ไดโด สาว (น้อย) แห่งวันคริสต์มาส
ฟลอเรียน คลาวด์ เดอ บวนเนอเวล โอ’มัลลีย์ อาร์มสตรอง คือชื่อเต็มๆ บนบัตรประชาชนของนักร้อง/นักแต่งเพลงสาวชาวอังกฤษ
โดย...ปณิฏา
ฟลอเรียน คลาวด์ เดอ บวนเนอเวล โอ’มัลลีย์ อาร์มสตรอง คือชื่อเต็มๆ บนบัตรประชาชนของนักร้อง/นักแต่งเพลงสาวชาวอังกฤษ ที่ใช้ชื่อในวงการว่า ไดโด ค่าที่เกิดในวันคริสต์มาส (ของปี 1971) คุณแม่กวีเชื้อสายฝรั่งเศสของเธอจึงได้จัดเต็มชื่อเสียงเรียงนามเสียขนาดนั้น
พ่อของไดโดอยู่ในแวดวงหนังสือ แม่เป็นกวี หากพี่ชายของเธอ โรแลนด์ คอนสแตนติน โอ’มัลลีย์ อาร์มสตรอง หรือโรลโล อาร์มสตรองนั้นอยู่ในแวดวงดนตรี โดยเป็นสมาชิกวงทริโอ เฟธเลส ของอังกฤษ ก่อนที่จะโตมาเป็นสองพี่น้อง ไดโด-โรลโล ที่โด่งดังในแวดวงดนตรีของอังกฤษในทุกวันนี้ เธอต้องเติบโตมากับความพยายามจะทำตัวให้เหมือนเด็กปกติธรรมดา ทว่า เพียงแค่ชื่อเสียงเรียงนามที่ยาวผิดปกติ ก็ทำให้เด็กอังกฤษอยู่ในสังคมได้ยาก และเกิดเป็นบุคลิกที่แปลกแยก ไม่แปลกที่จะกลายเป็นเด็กมีปัญหา และโดนเพื่อนๆ กลั่นแกล้ง
ไดโด ได้รับการศึกษาที่โรงเรียนสตรี ทอร์นฮิล กรุงลอนดอน และโรงเรียนเวสต์มินสเตอร์ ที่เธอได้รับการศึกษาทางด้านดนตรีจากซีนัน ซาวาสคัน ทว่า หลังจากที่เธอขโมยเครื่องอัดเทปจากโรงเรียนตอน 5 ขวบ พ่อแม่ของเธอจึงจับย้ายไปเรียนโรงเรียนดนตรีและการแสดงกิลด์ฮอลล์ กรุงลอนดอนแทน เธอเริ่มเรียนเปียโนและไวโอลินตอนเป็นวัยรุ่น หากเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยลอนดอน วิทยาเขตเบิร์กเบค ที่คณะนิติศาสตร์ แต่เรียนไม่จบปริญญาตรี เพราะเบนเข็มไปยึดอาชีพนักร้อง/นักแต่งเพลงอย่างเต็มตัว
ไดโด ประสบความสำเร็จตั้งแต่ผลงานอัลบั้มแรก No Angel (1999) ที่เรียกว่าได้ทั้งเงินและกล่อง นอกจากจะขายได้ถึง 21 ล้านแผ่นทั่วโลกแล้ว ยังคว้ารางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเอ็มทีวี ยุโรป มิวสิค อวอร์ด สำหรับศิลปินหน้าใหม่ รางวัลแอ็นแอร์เช มิวสิค อวอร์ดของฝรั่งเศส ในฐานะอัลบั้มยอดเยี่ยม และศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับ 2 รางวัลบริตอวอร์ด กับศิลปินหญิงอังกฤษยอดเยี่ยม และอัลบั้มยอดเยี่ยมด้วย เรียกว่าก่อนที่จะมีปรากฏการณ์ “อะเดล” ได้เคยมีปรากฏการณ์ “ไดโด” มาก่อนหน้านี้ (เผื่อมีใครเกิดไม่ทัน)
หลายๆ คนคงจำเพลงที่ฮิตติดลมบนสุดๆ ในอัลบั้ม No Angel อย่าง Thank You และ Here with Me ได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับแฟนตัวกลั่นของเพลงในสายนักร้อง/นักแต่งเพลงหญิง ย่อมเห็นว่าแทบทุกเพลงในอัลบั้มนี้ล้วนดีงาม เนื้อเพลงที่เขียนง่ายๆ แต่งดงาม มีความลุ่มลึกในการมองโลกที่แตกต่าง สมกับเป็นทายาทกวี ที่ออกมาในแนวร่วมสมัย ในดนตรีแนวป๊อปที่ฟังได้เพลินๆ เพราะๆ ทุกเพลง ไม่ว่าจะเป็น Don’t Think of Me, My Lover’s Gone, All You Want หรือ I’m No Angel ฯลฯ
อัลบั้มต่อมาของเธอ Life for Rent (2003) ก็ยังคงปังไม่เลิก มีเพลง White Flag ที่ดังเป็นพลุ ขณะที่เพลง ซึ่งเป็นชื่ออัลบั้มอย่าง Life for Rent ยังคงแสดงความสามารถในฐานะนักร้อง/นักแต่งเพลงหญิงของเธอได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
แม้ Safe Trip Home (2008) อัลบั้มหมายเลข 3 ของเธอจะไม่ประสบความสำเร็จทางด้านยอดขาย ต่างจากสองอัลบั้มแรกของไดโด ที่ได้สร้างปรากฏการณ์ยอดการขายทะลุเป้าประวัติศาสตร์ เป็น 2 ใน 10 อัลบั้มขายดีที่สุดในทศวรรษที่ 2000 ของยูเคชาร์ต หากในด้านของเนื้อหาเพลง แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะทางอารมณ์ของความเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ไดโดไม่ใช่เด็กใสๆ ที่จะมาทำอะไรหน่อมแน้มแบบ 2 ชุดแรก (ซึ่งก็ไม่หน่อมแน้มเท่าป๊อปสตาร์รายอื่นๆ อยู่แล้ว) นอกจากนี้อัลบั้ม Safe Trip Home ยังมีเนื้อหาที่อุทิศ รำพึงรำพันถึงคุณพ่อของเธอที่เพิ่งเสียชีวิตไป ทำให้ยอดขายไม่ปังเช่น 2 อัลบั้มที่ผ่านมา
ด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ไดโด ได้โอกาสไปสร้างสรรค์ดนตรีประกอบภาพยนตร์มากมายหลายเรื่อง ทั้งชนิดยกอัลบั้ม เรียบเรียงเพลงมาร้องคัฟเวอร์ใหม่ รวมทั้งแต่งเนื้อร้อง/ทำนอง และร้องเองด้วย อย่างเช่น One is the Loneliest Number (ของตรีด็อก ไนต์ ที่ร้องคัฟเวอร์ประกอบภาพยนตร์ Magnolia ปี 1999) โดยในปี 2010 เพลง If I Rise ที่เธอเขียนร่วมกับอัลลา รัคคา ราห์มาน (เอ.อาร์. ราห์มาน) รวมทั้งโรลโล อาร์มสตรอง พี่ชายตัวเอง ที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง 127 Hours ของ แดนนีบอยล์ คว้ารางวัลออสการ์เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาครอง
สตูดิโออัลบั้มที่ 4 -- Girl Who Got Away (2013) นับเป็นการกลับมาของไดโดอย่างงดงามอีกครั้ง หลังจากที่นักร้อง/นักแต่งเพลงสาวชาวอังกฤษหายหน้าหายตาจากอัลบั้มล่าสุดไปนานหลายปี อัลบั้มนี้ขึ้นสู่อันดับ 5 ของยูเคชาร์ต ด้วยทั้งเนื้อหาและดนตรีที่กลับมามีสีสันขึ้นอีกครั้ง
Girl Who Got Away กลับมาพร้อมกลิ่นอายของดนตรีป๊อปที่เจือความเป็นโฟล์ก รวมทั้งเสียงใสๆ ชวนฝัน ที่ฟังง่ายๆ เบาๆ เหมือนเสียงกระซิบ แบบมีเอกลักษณ์ของเธอ เพลงฮิตอย่าง No Freedom กลับมาสร้างปรากฏการณ์เช่นในอัลบั้มแรก โดยได้แรงส่งของป๊อปสตาร์อเมริกันอย่างไมลีย์ ไซรัส ที่ขอนำไปร้องคัฟเวอร์


