posttoday

ล้อมเว่ยช่วยจ้าว-อย่าให้ปัญหาจูงจมูก

16 มกราคม 2560

ยุคจ้านกว๋อ แคว้นเว่ยต้องการขยายอำนาจจึงวางแผนรุกรานแคว้นจ้าว เตรียมการส่งทหารเข้าประชิดเมืองหลวง

โดย...นิธิพันธ์ วิประวิทย์

ยุคจ้านกว๋อ แคว้นเว่ยต้องการขยายอำนาจจึงวางแผนรุกรานแคว้นจ้าว เตรียมการส่งทหารเข้าประชิดเมืองหลวง แม่ทัพผังเจวียนแห่งแคว้นเว่ยผู้รุกราน รู้ดีว่าศึกครั้งนี้นอกจากแคว้นจ้าวจะต้องยกทัพป้องกันเมืองหลวงแล้ว ยังอาจจะมีมือที่สามเข้าขัดขวางเกมแห่งการขยายอำนาจครั้งนี้

แม่ทัพผังเจวียนคาดการณ์ไว้ว่า ถ้าจะมีแคว้นไหนที่ต้องการคัดง้างการแผ่อิทธิพลของแคว้นเว่ย และอยู่ในชัยภูมิที่สามารถขัดขวางศึกครั้งนี้แล้วละก็ จะต้องเป็นแคว้นฉีแน่นอน

ผังเจวียนรู้ว่าผู้ถึงชัยภูมิก่อนย่อมได้เปรียบ นอกจากจัดทัพหลักประชิดเมืองหลวงแคว้นจ้าว ก็ยังจัดอีกทัพสกัดเส้นทางที่แคว้นฉีจะเข้ามาช่วยแคว้นจ้าวไปพร้อมกัน

และเมื่อแคว้นจ้าวรู้แล้วว่าจะโดนแคว้นเว่ยรุกราน จึงรีบส่งทูตไปขอความช่วยเหลือแก่แคว้นฉี

ที่ประชุมแคว้นฉีหารือกัน ตกลงยกทัพช่วยแคว้นจ้าว ไม่ใช่เพราะแคว้นฉีเป็นกองกำลังอาสาสมัครกู้โลก แต่เพราะในทางยุทธศาสตร์แล้ว หากแคว้นจ้าวล่ม แคว้นฉีย่อมจะต้องเป็นรายต่อไป

แคว้นฉีแต่งตั้งเถียนจี้เป็นแม่ทัพให้ซุนปินเป็นที่ปรึกษา ยกทัพช่วยแคว้นจ้าว

ก่อนเดินทัพแม่ทัพเถียนจี้ขอคำปรึกษาซุนปิน เถียนจี้เห็นว่าตอนนี้แคว้นเว่ยคงประชิดเมืองหลวงแคว้นจ้าวเรียบร้อยแล้ว สถานการณ์คับขันอย่างแรง ต้องรีบเร่งเดินทัพไปช่วยแคว้นจ้าวเท่านั้นจึงจะช่วยแคว้นจ้าวได้ทัน แล้วจึงถามความเห็นซุนปินว่าเห็นการออกศึกครั้งนี้เป็นอย่างไร

ซุนปินส่ายหน้าคัดค้านนิ่งๆ บอกว่า “ทัพแคว้นเว่ยจะรุกรานย่อมต้องเตรียมการมาอย่างดี กองทหารย่อมมาด้วยขวัญกำลังใจที่จะเผด็จศึก ความพร้อมไม่ต้องพูดถึง แล้วนี่ยังเดินทัพตั้งทัพล่วงหน้าเราไปแล้ว เขานอนพอกินอิ่มเลือกชัยภูมิรอเราอยู่ ถ้าเราเร่งรีบยกทัพไปทั้งเหนื่อยอ่อนทั้งเสียเปรียบทางชัยภูมิและกำลังทหาร ต้องพ่ายแพ้แน่นอน”

และหากจะเอากำปั้นไปทุบปมเชือก เชือกคงไม่คลายปมง่ายๆ...

ซุนปินคิดไม่ผิด ผังเจวียนแม่ทัพแคว้นเว่ยยังเตรียมกองทัพสกัดเส้นทางที่แคว้นฉีจะช่วยแคว้นจ้าวแล้วด้วยซ้ำ

เถียนจี้เห็นด้วย... แต่คำถามที่สำคัญก็คือ “แล้วเราจะทำอย่างไรดี?”

ซุนปินจึงว่า “จังหวะนี้กำลังทหารแคว้นเว่ยถูกส่งออกมารบเป็นส่วนใหญ่ กองกำลังที่ปกป้องเมืองหลวงย่อมเบาบาง พวกเรายกทัพไปอีกทาง ตลบหลังตรงเข้าประชิดล้อมเมืองหลวงแคว้นเว่ยแทนดีกว่า เท่านี้ก็ถือว่าเราบีบบังคับให้แคว้นเว่ยถอยทัพกลับ โดยไม่ต้องเข้าไปใช้กำลังปะทะกับกองทัพแคว้นเว่ย”

เถียนจี้ตาสว่าง เห็นด้วยกับซุนปิน รีบดำเนินการตามแผน

ทุกอย่างเป็นไปตามที่ซุนปินบอกทุกประการ เมื่ออ๋องแคว้นเว่ยรู้ข่าวว่าแคว้นฉีจะยกทัพมาล้อม รีบส่งข่าวถึงแม่ทัพผังเจวียน ให้เร่งรีบนำทัพกลับมาแก้ไขสถานการณ์ แม่ทัพผังเจวียนรู้เข้าเจ็บใจยิ่งนัก เมืองหลวงแคว้นจ้าวใกล้แตกแล้ว แต่กลับโดนบังคับให้ยกทัพกลับ ที่ทำมาทั้งหมดเรียกได้ว่าเสียเปล่า

และที่จริงทัพที่แม่ทัพเถียนจี้และซุนปินยกไปประชิดเมืองหลวงแคว้นเว่ยก็ไม่ใช่ทัพหลัก แต่เป็นทัพหลอกที่ทำให้ดูยิ่งใหญ่ เน้นธงทิวและคบไฟให้มากเข้าไว้ เหมือนกับว่าแคว้นฉีจะอาศัยจังหวะนี้ยึดเมืองหลวงแคว้นเว่ยเสีย ที่จริงซุนปินและเถียนจี้เอากำลังไปดักซุ่มทัพผังเจวียนระหว่างทางกลับในชัยภูมิที่เตรียมการอย่างดี

ผลคือทัพผังเจวียนที่เร่งรีบเดินทัพกลับมาป้องกันเมือง ต้องแหลกลาญระหว่างทาง แคว้นเว่ยเสียกำลังมากมาย แม่ทัพทั้งหลายต้องถอยกลับเมืองหลวงด้วยความสะบักสะบอม

ศึกครั้งนี้เป็นศึกพลิกเกมอัศจรรย์อีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน ชาวจีนติดปากการวางแผนศึกแบบนี้ว่าเป็นกลยุทธ์ “ล้อมเว่ยช่วยจ้าว”

ผู้คนมักยกย่องกลยุทธ์นี้ เพราะเป็นวิธีหลีกเลี่ยงการปะทะในจุดที่ศัตรูเข้มแข็งโดยเฉพาะที่เตรียมการป้องกันไว้อย่างดี แล้วโจมตีที่จุดอ่อนแทน เพื่อแก้ปัญหาด้วยกรรมวิธีที่สูญเสียน้อยกว่า

เพราะการจ้องเขม็งไปที่ปัญหา แล้วทุ่มเทกำลังเข้าแก้ไขโดยตรง อาจไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุดประหยัดแรงที่สุดเสมอไป...กำปั้นทุบให้เชือกคลายปมไม่ได้

เมื่อสุนัขตัวหนึ่งถูกปาก้อนหินเข้าใส่ มันจะต้องวิ่งเข้าไปกัดที่คนปา มิใช่ไล่กัดก้อนหิน แต่โลกเรามักซับซ้อนและล่อลวงเรามากกว่านั้น บางครั้งสุนัขตัวนั้นก็ถูกปาด้วยหนูบ้าง แมวบ้าง ทำให้มันเสียเวลาวิ่งไล่กัดหนูกัดแมว แล้วก็ไม่พ้นปัญหาที่เผชิญอยู่สักที

มีคลิปอยู่คลิปหนึ่ง เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดหน้าร้านพิซซ่า สองหนุ่มแปลกหน้าเขม่นกันและจะลงไม้ลงมือกันหน้าร้าน ในขณะที่กำลังง้างหมัดกันอยู่นั้นเอง เจ้าของร้านพิซซ่าปรี่เข้าไปยัดเยียดพิซซ่าให้ทั้งสองหนุ่มชิมอย่างงงๆ เจ้าของร้านตบบ่าตบไหล่ พูดจาให้ทั้งคู่ลองชิมดู ทั้งคู่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปชั่วขณะ จนสุดท้ายแต่ละคนแยกย้ายได้พิซซ่ากลับไปคนละชิ้น เจ้าของร้านพิซซ่าไม่ต้องวุ่นวายที่จะต้องมีคนมาทะเลาะกันหน้าร้านตน

ถ้าเจ้าของร้านคนนี้ตะโกนปาวๆ ว่าอย่าทะเลาะกัน จะสามารถห้ามสองหนุ่มนั้นได้หรือไม่ หรือถ้าเข้าไปคลุกวงในห้ามทัพอาจจะต้องเจ็บตัวกันทั้งสามฝ่าย

ไม่ว่าคลิปนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือจัดฉาก แต่ก็น่าจะสอดคล้องกับความเป็นจริง (ลองคิดถึงกรณีเห็นคนร้ายจี้ปล้นอยู่แล้วคนตะโกนว่า “ตำรวจมา!” ก็ใช้พื้นฐานคล้ายกันกับกลยุทธ์นี้ คือเลือกโจมตีที่ความตื่นกลัว มิได้เข้าไปห้ำหั่นกับคนร้ายโดยตรง)

อย่าเอาแต่จะเข้าไปปะทะตะลุมบอนกับปัญหา ถอยหลังออกมา อาจมีทางแก้ปัญหาที่สูญเสียน้อยกว่า

การก่นด่าติติงโดยตรง มีแต่จะเพิ่มแรงต่อต้าน โต้เถียงคัดง้างกับคนที่ไม่พอใจสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง มีแต่ทำให้อัตตาทั้งสองฝ่ายพองโต กลายเป็นการปะทะไม่รู้จบ หมกมุ่นกับการต่อสู้คัดง้างเท่ากับว่าโดนปัญหาจูงจมูกเราไปเรื่อย

ไม่เข้าปะทะ ไม่ใช่การนิ่งดูดาย แต่แก้ปัญหาด้วยการหลีกเลี่ยงแรงต้านส่วนแข็ง แล้วเข้ากระทำที่จุดอ่อนที่ได้ผลกว่า

“ล้อมเว่ยช่วยจ้าว” ดูเผินๆ เหมือนจะใช้ได้แค่ในเรื่องใหญ่ๆ เช่น กลยุทธ์การทหาร กลยุทธ์ทางธุรกิจ แต่ถ้าใช้ให้เป็นก็จุดประกายในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่ความหมกมุ่นครุ่นคิดติดปัญหาภายในตัวเองได้เช่นกัน

โดยใจความสำคัญอันดับแรก คือ อย่าให้ปัญหาจูงจมูกลากเราไปไหนต่อไหนตามสัญชาตญาณดิบได้ เพราะที่นั่นแม่ทัพเถียนจี้กำลังกินอิ่มนอนรอรับการปะทะของเราอยู่

ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”