ศิลปิน (เล็กๆ) วาดพระบรมสาทิสลักษณ์
เราได้เห็นปรากฏการณ์ในสังคมที่คนไทยออกมาทำดี ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชกันมากมายหลายรูปแบบ
โดย...ภาดนุ
เราได้เห็นปรากฏการณ์ในสังคมที่คนไทยออกมาทำดี ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชกันมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งดีที่น่ายกย่องทั้งนั้น หนึ่งในนี้มีเหล่าศิลปินนักวาดรูป ที่พร้อมใจกันออกมาวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อแสดงความรักความอาลัยที่มีต่อพระองค์ท่าน แล้วยังนำรูปวาดนั้นมาแจกให้กับผู้ที่ต้องการจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย ดังเช่นศิลปิน (เล็กๆ) เหล่านี้ที่ตั้งใจทำดีเพื่อน้อมถวายในหลวงในดวงใจด้วยเช่นกัน
อาทิตย์ กรรณิการ์ หรือ ครูเบิร์ด (วัย 38 ปี) หัวหน้าครีเอทีฟ แผนกโฆษณา บริษัท โพสต์ พับลิชชิงฯ และเจ้าของสตูดิโอสอนศิลปะสำหรับเด็ก “Art-D Studio” ซึ่งอยู่ที่บ้านเกิด จ.นครนายก นับเป็นศิลปินฝีมือดีอีกคนที่วาดพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงได้สวยงามสมจริง แล้วเจ้าตัวยังมีจิตอันเป็นกุศลด้วยการโพสต์ลิงก์ภาพ วาดพระองค์ท่านไว้ในแฟนเพจและเฟซบุ๊กส่วนตัวให้ผู้คนได้ดาวน์โหลดกันด้วย
“นอกจากทำงานประจำและเป็นครูสอนศิลปะแล้ว ผมยังเป็นศิลปินดิจิทัลวาดภาพเหมือน โดยใช้โปรแกรมโฟโต้ช็อปวาดในคอมพิวเตอร์ด้วย ปัจจุบันผมได้เปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจที่ชื่อว่า Sunburst Gallery ขึ้นเพื่อโชว์ผลงานภาพวาดดิจิทัลให้คนได้เข้าไปชม ซึ่งช่วงแรกๆ ผมจะโพสต์ผลงานที่เกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมือง หรือเรื่องจิปาถะตามกระแสเป็นหลัก อย่างในช่วงที่ ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์ เสียชีวิต ผมก็ได้วาดรูปปอ แล้วพรินต์ใส่กรอบนำไปมอบให้กับรายการข่าว ‘เรื่องเล่าเช้านี้’ ของช่อง 3 ซึ่งหลายคนน่าจะเคยเห็นมาบ้าง ในเพจของผมนอกจากมีภาพวาดดิจิทัลแล้ว บางครั้งผมยังแต่งกลอนและเขียนบทความสั้นๆ แล้วโพสต์ลงไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้น่าจะมีคนติดตามหลายหมื่นคนได้
สำหรับพระบรมสาทิสลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ผมชอบวาดเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว เพราะเวลาที่ได้วาดจะรู้สึกสบายใจและมีสมาธิ เพราะวาดด้วยความรัก เทิดทูน และศรัทธา ซึ่งปกติแล้วผมจะวาดแจกในเดือน ธ.ค.ของทุกปีอยู่แล้ว บุคคลหรือองค์กรใดที่อยากจะนำพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงไปขยายเพื่อใส่กรอบติดไว้ที่บ้าน หรือนำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ก็สามารถมาขอไฟล์ได้ ซึ่งข้อดีของไฟล์ดิจิทัลก็คือสามารถนำไปใช้และส่งต่อได้เลย
หลังจากที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต ผมได้ทำโครงการส่วนตัวที่ชื่อว่า ‘9 ภาพ ทาบก้าวพ่อ’ ขึ้นมาเพื่อแจกไฟล์พระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวง 9 ภาพ เป็นเวลา 9 สัปดาห์ โดยเริ่มตั้งแต่ศุกร์ที่ 14 ต.ค.-ศุกร์ที่ 9 ธ.ค.นี้ จุดประสงค์ของผมคือ อยากให้คนไทยได้มีพระบรมสาทิสลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้บูชา แจกจ่าย หรือนำไปใช้ประโยชน์สาธารณะ ได้ฟรี! เนื่องจากการแจกไฟล์ภาพในยุคนี้มันสะดวก สามารถนำไปใช้ได้ง่าย เพราะเป็นยุคของโซเชียลมีเดีย
ณ ตอนนี้ผมแจกไฟล์พระบรมสาทิสลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปแล้ว 5 แบบด้วยกัน ใครที่ต้องการก็สามารถดาวน์โหลดตามลิงก์ที่แปะไว้ในแฟนเพจ FB : sunburstgallery หรือ FB : Arthit Kannikar ได้เลย”
อาทิตย์ บอกว่า ด้วยความที่เขาถนัดและมีความรู้ในเรื่องศิลปะ สิ่งที่ดีที่สุดในการแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อในหลวง ก็คือการวาดพระบรมสาทิสลักษณ์พระองค์ท่าน และเผยแพร่ให้ผู้คนได้พบเห็น ได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่านตลอดไป
“สิ่งที่ผมอยากจะฝากถึงคนรักในหลวงก็คือ เราทั้งหมดนี่แหละที่ทำให้พระองค์ต้องทรงงานหนักมาโดยตลอด เพราะพระองค์ท่านทรงรักเรา เพราะเรายังไม่ค่อยช่วยเหลือตัวเองและช่วยเหลือกันมากพอ ต่อไปนี้แม้จะไม่มีในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้ว ก็ขอให้ทุกคนได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ และทำงานที่สุจริตในทุกอาชีพ พระองค์ท่านจะได้ทรงวางพระราชหฤทัยว่าคนไทยอยู่กันได้เองอย่างมั่นคง
สิ่งที่ผมอยากบอกอีกอย่างก็คือ นับเป็นบุญที่สุดในชีวิตแล้ว ที่เราได้เกิดมาภายใต้ร่มพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งคงไม่มีสิ่งใดจะวิเศษไปกว่านี้อีกแล้ว ฉะนั้นในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ ขอให้ทุกคนทำความดีในทุกด้านเพื่อตอบแทนพระองค์ท่านให้เต็มที่ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเราจะทำให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้”
ด้าน ณัฐ ปัญจางคกุล เชฟอาหารไทยสไตล์ฟู้ดอาร์ต (วัย 53 ปี) แม้จะคร่ำหวอดอยู่กับวงการอาหาร แต่ก็ไม่เคยทิ้งงานศิลปะที่เขารัก ทุกวันนี้ “เชฟลุงณัฐ” ยังคงใช้เวลาว่างวาดภาพอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นภาพที่เขาหลงใหลในการวาดเรื่อยมาเกือบตลอดชีวิต
“สมัยก่อนตอนเด็กๆ ผมชอบวาดภาพด้วย ชอบทำอาหารด้วย แต่มาเริ่มเขียนภาพอย่างจริงจังเมื่อเข้าเรียนที่วิทยาลัยช่างศิลป ในปี 2525 หากถามว่าทำไมถึงชอบเขียนพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ขอตอบว่า เกิดมาผมก็เห็นพระองค์ท่านแล้ว เห็นทุกวันจากรูปที่มีทุกบ้าน ไปที่ไหนก็เห็น จึงเกิดความประทับใจตั้งแต่เด็ก ซึ่งไม่อาจลืมเลือนได้
ตอนเด็กๆ เราดูโทรทัศน์ เราเห็นพระองค์ท่านทุกวัน ในหลวงมีพระราชกรณียกิจมากมาย พระองค์ทรงบุกป่าฝ่าดง ดูแล้วก็ปลาบปลื้ม พระองค์ท่านทรงทำได้ทุกอย่าง ทรงสง่างามในทุกพระราชอิริยาบถ พระองค์ท่านทรงเป็นเทพของปวงชนชาวไทย
ตอนที่ทราบข่าวการเสด็จสวรรคต ผมกำลังทำงานอยู่ แต่สายตาและหัวใจจดจ่ออยู่กับจอโทรทัศน์ ซึ่งผมเชื่อว่าคนทั้งประเทศก็เป็นเช่นเดียวกับผม พอได้ฟังประกาศจากนายกรัฐมนตรี ผมทำอะไรต่อไม่ถูกเลย ตัวสั่น น้ำตาไหล รู้สึกมืดมน เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต และผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เป็นช่วงชีวิตที่สับสน ว่าสิ่งที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็น เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก แต่หลังจากนั้นผมก็ค่อยๆ รวบรวมสติได้ ผมคิดว่าพระองค์ท่านคงไม่ต้องการให้ลูกๆ ของพระองค์เศร้าซึม ไม่ทำการทำงาน”
ณัฐ บอกว่า ในฐานะที่เขาเป็นคนไทยคนหนึ่ง เขาจะทำงานและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ตามคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในฐานะที่เป็นเชฟ เขาจะถ่ายทอดและสืบสานมรดกในการทำอาหารไทย ที่ตัวเองได้รับมาจากบรรพบุรุษให้อยู่คู่กับประเทศชาติสืบต่อไป
“สำหรับการนำพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 มามอบให้กับประชาชนนั้น ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมทำได้ นอกจากเป็นการน้อมดวงใจแสดงความจงรักภักดี และแสดงความอาลัยต่อพระองค์ท่านแล้ว ผมยังต้องการแบ่งปันพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์ท่านให้กับคนทั่วไป ได้มีภาพที่จะมีอยู่ทุกบ้าน เป็นภาพที่ได้มอง ได้เห็น แล้วรำลึกถึงคำสอนของพ่อ และนำไปปฏิบัติให้เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและต่อสังคม
ภาพนี้เป็นภาพที่ผมเขียนขึ้นเมื่อปี 2555 เป็นงานอดิเรกยามว่างจากการทำงาน พูดได้ว่ารูปนี้เป็นภาพจำในวัยเด็กของผมก็ว่าได้ ซึ่งเป็นภาพที่ผมเห็นจากหลายที่หลายแห่ง ผมจึงคิดว่าน่าจะนำมาสร้างในแบบของเราเอง ภาพนี้จึงเป็นงานสื่อผสม ซึ่งประกอบด้วยการใช้เทคนิคหลากหลาย หากมีใครต้องการ ผมจะนำภาพในหลวงที่ผมได้สั่งพิมพ์ไว้นี้ไปแจกตามงานต่างๆ ด้วยตัวเองเลย (ผู้ที่สนใจติดตามได้ที่เฟซบุ๊ก : เชฟลุงณัฐ)
ผมรู้สึกซาบซึ้งใจที่เห็นประชาชนจำนวนมากต่างมีความจงรักภักดี และนำพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงไปบูชาที่บ้าน ไม่เว้นแม้แต่ชาวต่างชาติก็ยังเทิดทูนพระองค์ท่านเหมือนกับพวกเราชาวไทย เพราะกิจกรรมที่ผมได้ไปแจกภาพในหลวง มีชาวต่างชาติมาขอรับภาพ และขอให้ผมเขียนข้อความว่า King of the Heart ลงไปในภาพนั้นด้วย นาทีนั้นบอกเลยว่า ผมเขียนข้อความนั้นด้วยหัวใจที่พองโตและปลื้มปีติเป็นที่สุดเลยครับ” ณัฐ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ เสรี แก้ววิเชียร (วัย 32 ปี) อาจารย์สอนศิลปะชั้นมัธยมศึกษา จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จ.ลพบุรี เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ได้สร้างสรรค์ผลงานพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้วนำไปจัดนิทรรศการเล็กๆ เพื่อให้ประชาชนได้ชม ซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจและความจงรักภักดีที่มีต่อพ่อของแผ่นดิน
“ผมวาดภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยใช้เทคนิคการวาดแบบศิลปะร่วมสมัย โดยตั้งใจวาดให้ได้ทั้งหมด 9 ภาพ จากนั้นจึงนำไปร่วมแสดงในนิทรรศการ ‘ศิลปกรรมศิลปินเมืองละโว้ ครั้งที่ 2’ ซึ่งจัดขึ้นที่ชั้น 2 ห้างบิ๊กซี ลพบุรี (วันที่ 4-11 พ.ย.ที่ผ่านมา) ร่วมกับผลงานศิลปะของศิลปินท่านอื่นๆ
การที่ผมวาดภาพในหลวงทั้งหมด 9 ภาพ เพราะเลข 9 ถือเป็นเลขมงคล และผมอยากน้อมแสดงความอาลัยต่อพระองค์ท่านด้วย ผมจึงถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของภาพวาดพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน
ขอเล่าย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนั้นผมได้ลงแข่งขันวาดภาพในฐานะนักวาดรุ่นเยาว์ ภาพที่ผมวาดก็คือภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ ที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตอนนั้นผมอายุ 22 ปี ยังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จ.ลพบุรี และได้เป็นตัวแทนระดับภาค เข้ารอบ 12 คนสุดท้าย เพื่อแข่งขันวาดภาพในระดับประเทศ จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม
ปรากฏว่า เมื่อประกาศผลออกมาแล้วผมได้รับรางวัลที่ 1 ในสาขานักวาดรุ่นเยาว์ เชื่อมั้ยว่า หลังจากนั้นทำอะไรก็ดี และประสบความสำเร็จมาโดยตลอด เมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคต ผมจึงอยากจะทำอะไรเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระองค์ท่านบ้าง อย่างน้อยประชาชนที่ได้มาเดินดูพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในงานนิทรรศการ จะได้นึกถึงคำสอนและพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่าน ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกคน”
เสรี เสริมว่า ได้ทราบข่าวว่ามีศิลปินมากมายในกรุงเทพฯ ได้วาดภาพในหลวงและพิมพ์ออกมาแจกให้กับคนทั่วไป เขาและเพื่อนๆ จึงคิดกันว่า อยากจะนำภาพในหลวงที่พวกเขาได้วาดไว้มาพิมพ์เป็นโปสต์การ์ดเพื่อแจกให้กับผู้ที่ต้องการเก็บไว้เป็นที่ระลึกอยู่เหมือนกัน (ติดตามได้ที่ FB : เสรี แก้ววิเชียร และ FB : Lopburui)
“พระบรมสาทิสลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ผมวาดและจัดแสดงในนิทรรศการนี้ ผมใช้ความถนัดทางด้านศิลปะร่วมสมัย เพื่อถ่ายทอดพระอิริยาบถของพระองค์ท่าน ออกมาให้ผู้คนได้จดจำคุณงามความดีของในหลวง โดยผมเลือกใช้สีสันที่สดใส เพราะอยากให้คนมองภาพแล้วรู้สึกว่าภาพมีชีวิต ให้คนจารึกถึงสิ่งดีๆ และนึกถึงความสุขที่ในหลวงทรงมอบให้กับพสกนิกรของพระองค์ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา
การที่ในหลวงเสด็จสวรรคต แน่นอนว่าทุกคนรู้สึกเศร้าเสียใจเป็นที่สุด แต่ผมเชื่อว่าพระองค์ท่านจะประทับอยู่ในใจของทุกคนตราบนานเท่านาน อย่างตัวผมเอง ตั้งแต่ได้ลงแข่งวาดภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน จนได้รางวัลที่ 1 ระดับประเทศมา ตั้งแต่นั้นชีวิตผมก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นโดยตลอด จากเด็กที่ปั่นจักรยานไปโรงเรียน ฐานะไม่ได้ร่ำรวยนัก ก็กลับทำให้ผมกลายเป็นที่รู้จัก และเป็นที่ยอมรับของผู้คนมากขึ้น มีที่ยืนในสังคม มีคนเห็นความสามารถ ซึ่งผมถือว่านี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตผม
ผมจะบอกกับตัวเองเสมอว่า ถ้ามีโอกาสเราต้องไขว่คว้าไว้ เพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสอนให้เราทุกคนขยัน อดทน และมีความเพียร เพราะเมื่อทำเต็มที่แล้ว ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จในอาชีพได้เอง ที่ผมมีวันนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็มาจากแรงบันดาลใจที่ได้จากพระองค์ท่าน ในหลวงรัชกาลที่ 9 พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย”


