posttoday

น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ ลูกสาวกำนัน สวย & สตรอง

19 มกราคม 2560

หลายคนอาจนิยาม “ลูกสาวกำนัน“ ตามคาแรกเตอร์ที่เห็นในละครบ้านเราว่าต้องเป็นสาวห้าว สายบู๊ มีมาดนักเลงนิดๆ

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ... วิศิษฐ์ แถมเงิน

หลายคนอาจนิยาม “ลูกสาวกำนัน“ ตามคาแรกเตอร์ที่เห็นในละครบ้านเราว่าต้องเป็นสาวห้าว สายบู๊ มีมาดนักเลงนิดๆ ทว่า หลังจากได้ทำความรู้จักกับ บุ๋ม-น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ ทายาทคนเล็กของ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. เธอกลับฉีกภาพของลูกสาวกำนันที่คุ้นตาไปหมดสิ้น

แม้ด้วยใบหน้าที่ดูคมเข้มตามสไตล์สาวใต้ บวกกับบุคลิกนิ่งๆ ที่เป็นซิกเนเจอร์ประจำตัว จะทำให้เธอดูเป็นสาวดุไปในบัดดล แต่ความจริงแล้วเธอคือสาวมั่นที่แฝงไปด้วยความขี้เล่น ที่ยิ่งรู้จักยิ่งพบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ไม่น้อย

น้ำทิพย์ เริ่มพาเราเข้าไปสัมผัสกับตัวตนของเธอทีละน้อย ด้วยการอัพเดทสถานะตอนนี้ว่า เธอควบตำแหน่งไดเรกเตอร์และจีเอ็มของแปซิฟิค ซิตี้ คลับ (Pacific City Club) ซึ่งเจ้าตัวนิยามว่า เป็นคลับที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของสมาชิกได้ราวกับเป็นแขกของโรงแรม เพราะมีบริการที่ครบครันทั้งห้องอาหาร สระว่ายน้ำ ยิม สปา และห้องประชุมขนาดต่างๆ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือไม่มีห้องพักไว้บริการเท่านั้นเอง

น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ ลูกสาวกำนัน สวย & สตรอง

“หลังจากที่กลุ่มทุนเก่าหมดสัญญาไป เราก็เข้ามาร่วมถือหุ้นเมื่อ 3 ปีก่อนและเริ่มเข้ามาดูแลเต็มตัวตั้งแต่เดือน เม.ย.ปีที่แล้ว อีกหนึ่งบทบาทที่ทำไปควบคู่กัน คือ บริหารแบรนด์เสื้อผ้ากีฬา แจ็กแก็ด (Jaggad) นำเข้าจากออสเตรเลีย ซึ่งเธอลงขันกับหุ้นส่วนตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยน้ำทิพย์เข้ามาช่วยดูแลในส่วนของชุดออกกำลังกายที่เป็นไลฟ์สไตล์แวร์ ส่วนที่เป็นเสื้อผ้าและอุปกรณ์สำหรับจักรยานเธอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหุ้นส่วน

“ตั้งแต่นำเข้ามาเมื่อปีที่แล้ว เรายังไม่เน้นทำพีอาร์มากนัก ยังไม่ได้แกรนด์โอเพนนิ่งด้วยซ้ำ เน้นขายผ่านทางออนไลน์เป็นหลัก จุดเด่นของแบรนด์เราคือ ไม่เน้นแฟชั่นมาก แต่โฟกัสการออกแบบที่ใส่ใจถึงการใช้งานจริง ทำให้แบรนด์ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีทั่วเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งเราตั้งใจว่าปีนี้จะหันมาโฟกัสกับแบรนด์มากขึ้น”

น้ำทิพย์ยอมรับว่า สองบทบาทหลักที่ทำอยู่ตอนนี้ อาจไม่ได้ตอบโจทย์กับอาชีพในฝันวัยทีนที่อยากจะเป็นสถาปนิกโดยตรง แต่ก็เป็นงานที่สนุกและท้าทาย งานนี้สาวสวยพาย้อนวันวานไปถึงช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตว่า อยากจะเป็นสถาปนิก เลยตัดสินใจลัดฟ้าไปเรียนต่อปริญญาตรีด้านสถาปัตยกรรม ที่ สถาบันแพรตต์ (Pratt Institute) สหรัฐ หลังจากเรียนจบก็เริ่มต้นสานฝันด้วยการทำงานในบริษัทสถาปนิกที่เอชเอส ทู อาคิเทคเชอร์ นาน 1 ปี ก่อนจะถูกเรียกตัวกลับมาเมืองไทย

น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ ลูกสาวกำนัน สวย & สตรอง

 

“พอกลับมาเมืองไทยก็ยังมาทำงานด้านสถาปนิกต่ออีกพัก ก่อนจะตัดสินใจกลับไปเรียนต่อปริญญาโทในสาขาเดิมที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย แต่หลังจากเรียนจบมายังไม่มีโอกาสได้กลับไปโลดแล่นในวงการอีกเลย ถามว่าคิดถึงงานสถาปนิกมั้ย คิดถึงนะ และคิดเสมอว่าถ้าในอนาคตมีโอกาสเหมาะๆ ก็อาจจะกลับไปทำอีก ตอนนี้ก็อาศัยนำความรู้ที่มีมาปรับใช้ในงานด้านอื่นๆ ไปก่อน อย่างตอนที่เข้ามาทำงานที่ แปซิฟิค ซิตี้ คลับ ช่วงแรกต้องมีการรีโนเวตหลายอย่าง เลยได้มีโอกาสนำความรู้ที่เรียนมาใช้ค่อนข้างมาก”

นอกจากจะนำความรู้ด้านการออกแบบมาใช้โดยตรงแล้ว น้ำทิพย์บอกว่า ยังได้นำสิ่งที่ได้เรียนรู้ระหว่างการเรียนมาปรับใช้ในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการมีวินัย

“ช่วงที่เรียนสถาปัตย์ เราต้องทำโปรเจกต์ส่งค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นต่อให้ต้องนอนดึกแค่ไหนก็ต้องทำให้เสร็จให้ได้ วินัยในการส่งงานให้ตรงเวลานี้เอง เลยกลายเป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาสู่การทำงานโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ ด้วยความที่งานของสถาปนิกเป็นงานที่ต้องทำงานร่วมกับหลายฝ่าย ได้เจอคนเยอะ ต้องดีลงานกับลูกค้าที่หลากหลาย ทำให้เรามีทักษะในการปรับตัวค่อนข้างดี สามารถทำงานร่วมกับกลุ่มคนในอาชีพต่างๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา”

น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ ลูกสาวกำนัน สวย & สตรอง

ในฐานะเป็นลูกสาวกำนัน มีคุณพ่อทำงานในวงการการเมือง ถามว่าเคยคิดเข้ามาชิมลางด้านการเมืองหรือไม่ น้ำทิพย์คลี่ยิ้มก่อนตอบอย่างไม่ลังเล... “เคยคิดนะคะ แต่คิดว่าตัวเราคงทำได้ไม่ดี เพราะคนที่จะมาทำงานการเมือง ต้องไม่ได้คิดจะทำเพื่อชื่อเสียง แต่ต้องทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อทำงานช่วยเหลือประชาชน

อย่างคุณพ่อ เวลาทำงานเขาไปเต็ม 1000% เลย เรียกว่าทำเพราะอยู่ในสายเลือดจริงๆ ซึ่งเราเองอาจจะยังไม่ถึงตรงนั้น บางครั้งยังอยากมีโลกส่วนตัว เลยคิดว่าเราคงไม่เหมาะ จึงเริ่มเปลี่ยนมุมมองว่า ความจริงแล้ว ถ้าเราอยากทำอะไรเพื่อสังคมจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานการเมืองก็ได้ แค่ลงมือทำในสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์กับสังคมก็พอ”

หลายคนอาจสงสัยว่า ชีวิตของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เติบโตมาในครอบครัวนักการเมืองเป็นอย่างไร และมีอิทธิพลต่อสาวสวยตรงหน้าเพียงใด น้ำทิพย์ไขข้อข้องใจอย่างไม่รอช้าว่า ไม่ได้โตมาแบบถูกโอ๋ หรือมีใครมาคอยประคบประหงม ด้วยความที่คุณพ่อมีภาระหน้าที่เยอะ ไม่ค่อยอยู่บ้าน น้ำทิพย์จึงต้องอยู่กับคุณยาย คุณอา

“จำได้ว่า สมัยเด็กเวลาเจอพี่ชายแกล้งแล้วไปฟ้องคุณพ่อ คุณพ่อจะไม่เข้าข้าง แต่จะสอนให้เราเข้มแข็ง อดทน ไม่ร้องไห้ อีกเรื่องหนึ่งที่คุณพ่อสอนเสมอคือ ไม่ว่าทำอะไรต้องไม่หยิบโหย่ง ทำอะไรต้องศึกษา และลงมือทำให้เต็มที่”

อาจเพราะด้วยความที่ถูกเลี้ยงมาให้เป็นสาวสตรอง จนออกจะแมนนิดๆ ด้วยซ้ำ เลยทำให้เมื่อถามถึงสิ่งที่เธอยึดถือเป็นหลักในการใช้ชีวิตและการทำงาน จึงได้รับคำตอบที่กระชับและตรงประเด็นว่า ต้องไม่เอาเปรียบใคร “เราเชื่อว่า เมื่อเราหยิบยื่นน้ำใจ สิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น เมื่อนั้นเขาจะรับรู้ถึงความจริงใจของเรา และพร้อมหยิบยื่นสิ่งดีๆ กลับมาให้เราเสมอ เพราะฉะนั้นเมื่อเราถือคติไม่เอาเปรียบใคร ก็หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่เอาเปรียบเราเช่นกัน” สาวสวยตาคมกล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

ครม. ทบทวน EV3 เพิ่มความยืดหยุ่น หนุนไทยสู่ฐานผลิต EV โลก