อดีตทหารพิการกับครอบครัวชาวเขาเราไปด้วยกัน
อดีตทหารร่างกายพิการจากเชียงใหม่กับครอบครัวชาวเขาซึ่งพบกันที่ตากร่วมเดินทางไปด้วยกันมุ่งหน้าไปพระบรมมหาราชวังตั้งใจมั่นไปกราบพระบรมศพในหลวงร.9
อดีตทหารร่างกายพิการจากเชียงใหม่กับครอบครัวชาวเขาซึ่งพบกันที่ตากร่วมเดินทางไปด้วยกันมุ่งหน้าไปพระบรมมหาราชวังตั้งใจมั่นไปกราบพระบรมศพในหลวงร.9
เมื่อวันที่10พ.ย.59 ส.ต.ฉลวย ทรายเพชร วัย31ปี ทหารนอกราชการเป็นผู้พิการกระดูกสันหลังหัก ใช้รถจักรยานยนต์ดัดแปลงเป็น3ล้อ ติดธงชาติและธงตราพระปรมาภิไธย และคอห้อยด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เดินทางออกจากบ้านที่อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ และครอบครัวของนายหลู่ เซียมลาย อายุ 30 ปี ชาวเผ่าปะหล่อง ดอยอ่างขาง แห่งบ้านนอแล ประกอบด้วย นางสาวเสน่ห์ ธรรมะแสง อายุ 25 ปี และลูก อีก 2 คน ป่วยพิการแขนขาลีบ 1 คน ออกเดินทางโดยรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ติดพระบรมฉายาลักษณ์ และธงชาติไทยรอบคัน เพื่อไปกราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ส.ต.ฉลวย เปิดเผยว่าได้ออกเดินทางมาจากเชียงใหม่เมื่อวันที่7พ.ย.59 ค่ำไหนก็พักที่นั่นเดินทางไปเรื่อยๆเพราะร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยเคลื่อนไหวไม่เหมือนคนปกติ เมื่อปี2550 เคยไปเป็นทหารอาสาสมัครไปอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อที่จะเป็นรั้วของชาติ ปกป้องทุกคนในประเทศ ทำความดีถวายพ่อหลวงที่คอยปกป้องพสกนิกร แต่พอมาปี2552 เกิดอุบัติเหตุตกต้นมะพร้าวจนกระดูกสันหลังแตก ทำให้พิการ กล้ามเนื้อและระบบประสาทบางส่วนไม่ทำงาน ต้องใช้รถเข็น และต้องต่อท่อปัสสาวะ แต่ก็กัดฟันสู้ทนจนขณะนี้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่เดือดร้อนใคร
ขณะที่เดินทางมาถึงจ.ตาก ก็มาพบกับครอบครัวของนายหลู่ก็พบว่า มีจุดหมายปลายทางเดียวกัน จึงเดินทางมาพร้อมกัน ระหว่างทางหากมีอะไรที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นายหลู่ จะคอยมาช่วยเหลือตนตลอด ทั้งที่ ต้องเลี้ยงลูกพิการอีก 1 คน เช่นกัน ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไร ก็จะไปให้ถึงจุดหมายเพื่อถวายบังคมพระบรมศพและถวายความอาลัยให้จงได้
ทั้งนี้ส.ต.ฉลวย และนายหลู่ได้พักค้างคืนที่ศูนย์บริการทางหลวงแขวงการทางชัยนาท อ.เมือง จ.ชัยนาท โดยมีเจ้าหน้าที่บริการกางเต๊นท์ และอำนวยความสะดวกตลอดคืนก่อนที่จะเดินทางต่อเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานคร


