อภิชาติ ชโยภาส กับชีวิตในบั้นปลาย เกษตรกรหลังเกษียณ
ชีวิตผมเปรียบเสมือนลม ที่สัมผัสได้แต่ครอบครองไม่ได้ ให้ความร่มเย็น ขณะที่รอบข้างกำลังเร่าร้อน ให้ความอบอุ่น
“ชีวิตผมเปรียบเสมือนลม ที่สัมผัสได้แต่ครอบครองไม่ได้ ให้ความร่มเย็น ขณะที่รอบข้างกำลังเร่าร้อน ให้ความอบอุ่น ขณะที่รอบข้างกำลังเยือกเย็นและชอบที่จะไปมาอย่างไร้ร่องรอย”นี่คือนิยามที่ อภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ หรือ RP กล่าวถึงตัวเอง ว่าเป็นคนแบบไหน การเกิดมาเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว ทำให้เขาต้องแบกรับความคาดหวังของพ่อและแม่ เพื่อบริหารธุรกิจเฟอร์รี่ข้ามฟากเส้นทางจากท่าเรือดอนสัก-สมุย-พะงัน ที่พ่อริเริ่มไว้ให้ตั้งแต่เมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว จนกระทั่งประสบความสำเร็จในวันนี้ ซึ่งกว่าจะผ่านมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย “เวลานับจากนี้ผมถือว่ากำลังเป็นการเตรียมช่วงสุดท้ายของชีวิต การทำงานก็จะเป็นไปเพื่อคนอื่นและส่วนรวมแล้ว ผมตั้งใจจะสร้างรากฐานของธุรกิจให้แข็งแกร่ง ให้คนอื่นมารับไม้ต่อไปได้ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการดีที่สุด คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป ทำให้ลูกน้องมีชีวิตที่ดีขึ้น บริษัทมีความมั่นคง แล้วผมก็จะเน้นงานเพื่อส่วนรวมเพิ่มขึ้น ได้แก่ การผลิตน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว ซึ่งเราริเริ่มเป็นเจ้าแรก รวมทั้งโครงการจัดการขยะเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เราจะทำต่อเนื่อง”
อภิชาติอยากให้เกาะสมุย-พะงันเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่คนทั่วโลกต้องมาเยือนให้ได้อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต ถือเป็นเพชรน้ำเอกของแหล่งท่องเที่ยวโลก พร้อมวางเป้าหมายเอาไว้ว่าจะทำให้ RP เป็นอันดับหนึ่งของประเทศด้านการให้บริการเรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก เพราะเรามีทั้งศักยภาพและความรู้ในการทำธุรกิจนี้ พร้อมจะขยายเส้นทางไปยังพื้นที่อื่นๆ ให้มากขึ้นด้วย
สำหรับแนวทางการบริหารชีวิตด้านการเงิน อภิชาติจะจัดสรรเงินรายได้เป็นสัดส่วน โดย 15% แรกคือการทำบุญ/ทาน และงานสงเคราะห์ต่างๆ 30% ถัดมาคือการใช้จ่ายส่วนตัว อีก 30% เพื่อดูแลคนในครอบครัว ส่วนที่เหลือคือเงินลงทุน รวมทั้งเงินสำรองฉุกเฉิน ซึ่งได้เอาไปลงทุนในกิจการอสังหาริมทรัพย์ แล้วจะผันตัวเองไปเป็นเกษตรกรหลังเกษียณ โดยตอนนี้มีไร่ขนุนและมะพร้าวน้ำหอมไว้จำนวนหนึ่งแล้ว
ในด้านการดูแลสุขภาพและวางหลักคิดชีวิต กรรมการผู้จัดการของ RP กล่าวว่า Mr.Shawn Achor ครูสำคัญท่านหนึ่งจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด สอนไว้ว่า คนเราจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องมีความสุขในการใช้ชีวิตทุกๆ วัน และต้องทำ 5 ประการ ซึ่งเขายึดเป็นแนวปฏิบัติมาตลอดดังนี้
1.บันทึกเรื่องที่ทำให้เราดีใจวันละ 3 เรื่อง ทุกวัน
2.นึกถึงเรื่องที่ทำให้เราเกิดความสุข อย่างน้อย 1 เรื่อง
3.ออกกำลังกาย วันละ 10-15 นาที (เลือกใช้การแกว่งแขนบริหารกล้ามเนื้อ)
4.นั่งสมาธิอย่างต่ำวันละ 2-10 นาที
5.เขียนขอบคุณหรือให้อภัยใคร หรือเรื่องราวใดก็ได้ที่ทำให้เราเรียนรู้และเติบโตขึ้นวันละอย่างน้อย 1 คน
นอกจากนี้ ความเป็นคนที่ชอบและใฝ่ใจการอ่านหนังสือทำให้คุณอภิชาติมีความรู้หลากหลาย กว้างขวาง จนกลายเป็นแรงบันดาลใจที่อยากจะถ่ายทอดความรู้ที่ตัวเองมีอยู่ รวมทั้งประสบการณ์ชีวิต หลักการ บริหารธุรกิจ บันทึกเป็นเรื่องราวให้คนรุ่นหลังได้รู้ ซึ่งก็วางแผนไว้ว่าหลังจากวางมือการบริหารกิจการแล้ว ก็จะเริ่มต้นงานเขียนหนังสืออย่างจริงจัง “มีความเชื่อที่สืบต่อกันมาของคนโบราณว่า เมื่อเกิดมาเป็นคนแล้วจะมีความสมบูรณ์ เป็นคนดีที่สวรรค์จะเปิดรับให้กลับไปสู่อ้อมกอดของพระเจ้าก็ต้องทำอย่างน้อย 3 สิ่งต่อไปนี้ คือ ต้องปลูกต้นไม้ ต้องมีครอบครัว และต้องเขียนหนังสือ ผมทำได้ 2 อย่างแล้ว ก็เหลือเพียงการเขียนหนังสือที่เป็นอีกหนึ่งในความตั้งใจจะทำในอนาคต ทิ้งไว้เพื่อเป็นสมบัติให้ลูกหลาน”


