posttoday

เริงวุฒิ มิตรสุริยะ เมื่อตะวันตกล่าอาณานิคมฯ

27 พฤศจิกายน 2559

ตลาดหนังสือแนวประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลป์ และโบราณคดี มีคนอ่านที่แน่นอนและมั่นคงอยู่จำนวนหนึ่ง

โดย...พริบพันดาว

ตลาดหนังสือแนวประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลป์ และโบราณคดี มีคนอ่านที่แน่นอนและมั่นคงอยู่จำนวนหนึ่ง แต่มีไม่มากนัก ถือเป็นตลาดเฉพาะที่มีสำนักพิมพ์ใหญ่ครองตลาดแต่ดั้งเดิมอยู่ 2 เจ้า คือ ศิลปวัฒนธรรม กับ เมืองโบราณ ที่ผลิตหนังสือในหมวดนี้ออกสู่สายตาคนอ่านมานานในรอบหลายสิบปีหลังที่ผ่านมา

ในระยะ 4-5 ปีหลังที่ผ่านมา มีสำนักพิมพ์ขนาดกลางและขนาดเล็กเข้ามาผลิตหนังสือเพื่อป้อนคนอ่านในตลาดหนังสือประเภทนี้อยู่บ้าง ที่ติดตลาดก็มีสำนักพิมพ์ยิปซี ที่สามารถเปิดพื้นที่ใหม่ในตลาดนี้ขึ้นมาได้ แทรกเข้าสู่กลุ่มคนอ่านได้อย่างน่าประหลาดใจ

หนึ่งในบรรณาธิการที่ทำหน้าที่นี้ก็คือ เริงวุฒิ มิตรสุริยะ ที่เป็นคนดูแลหลักของหนังสือในแนวนี้ ล่าสุดเขาออกมาเปิดสำนักพิมพ์ของตัวเองชื่อ ดินแดนบุ๊ค ขึ้นมา และผลิตหนังสือแนวประวัติศาสตร์ขึ้นมา รวมถึงทำหน้าที่เขียนเองด้วย เล่มที่ออกมาล่าสุดคือ "เมื่อตะวันตกล่าอาณานิคม ศตวรรษที่ 15-19"

“มันเริ่มจากวิธีคิดของผมก่อน คือผมมองและเชื่อว่าคนอ่านหนังสือทั่วไปที่ไม่ได้มาสายประวัติศาสตร์โดยตรง หากอ่านหนังสือทางวิชาการประวัติศาสตร์แล้วมันจะอ่านยาก เข้าใจยาก ทั้งนี้เพราะงานวิชาการนั้นเขาเน้นวิเคราะห์วิจัยวิจารณ์ แต่แท้จริงแล้วคนอ่านที่เขาไม่ได้ต้องการอะไรที่ลึกซึ้งแล้วเขาอยากรู้พื้นฐาน ที่มาที่ไปของเรื่องราวต่างๆ มากกว่า” เริงวุฒิ เกริ่นถึงภาพรวมของหนังสือแนวประวัติศาสตร์ที่เป็นอยู่ในเมืองไทย แล้วเขาเห็นช่องว่างและโอกาสที่เปิดกว้างอยู่ให้เข้าแทรก พร้อมขยายความต่อว่า

“คือต้องพูดอย่างนี้ บ้านเราระบบหนังสือมันขาดตอนอยู่ คือส่วนใหญ่หนังสือความรู้พื้นฐานมันมีน้อย ที่พิมพ์ขายกัน เราจะรู้ก็ต่อเมื่อเรียนหนังสือมาไปเอาความรู้พื้นฐานจากการเรียน แต่หากใครไม่ได้เรียนมาทางนั้นโดยตรงก็จะไม่เข้าใจ เมื่อมาอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือประวัติศาสตร์สายเข็ง ที่นักวิชาการเขาเขียนๆ กันมา อันที่จริงหนังสือพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ประเภท ใครทำอะไรที่ไหนในบ้านเราก็มีอยู่บ้าง แต่คนเขียนกลับเป็นคนที่บ่อยครั้งไม่ได้เข้าใจประวัติศาสตร์จริง คืออาศัยว่าอ่านมา เห็นแล้วก็ลอกมาบอกต่อๆ กันไป ที่สำคัญไม่มีการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งอันตรายพอควร คนอ่านที่เขาไม่รู้อยู่แล้วมาอ่านก็ยิ่งเข้าใจผิดกันไปใหญ่”

สำหรับหนังสือเล่มนี้ คือ "เมื่อตะวันตกล่าอาณานิคม ศตวรรษที่ 15-19" ที่นำเสนอเรื่องราวทางประวัติศาสตร์แบบบอกเล่า เพื่อการอ่านที่ง่ายสามารถทำความเข้าใจได้แม้ผู้ไม่มีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ ฉายภาพความเห็นและความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ของแต่ละชาติที่เพิ่งก้าวพ้น ยุคมืดของตะวันตก ซึ่งผนวกเอาเนื้อหาทางการเมืองการปกครองที่เกิดขึ้นในยุโรปเวลานั้นเข้าไปพร้อมกันด้วย เริงวุฒิ บอกว่า นี่มิใช่หนังสือตำราทางประวัติศาสตร์ หากแต่คือหนังสือสารคดีประวัติศาสตร์ที่อ่านสนุก ได้ความรู้และสาระในอันเกี่ยวกับยุคสมัยล่าอาณานิคมได้อย่างครบครันสมบูรณ์

เริงวุฒิ มิตรสุริยะ เมื่อตะวันตกล่าอาณานิคมฯ

 

“คราวนี้ผมก็เลยคิดว่าเราร่ำเรียนมาทางนี้ และนี่คือการเขียนสารคดีทางประวัติศาสตร์ ไม่ได้ทำงานวิจัยทางประวัติศาสตร์ เป้าหมายของเราคือ เอาเรื่องที่ผ่านการพิสูจน์ตรวจสอบหลักฐานแล้วมาบอกเล่าให้คนอ่านเขาเข้าใจง่าย ที่สำคัญแท้จริงแล้วในการเขียนนั้น มันไม่ใช่แค่การเรียบเรียงอย่างเดียว เราทำงานเหมือนงานวิชาการชิ้นหนึ่งพูดให้ชัดก็คือ งานชิ้นนี้หากเอาไปเสนอเห็นหัวข้อวิทยานิพนธ์ ก็เป็นได้เลยละ ทั้งนี้เพราะเราอ่านเราตรวจสอบข้อมูลหนังสืออ้างอิงเยอะมาก แถมเป็นอ้างอิงที่ต้องได้รับการยอมรับและเชื่อถือได้ ตามแนวทางการวิจัยทางประวัติศาสตร์นั่นล่ะ เพียงแต่โดยภาษาในการเขียนนั้นผมเน้นไปในเชิงบอกเล่า พยายามที่จะไม่เข้าไปแตะหรือแสดงความคิดเห็นในเชิงวิจักษณ์วิจารณ์มากนัก

“ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ผมเชื่อว่านักเรียนนักศึกษาตั้งแต่ชั้น ป.ตรี ป.โท สามารถไปใช้อ้างอิงได้อย่างสบาย โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่ผมพูดได้ว่า มีคนทำในประเด็นเรื่องนี้แบบครอบคลุมน้อยมาก นอกเหนือไปกว่านั้นชาวบ้านทั่วไปหากมาอ่านก็ไม่เบื่อ เพราะอ่านแล้วเข้าใจง่าย เห็นภาพและเข้าถึงข้อมูลแท้จริง ซึ่งหากคนอ่านเขารู้พื้นฐานทั้งมวลแล้ว จะสนใจไปค้นคว้าต่อสามารถใช้เป็นฐานในการค้นคว้าได้อย่างสบาย...ดังนั้นต้องอ่านครับ”

เมื่อถามถึงตลาดคนอ่านหนังสือแนวประวัติศาสตร์ที่ติดตามอย่างเหนียวแน่น เริงวุฒิ ชี้ว่าเป็นความเข้าใจผิดและภาพลวงตาที่มองว่าคนอ่านในเมืองไทยที่ชอบอ่านหนังสือแนวนี้มีจำนวนน้อย

“คนอ่านประวัติศาสตร์ในบ้านเรามีมหาศาลครับ มีมากกว่าหนังสือแนววรรณกรรม หรือแนวอื่นอีกหลายแนวนะครับ อันนี้ละที่ต้องยกประสบการณ์จากยิปซีที่เคยทำมา คืออย่างนี้ครับตอนทำยิปซีใหม่ๆ ผมเป็นคนวางแนวเองว่ายิปซีต้องพิมพ์ประวัติศาสตร์ กล่าวคือ ในเวลานั้น ในฐานะที่ผมร่ำเรียนมาทางนี้ หาหนังสือประวัติศาสตร์ในร้านยาก ผมเห็นหนังสือประวัติศาสตร์ในตลาดที่มีอยู่ ที่เด่นๆ ก็มีเพียงศิลปวัฒนธรรมกับเมืองโบราณ แต่ปัญหาคือหนังสือของสองแห่งที่พิมพ์ออกมาส่วนใหญ่มาจากงานวิชาการ หรือไม่ก็เน้นไปทางวิชาการสายหลัก ซึ่งหากคนอ่านทั่วไป หรือชาวบ้านที่ไม่ได้ตามมาแต่ต้นอ่านแล้ว ก็มึนตามไม่ทัน

“ครั้นจะไปหาประวัติศาสตร์พื้นฐาน ซึ่งก็มีอยู่แห่งสองแห่ง เราก็เห็นว่านั้นมันเป็นงานลอกต่อมา คือเป็นงานที่คนเขียนไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร อาศัยอ่านมาแล้วมาเล่าใหม่ ไม่ตรวจสอบข้อมูล ไม่เข้าใจวิธีวิจัยทางประวัติศาสตร์ หนังสือที่ออกมาเลยผิดๆ ถูกๆ เชื่อถือไม่ได้  แต่ผมเชื่อว่ามีคนสนใจอยากอ่านอยากรู้เยอะ ทำประวัติศาสตร์ที่อ้างอิงได้ แต่เนื้อหาเน้นไปที่เรื่องพื้นฐาน พอหนังสือออกมาแล้ว ก็เป็นอย่างที่คิด ยอดขายมันขยับไปเรื่อย โดยเฉพาะบางเล่มบางปกขายได้เป็นหมื่นเล่ม อันนี้ไม่มีใครรู้ บอกก็ไม่อยากเชื่อ ประจวบกับการทำการตลาดแบบยิปซีที่เข้าถึงคนอ่านด้วยหนังสือก็กระจายไปทั่ว งานของยิปซีหลายเล่มที่ยอดขายเป็นหมื่นเล่ม นั่นล่ะคือสิ่งที่ตอกย้ำความเชื่อของผม”

เริงวุฒิ ยังบอกว่าเขาไม่ค่อยสนใจนักอ่านหนังสือประวัติศาสตร์สายฮาร์ดคอร์ หรือหมกมุ่นจริงจัง ซึ่งแท้จริงก็มีจำนวนอยู่ไม่น้อย แต่สายนี้จะเป็นพวกเลือกมาก และส่วนใหญ่จะเป็นพวกรู้เรื่องแล้ว และชอบแสดงตนว่าตัวเองรู้แล้ว เลยไม่ใคร่ซื้อ หรือถ้าซื้อก็เลือกแล้วเลือกอีก หรือหากซื้อเลยก็ตามงานเป็นคนคนไป

“ผมไม่ได้สนใจกลุ่มนี้สักเท่าไร เพราะกลุ่มนี้ที่ผมว่ามีมากนี้เป็นพวกรู้เรื่องแล้วไง เขาก็เลือกของเขา แต่ผมสนใจกลุ่มพื้นฐานมากกว่า ขยายกลุ่มคนอ่านออกไปเรื่อยๆ เชื่อหรือเปล่าครับ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์นี้ คนที่ไม่ได้เรียนมาทางนี้หรือไม่เคยสนใจมาก่อนต่อให้พวกที่จบดอกเตอร์มา บางคนก็ไม่รู้มาก่อนเลย พอมาอ่านพวกพื้นฐานแล้วเข้าใจนั่นล่ะถึงจะไปต่อยอดตัวเองเอา แล้วพวกนี้ละที่มาเหยียดบันใดที่ตัวเองเคยเดินก้าวขึ้นมาด้วย...ดังนั้นเราทำหนังสือ ผมเลยถือว่างานของผมจบแล้วตรงที่ทำให้คุณได้เข้าใจได้เดินข้ามบันไดก้าวแรกก่อนจะก้าวไปในขั้นต่อไป”

ข่าวล่าสุด

บอร์ดเคาะแล้ว “ทรงพล” MD ออมสินคนใหม่ รอชัดอำนาจรักษาการเซ็นได้หรือไม่