าที่ปรุงแต่งเพื่อขับเน้นความสวยนั้นให้โดดเด้งออกมา”
จากการสั่งสมความรู้และโอกาสที่ได้อวดฝีมือการรังสรรค์ความงามบนใบหน้าด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์มาเรื่อยๆ ทำให้ทุกวันนี้ เรียกได้ว่าเหล่านักแสดงชื่อดังของเมืองไทยล้วนเคยผ่านการเนรมิตลุคสวยโดยป๊อกมาแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี แอน ทองประสม พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ เจี๊ยบ-โสภิตนภา ชุ่มภาณี อ้อม-พิยดาจุฑารัตนกุล พอลล่า เทเลอร์ แต้ว-ณฐพรเตมีรักษ์ เชอร์รี่-เข็มอัปสร สิริสุขะ และมิว-นิษฐา จิรยั่งยืน
“หลายคนอาจมองว่า การแต่งหน้าให้เหล่าซุป’ตาร์เหล่านี้เป็นเรื่องง่าย เพราะพวกเธอมีใบหน้าที่สวยอยู่แล้ว ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าด้วยโครงหน้าของนางเอกแถวหน้าที่สวยเป็นทุนเดิม เป็นข้อได้เปรียบในการแต่งหน้าให้ออกมาสวย แต่ความท้าทายของช่างแต่งหน้า คือ นอกจากความสวยที่พวกเธอมีแล้ว จะทำอย่างไรเพื่อขับฉายความโดดเด่น สร้างความมั่นใจให้เหล่านักแสดงมากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนและพัฒนา”
อย่างไรก็ตาม ถึงจะอยู่ในวงการมานาน ทำงานมาเยอะ แต่ป๊อกถ่อมตัวว่า ยังไม่เคยเรียกตัวเองว่าเป็นเมกอัพ อาร์ติสต์อย่างแท้จริง จนกระทั่งปี 2014 ที่ป๊อกมองภาพตัวเองว่าเป็นเมกอัพอาร์ติสต์อย่างแท้จริง กล้าพูดว่าได้แต่งหน้าซุป’ตาร์ระดับนางเอกแถวหน้าจริงๆ
“ถ้าพูดให้ทันสมัยก็ต้องบอกว่า ปี 2014 ถือว่าเราได้เปิดตัว Official Page อย่างเป็นทางการ” ป๊อก บอกเล่าอย่างอารมณ์ดี
ปิดประตูบานหนึ่ง เพื่อไปเจอโลกกว้าง
นอกจากจะโด่งดังในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความงามของเหล่าดารานักแสดงแล้ว ป๊อกยังได้ชื่อว่าเป็นเมกอัพอาร์ติสต์คิวทองที่จองคิวยากคนหนึ่งใน พ.ศ.นี้ เพราะนอกจากเหล่าซุป’ตาร์จะเรียกใช้บริการ ยังไม่รวมว่าที่เจ้าสาวที่อยากได้ป๊อกมาเนรมิตลุคสวยเจิดในวันที่สำคัญที่สุดของชีวิต ถึงจะดีใจที่ทุกคนชื่นชอบสไตล์การแต่งหน้า แต่ด้วยความที่อยู่ในวงการมานาน วันหนึ่งชีวิตของป๊อกก็เดินทางมาถึงจุดอิ่มตัวกับงานที่ทำ ป๊อกเลือกหาทางออกให้ชีวิตด้วยการเก็บกระเป๋าออกไปท่องโลกกว้าง แต่สุดท้ายการท่องเที่ยวก็ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่ใช่อยู่ดี เพราะถึงใจหนึ่งจะมีความสุขกับการท่องเที่ยว แต่อีกใจก็ยังคิดถึงงานแต่งหน้าที่รักเหลือเกิน
ด้วยเหตุนี้ ป๊อกจึงเกิดไอเดียว่า ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่หาวิธีจับงานที่รักกับการท่องเที่ยวมาแต่งงานกันซะเลย คอนเซ็ปต์ไอเดียง่ายๆ นี้เอง กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่ภารกิจโกอินเตอร์ของป๊อก
“ทำงานมาเป็นสิบปี ก็มาถึงจุดที่อิ่มตัวเหมือนกันนะ คือ เราผ่านงานมาทุกอย่างแล้ว รู้ระบบทุกอย่างหมด งานเริ่มไม่ท้าทาย ตอนนั้นเราก็คิดว่าจะเกษียณวางแปรงแล้ว แต่อาจเพราะโชคชะตายังไม่ยอมให้เราหยุดทำงาน ช่วงที่ไปเที่ยวนิวยอร์ก เราเลยได้พบกับโอกาสที่ไม่เคยคิดว่าจะเจอ พอดีตอนนั้น ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก ไปทำงานที่นิวยอร์กพอดี พอรู้ว่าเราไป เขาเลยบอกให้เราไปช่วยแต่งหน้าให้เขาหน่อย เราก็ไป ปรากฏว่าการไปทำงานครั้งนั้น ทำให้เราได้เจอกับน้องคนไทยคนหนึ่งที่นั่น คุยกันไปคุยกันมาเกิดถูกคอเขาเริ่มแนะนำงานแต่งหน้ามาให้”
โลกของการทำงานใบใหม่ สร้างความตื่นเต้น และท้าทายในทุกวันให้ป๊อกไม่น้อย เขาไม่เพียงได้ไปแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าให้กับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ของโลก แต่ยังได้ไปแต่งหน้าให้กับ นิกกี้ ฮิลตัน ที่ทุ่มทุนเปิดอพาร์ตเมนต์สุดหรูใจกลางแมนฮัตตันให้ป๊อกได้เข้าไปแต่งหน้าอย่างใกล้ชิด ตอนที่เธอจะไปร่วมงานปาร์ตี้ประจำปีของนิตยสารHarper’s Bazaar สหรัฐอเมริกา ซึ่งผลงานของป๊อกในครั้งนั้นทำให้นิกกี้ดูสวยสดใสรับกับผมทรงหางม้า จนเว็บไซต์เดลีเมลของอังกฤษยังต้องเขียนชม ความประทับใจนี้ นิกกี้ ได้บอกต่อไปยังพี่สาว ปารีส ฮิลตัน จนเธอตัดสินใจให้ป๊อกแต่งหน้าให้สำหรับไปร่วมรายการทูเดย์ โชว์ ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์ชื่อดังของนิวยอร์ก ผลงานการแต่งหน้าของป๊อกในครั้งนั้นถูกใจปารีสไม่น้อย เธอยอมรับว่าเป็นสไตล์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
“เราดีใจที่เขาชอบผลงานเรานะ เพราะเราเองการก็รู้สึกประทับใจกับการทำงานในแบบอเมริกันสไตล์เหมือนกัน คือ เขาจะชัดเจน ตรงไปตรงมา เขาจะบอกเลยว่า วันนี้ฉันอยากได้ลุคแบบนี้ มันเป็นไปได้ไหม? ป๊อกว่ามันเหมือนเป็นโลกใหม่ที่น่าตื่นเต้น น่าค้นหา ตอนแต่งหน้าไปก็ได้คุยกันกับนิกกี้และปารีสตลอด หลังจากกลับมาก็มีส่งข้อความคุยกันบ้าง”
หลังจากได้สัมผัสกับโลกที่ไม่เคยคาดฝัน โอกาสสำคัญก็วิ่งหาป๊อกไม่หยุด เมื่อเขาได้ไปเยือนกรุงลอนดอน เพื่อแต่งหน้าให้กับนักร้องดังจากเกาะอังกฤษ พิกซี่ ลอตต์ สำหรับการปรากฏตัวต่อสื่อครั้งแรกในงานลอนดอน แฟชั่นวีก ผลงานของป๊อกในวันนั้นทำให้พิกซี่ดูสวยจับใจ สามารถเรียกแสงแฟลชจากสื่อมวลชนได้อย่างท่วมท้น แทบลอยด์ในอังกฤษทั้งเดลีเมลและเดอะซันต่างชื่นชมถึงความงดงามของพิกซี่ในครั้งนั้น
นอกเหนือจากนี้ ยังมีเหล่าคนดังผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงบันเทิงและแฟชั่นระดับโลกมากมายที่ป๊อกได้มีโอกาสแต่งหน้าให้ไม่ว่าจะเป็นที่มิลานหรือไปจนถึงปารีส ตามลำดับ อาทิ เฮเลน่า บอร์ดอน โรส เบอร์แทรม เพตรา เนมโควา เป็นต้น แต่ละครั้งของการรังสรรค์ลุคบนใบหน้าของบุคคลเหล่านี้ ต่างก็เป็นที่ฮือฮาในแวดวงคนแฟชั่นและสื่อต่างประเทศที่พบเห็น รวมถึงได้รับคำชมเป็นอย่างมาก ทุกวันนี้ป๊อกกลายเป็นเมกอัพ อาร์ติสต์ของไทยคนแรกที่ถูกจองตัวให้ไปเยือนวงการอินเตอร์ระดับโลก และถูกจองตัวแล้วในซีซั่นต่อไปในงาน Haute Couture 2017 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถวายงานแต่งพระพักตร์สมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน
นอกจากเส้นทางชีวิตที่เรียกว่าที่สุดของการเป็นเมกอัพ อาร์ติสต์แล้ว ป๊อกยังเป็นหนึ่งในช่างแต่งหน้าคนไทยที่โชคดีเหลือเกินที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณถวายงานแต่งพระพักตร์ให้กับสมเด็จพระราชินี เจ็ตซุน เพมา ในงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระประมุขสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์นัมเกล วังชุก แห่งประเทศภูฏาน ในปี 2554 จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ ก็ยังคงเป็นเมกอัพ อาร์ติสต์ชาวไทยที่ได้รับเลือกให้ไปถวายงานอยู่บ่อยครั้ง
“ป๊อกได้รับการทาบทามผ่านทาง อ้อม-พิยดา จุฑารัตนกุล ว่าให้เราเคลียร์คิวให้ว่างไว้ เพราะ อาร์ต-ศรา จุฑารัตนกุล สามีของอ้อมแนะนำเราให้กับ ปุ๊ก-กรชนก พิทักษ์บุรี พระสหายของกษัตริย์จิกมี ในเวลานั้นกำลังมองหาช่างแต่งหน้า-ทำผมถวายสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน ขณะนั้นเป็นพระคู่หมั้นของสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกลวังชุก ตอนแรกทางผู้ใหญ่ที่ติดต่อมายังไม่ได้บอกรายละเอียดมากนัก ว่าจะให้ไปแต่งหน้าใคร รู้แต่ว่าต้องไปแต่งหน้าให้บุคคลสำคัญให้เราเคลียร์คิวไว้”
ป๊อก บอกว่า ครั้งแรกที่เดินทางไปภูฏาณเขาเดินทางไปเพื่อแนะนำตัว และลองแต่งพระพักตร์ถวาย ยังไม่รู้ว่าจะได้รับโอกาสสำคัญยิ่งนี้หรือไม่ จนสุดท้ายทั้งสองพระองค์ก็โปรดเลือกให้ป๊อกไปเป็นผู้ถวายงาน
“ตอนแรกที่รู้ว่าต้องเดินทางไปภูฏาน เรายังไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรนะ เพราะสิ่งที่กังวลมากกว่า คือ คิวงานที่ต้องเลื่อนและยกเลิก เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราคิวแน่นพอสมควร แต่พอได้เข้าไปถึงในพระราชวัง ได้เข้าเฝ้าฯ และถวายงานจริง ความตื่นเต้นไม่รู้มาจากไหน แต่ก็บอกตัวเองว่าต้องทำงานอย่างดีที่สุด เพราะการได้ถวายงานครั้งนั้นนับว่าเป็นเกียรติสูงสุดของตัวเองและครอบครัวมาก”
จวบจนวันนี้ ทุกโอกาสและความสำเร็จที่ผ่านที่เข้ามาในชีวิต ป๊อกยอมรับว่า ยังแทบไม่เชื่อตัวเอง แต่หลังจากได้ทบทวบจริงจัง ป๊อกคิดว่า สิ่งที่ทำให้เรามาถึงตรงนี้ คงเพราะ ความรัก และให้เกียรติในที่ทำเสมอ
“ป๊อกว่าสิ่งที่สำคัญไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา เพราะเราไม่รู้ว่าโอกาสสำคัญมันจะวิ่งเข้ามาหาชีวิตเราอีกเมื่อไหร่ ถ้าคุณไม่พร้อมคุณก็จะเสียโอกาสนั้นทันที เพราะฉะนั้นเราต้องมีสติแล้วแสดงฝีมือออกมาให้ได้ดีที่สุด ทำให้เขาเห็นว่าเราก็เป็นมืออาชีพเหมือนกัน” ป๊อก กล่าวทิ้งท้าย


