posttoday

เจนนิสา คูวินิชกุล ปั้นภูมิปัญญาไทยกระหึ่มโลก

15 พฤศจิกายน 2559

เพราะมีแพสชั่นที่อยากจะนำของดีของไทยมาต่อยอด เพื่อบอกต่อให้คนไทยได้รับรู้ ต่างชาติได้ชื่นชม

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ... วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

เพราะมีแพสชั่นที่อยากจะนำของดีของไทยมาต่อยอด เพื่อบอกต่อให้คนไทยได้รับรู้ ต่างชาติได้ชื่นชม นับตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจแรกของสาวเก่ง เจ้าของคาแรกเตอร์หวานซ่อนเปรี้ยว แจน-เจนนิสา คูวินิชกุล จึงเลือกนำความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของดอกไม้ไทย มาต่อยอดกลายเป็นผลิตภัณฑ์ความงามและเครื่องหอม ภายใต้แบรนด์ปริมมาลัย จนโด่งดังและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

มาวันนี้ แจนขอพิสูจน์ตัวเองอีกขั้น ด้วยการนำขนมโรตีสายไหม ของดีพื้นบ้านของไทยที่คนไทยคุ้ยเคยเป็นอย่างดีมาจับแต่งตัวใหม่ นำขึ้นห้างดังสุดหรูอย่างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และพาเข้าไปเปิดตัวเป็นของฝากในแอร์พอร์ตเพื่อให้ชาวต่างชาติถือติดไม้ติดมือกลับบ้านเป็นของฝาก ภายใต้แบรนด์แคนดี้ เครป (Candy Crepe)

หยิบภูมิปัญญาไทยมาเพิ่มมูลค่า

“จากธุรกิจเครื่องหอมมาสู่ร้านขนม ดูข้ามสายมั้ย ในแง่หนึ่งก็ใช่ แต่สำหรับแจนไม่ได้มองที่ตัวสินค้า แต่มองว่าเรากำลังนำภูมิปัญญาไทยมาต่อยอด มาสร้างมูลค่า เพราะฉะนั้นไม่มีความต่าง เพียงแต่อาจจะมีความท้าทายต่างกัน อย่างตอนทำปริมมาลัยเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว คนไทยยังไม่ค่อยให้ราคากับแบรนด์ไทยเท่าไหร่ แต่ตอนนี้จะเห็นว่าเสื้อผ้าหรืออาหารไทยก็ดี ก้าวไปสู่ตลาดโลกมากขึ้น เป็นที่ยอมรับมากขึ้น จนมาสู่ธุรกิจขนม แจนมองว่าความยาก คือ จะทำอย่างไรให้ขนมบ้านๆ ที่คนไทยคุ้นเคยไปไกลกว่าแค่ขนมข้างทาง”

ถามว่าทำไม ถึงต้องเป็นโรตีสายไหม แจนบอกว่า ด้วยความที่เป็นคอขนมหวาน ทั้งชอบทำและชอบกิน พอโจทย์ในหัว คือ หาขนมไทยสักอย่างมาแต่งตัวใหม่ แล้วทำให้ต่างชาติเข้าใจสิ่งที่เราต้องการนำเสนอ คำตอบเลยมาหยุดที่ โรตีสายไหม เพราะเธอเองแม้จะตระเวนชิมขนมหวานมาทั่วโลกแล้ว ร้านไหนว่าอร่อยก็ต้องไปลองเมื่อมีโอกาสเดินทางไป
เยือนประเทศนั้น แต่ก็ยังติดอดติดใจในรสชาติของโรตีสายไหม

เจนนิสา คูวินิชกุล ปั้นภูมิปัญญาไทยกระหึ่มโลก

 

“แจนชอบกินโรตีสายไหม แต่บางทีจะหาร้านอร่อยจริงๆ ก็ยาก บางครั้งก็ต้องยอมไปซื้อไกลถึงอยุธยา เลยทำให้มาย้อนคิดว่า ถ้าเราเองเป็นคนไทย จะหาโรตีสายไหมอร่อยๆ กินยังยาก ชาวต่างชาติไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้างั้นทำไมเราไม่เอาโรตีสายไหมมาต่อยอด เพราะจริงๆ แล้วเป็นขนมที่พิเศษมาก นอกจากจะทำกินเองที่บ้านไม่ได้แล้ว ยังเป็นขนมแทบจะชนิดเดียวในโลก ที่เราสามารถดีไอวายด้วยตัวเอง ชอบหวานมากหวานน้อยก็กำหนดเองได้ แจนว่านี่คือเสน่ห์นะ”

จากจุดเริ่มต้นนี้เอง ผู้บริหารสาวคนเก่งใช้เวลาเพียงปีกว่าๆ ในการติดต่อเพื่อขอซื้อสูตรจากโรตีสายไหมเจ้าดังในอยุธยา และนำมาพัฒนาสูตรให้อร่อยขึ้น มีการพัฒนารสชาติใหม่ๆ จากเดิมทั้งส่วนของแคนดี้ (ไส้) ให้มีรสชาติตั้งแต่มะพร้าว ทุเรียน องุ่น โคลา ในส่วนของเครป (แป้ง) มีทั้งแบบออริจินัล และเพื่อสุขภาพ ด้วยการใส่ผงถ่านไม้ไผ่ ชาเขียวลงไป

“หลังจากเปิดตัวขายทางออนไลน์ตอนแรกออร์เดอร์ลูกค้ามาเยอะมากจนทำส่งแทบไม่ทัน จากไม่มีหน้าร้าน เราเริ่มขยายสู่การเป็นคีออสเล็กๆ ที่ห้างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ปรากฏว่าขายดี เราเลยขยายเป็นคาเฟ่ พร้อมขยายความอร่อยเพิ่มเติมไปที่ เดอะ ซีซันส์ มอลล์ (The Seasons Mall) ย่านพหลโยธิน สาขากิ่งแก้ว 40/2 สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งหน้าร้านออนไลน์ ซึ่งมีลูกค้าให้ความสนใจเยอะ

บางคนสั่งมา ส่งข้ามประเทศ กว่าจะไปถึงอายุของแป้งอยู่ได้อีกครึ่งวันเขาก็ยอม (หัวเราะ) ซึ่งเราเองกำลังพยายามหาทางพัฒนาสูตร เพื่อยืดอายุของขนมให้นานขึ้น รวมทั้งคิดค้นรสชาติใหม่ๆ ออกมาตอบโจทย์ตลาด”

เจนนิสา คูวินิชกุล ปั้นภูมิปัญญาไทยกระหึ่มโลก

 

มองให้ไกลกว่าตัวเอง

แจนบอกว่า ตอนที่ตัดสินใจเริ่มต้นทำธุรกิจนี้ มีเพื่อนๆ ถามว่าทำไมไม่เลือกอิมพอร์ตแบรนด์ขนมดังๆ จากต่างประเทศเข้ามา แน่นอนว่าถ้าแจนทำอย่างนั้นก็ได้ ไม่เหนื่อยและไม่ยากด้วย แต่แจนคิดว่า ไม่ท้าทาย

“ทุกวันนี้เป้าหมายในการทำธุรกิจของแจน ไม่ได้มองแค่เพื่อตัวเอง เพราะถ้าถามหาความสำเร็จ แจนโชคดีที่ได้บรรลุความฝันของตัวเองหลายอย่าง อย่างเรื่องเรียน แจนได้เรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วก็ได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตอนทำงาน ก็ได้มีโอกาสทำงานในบริษัท แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทในฝันของหลายคน เพราะฉะนั้นเป้าหมายส่วนตัวของแจนที่ทำให้ตัวเองและครอบครัวภูมิใจ แจนได้ทำหมดแล้ว ตอนนี้สิ่งที่แจนทำ เลยอยากทำเพื่อตอบแทนสังคมหรือประเทศ แจนเลยอยากทำให้ของดีของไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก”

ถามว่า ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ทำไมแจนถึงมั่นใจกับการเปิดตัวธุรกิจใหม่ เธอตอบด้วยสายตามุ่งมั่นว่า ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี เราก็ต้องเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีแล้วเราไม่ทำอะไร เมื่อนั้นก็ยิ่งไม่เกิดประโยชน์

“ชีวิตคนเราจะยืนยงสักกี่ปี แจนไม่อยากปล่อยเวลาให้ผ่านไป อยากให้เมื่อเราจากไป ยังได้ทิ้งสิ่งดีๆ และความภาคภูมิใจเอาไว้ข้างหลัง สำหรับแจนกับการทำธุรกิจใหม่ๆ ยังไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ เพียงแต่ขอให้แบรนด์ Candy Crepe นิ่งก่อน เพราะโอกาสในโลกธุรกิจยังมีอีกเยอะ ถ้าแจนมีอีก 100 มือ ก็คงจะดี” ผู้บริหารสาว กล่าวอย่างอารมณ์ดี

เจนนิสา คูวินิชกุล ปั้นภูมิปัญญาไทยกระหึ่มโลก

 

ตลอดเวลาที่เธอถ่ายทอดถึงมุมมองความคิดที่มีต่อการทำธุรกิจอย่างไม่เหมือนใคร แต่น่าสนใจเหลือเกินนี่ ทำให้อดใจไว้ไม่ไหวที่จะถามถึงเคล็ดลับการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ 

“แจนยังยืนยันว่า การทำธุรกิจไม่มีคำว่าง่าย แต่สิ่งที่นักธุรกิจพึงกระทำ คือ มองหาโอกาสที่เราจะเข้าไปเติมเต็มในช่องว่างที่มีให้ได้ แจนว่าสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังเริ่มทำธุรกิจ ตอนนี้ยังมีโอกาสอีกเยอะนะคะ เพียงแต่เห็นโอกาสแล้ว ต้องคิดให้เยอะ คิดให้รอบด้าน อาจจะพูดง่าย ทำยาก แต่ก็ต้องทำให้ได้ก่อนจะลงมือทำ หรือตัดสินใจอะไรต้องคิดให้ครบ

ดูว่าสินค้าหรือบริการที่เราจะทำตอบโจทย์ตลาดมั้ย ต้องใช้เงินหมุนเท่าไหร่ จะต่อยอดอนาคตของธุรกิจอย่างไร ที่สำคัญ คือ ควรเริ่มต้นธุรกิจแบบเล็กๆ ก่อน อย่าคิดจะเริ่มเปิดตัวมาแบบใหญ่เลย เพราะถ้าไปถอดบทเรียนของแบรนด์ใหญ่ๆ ส่วนใหญ่ก็เริ่มจากก้าวเล็กๆ ที่มั่นคงก่อน”

ถามว่า หากธุรกิจมาถึงจุดที่น่าหนักใจ จะมีวิธีตัดสินใจอย่างไรว่าควรหยุดหรือไปต่อ ผู้บริหารคนเก่งแนะนำว่า ถ้าธุรกิจที่เรากำลังทำอยู่เริ่มอยู่ในภาวะ Bleeding (เลือดออก) ก็ต้องย้อนกลับมาดูว่าอาการหนักแค่ไหน เอาความจริงออกมาพิจารณา อย่าหลอกตัวเอง เพราะเมื่อไหร่ที่เรามองปัญหาแบบภาพรวมสถานการณ์แล้ว เราจะมีข้อมูลมากพอที่จะค่อยย้อนกลับมาถามตัวเองว่ายังสู้อยู่หรือไม่

“ถ้าเจ้าของเองใจไม่สู้ เริ่มท้อ แจนว่าก็หยุดเถอะ ถามว่าแจนมีทำธุรกิจแล้วท้อ ร้องไห้มีมั้ย แน่นอนค่ะ ทุกธุรกิจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่คำว่าท้อไม่สู้ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนท้อบ้าง แต่ใจยังสู้ไหวก็ไปต่อ ขณะที่บางคนท้อแล้วเขวเลยไปต่อไม่ไหว แจนถึงบอกว่าเราต้องเอาความจริงออกมาคุยกัน เพื่อจะได้รู้ว่าจะตัดสินอนาคตอย่างไร” ผู้บริหารสาวเก่ง กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

‘ม.สงขลาฯ’ ร่วมกรมการแพทย์ รับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาด้วย CAR-T Cell