posttoday

มนู ทรงศรี มนุษย์น้ำแข็งแชมป์โลก

07 พฤศจิกายน 2559

เมืองไทยเมืองร้อนแต่เขากลับเป็น ‘มนุษย์น้ำแข็ง’

โดย...กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร

เมืองไทยเมืองร้อนแต่เขากลับเป็น ‘มนุษย์น้ำแข็ง’

มนู ทรงศรี หัวหน้าช่างศิลป์แผนกครัว โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน เจ้าของรางวัลมากมายจากเวทีใหญ่ระดับโลก เขาเคยคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับสองในงานแกะสลักน้ำแข็งชิงแชมป์โลก The BP World Ice Art Championships ณ เมืองอลาสกา สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นงานแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุด เขาเป็นผู้บุกเบิกวงการแกะสลักน้ำแข็งในประเทศไทยและได้นำพาชื่อเสียงคนไทยไปสร้างความภาคภูมิใจในสากล

ปัจจุบันเขามีหน้าที่ ‘แกะสลักน้ำแข็ง’

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

มนูร่ำเรียนวิชาแกะสลักน้ำแข็งจากพี่เขย ซึ่งเป็นการเปิดประตูให้เขาเจอโลกใหม่ที่ ใช่ สำหรับตนเอง เขากล่าวว่า การแกะสลักน้ำแข็งเป็นงานที่มีเสน่ห์ จากตอนแรกที่คิดว่าเป็นแค่การทำงานสวยๆ งามๆ แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ แล้ว งานที่ทำก็กลายเป็นความรัก และได้ซึมเข้าไปในเส้นเลือดทะลุเข้าไปในกระดูก เป็นงานที่ยิ่งทำก็ยิ่งสนุก เพราะการแกะสลักน้ำแข็งเป็นช่องทางหนึ่งที่เขาจะได้ถ่ายทอดจินตนาการและไอเดียอย่างเต็มที่

“เป็นงานศิลปะที่ไม่มีกรอบจำกัด” เขากล่าวต่อ “อย่างในงานแข่งขันจะไม่มีธีมให้แข่งแบบนั้นแบบนี้ จึงเป็นงานที่ท้าทายมาก โดยเฉพาะขั้นตอนคิดแบบ มีบางครั้งที่ตั้งใจคิด คิดแทบตายก็คิดไม่ออก แต่บางทีไอเดียมันออกมาเองตอนเดิน ตอนนั่งเฉยๆ พอคิดได้ก็ต้องรีบจดไว้ รีบสเกตช์ไว้ก่อน”

งานส่วนใหญ่ที่เขาได้รางวัล คือ งานที่มีรายละเอียด สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความแปลก มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความหมาย

อุปสรรคคือความท้าทาย

ถึงแม้เมืองไทยจะเป็นเมืองร้อน แต่ความร้อนก็ไม่ใช่อุปสรรคในการฝึกฝน ทว่าสิ่งที่ท้าทายที่สุดกลับเป็นการที่ไม่สามารถฝึกซ้อมกับน้ำแข็งจริงได้ เพราะน้ำแข็งที่ใช้เป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่พิเศษที่ไม่มีขายในร้านทั่วไป โมเดลจำลองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่เสมือนของจริงโดยการทำมาตราส่วนอย่างย่อที่ต้อง “เป๊ะ” ทุกกระเบียด

“ถ้าเราแม่นเรื่องสเกล... จะทำงานที่ได้ง่ายขึ้น ห้ามผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ไม่เช่นนั้นงานจริงจะล้มเหลว มีบ้างที่ผมเคยทำโมเดลไปแล้วไม่ตรงกับที่แกะสลัก เราก็ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้แต่จะเสียเวลา เวลาทุกนาทีมีค่ามากในการแข่งขัน ขณะที่แกะสลักเราต้องใจเย็นแต่จะใจร้อนกับเวลา”

อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศที่หนาวเย็นกลับเป็นอุปสรรคกับคน เพราะงานแข่งขันจะจัดขึ้นที่เมืองหนาวในฤดูหนาวจัด จึงส่งผลกระทบต่อคนเมืองร้อนที่ต้องปรับตัวและต้องอดทน

เวทีแรกเริ่มต้นในปี 2552 ที่การแข่งขัน Harbin International Ice Sculpture Competition เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ครั้งนั้นเกิดจากแรงบันดาลใจที่ได้เห็นการแข่งขันระดับโลกในอินเทอร์เน็ตทำให้เขาอยากไปยืนอยู่ตรงนั้น แต่ก็ติดอุปสรรคด้านที่สองเรื่องค่าใช้จ่าย มนูเล่าว่า การไปแข่งขันต่างประเทศต้องใช้เงินมาก ต้องหาทีมที่ดี และต้องไปแข่งขันกับคนเก่งทั่วโลกโดยที่ไม่แน่ใจว่าจะได้ชัยชนะกลับมา

“ไปกันทั้งหมด 5 คน” มนูกล่าวถึงการแข่งขันที่เมืองฮาร์บิน “ใจผมอยากไปมาก อยากไปลองแข่งสักครั้งในชีวิต อยากไปดูว่าเขาแข่งกันอย่างไร การแกะสลักกลางแจ้งในอากาศหนาวจัดเขาทำอย่างไร ผมเลยตัดสินใจออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด”

เขาออกแบบน้ำแข็งเป็นรูปสุดสาครขี่ม้านิลมังกร ซึ่งสุดท้ายไม่ได้รับรางวัลใดกลับมา แต่ก็สามารถสร้างเสียงฮือฮาให้งานแข่งขันเพราะเขาเป็นทีมไทยทีมแรกที่ไปแข่งขัน และเผยว่า ไม่ได้ผิดหวังที่ไม่ได้รางวัล แต่กลับผิดหวังกับลูกทีมมากกว่า

“พอกลับมาเมืองไทย ลูกทีมไปหาสปอนเซอร์ และเขี่ยผมทิ้งไป ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องมาคร่ำครวญ แต่ผมใช้เป็นแรงฮึด แล้วกลับไปแข่งขันที่ฮาร์บินอีกในปีถัดไป คราวนี้ผมไปคนเดียว”

ปี 2553 เขาได้พิสูจน์ตัวเองโดยการลงแข่งขันคนเดียว ขณะที่รู้อยู่เต็มอกว่าคงไม่ได้รางวัลอะไรกลับมา แค่อยากแข่งกับตัวเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงในช่วงเวลา 2 ปี ทำให้เขามีความคิดที่จะหยุดแข่งขันในเวทีระดับโลกเพราะเริ่มท้อกับการแข่งขันตัวคนเดียว แต่ “ใจ” กลับไม่หยุด เขาจึงทำจดหมายขอสปอนเซอร์และในที่สุดก็มีคนอุปถัมภ์

มนูเลือกลูกทีมใหม่ สร้างกำลังใจให้ตัวเองใหม่ เพื่อการแข่งขันครั้งใหม่ที่จะมาถึง เขากลับไปเวทีฮาร์บินเป็นครั้งที่ 3 ด้วยความมั่นใจและลูกทีมที่มีศักยภาพ ครั้งนั้นเขาคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง จากการแกะสลักน้ำแข็งรูปสิงห์กับพญานาค เป็นการเรียกความมั่นใจให้กลับคืนมา ทำให้เขามีกำลังกายและมีกำลังใจที่จะทำต่อ จากนั้นในปี 2556 เขาและทีมได้คืนสังเวียนฮาร์บินอีกครั้ง และคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับสองมาครอง

มนู ทรงศรี มนุษย์น้ำแข็งแชมป์โลก

 

ชัยชนะที่ได้มาไม่ทำให้เขาผยอง และไม่ทำให้เขาหยุดพัฒนาตัวเอง มนูเลือกที่จะก้าวสู่เวทีที่ใหญ่กว่าและยากกว่า ในปี 2557 เขาได้นำทีมแกะสลักน้ำแข็งของโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน เข้าร่วมการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งชิงแชมป์โลก (The BP World Ice Art Championships) นับเป็นตัวแทนประเทศไทยทีมแรกและทีมเดียวที่ร่วมแข่งขันที่เมืองอลาสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นงานแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เขาลงแข่งขันประเภท มัลติ บล็อก (Multi block) เป็นการแกะสลักโดยใช้น้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูงประมาณ 18 เมตร จำนวน 10 ก้อน ซึ่งได้ถ่ายทอดออกมาในแนวแอบสแทรกต์ (Abstract) ผลงานชื่อ Emotion เขาแกะสลักให้ด้านหนึ่งเป็นหน้าเทพ ส่วนอีกด้านเป็นหน้าของยักษ์ สะท้อนให้เห็นถึงด้านบวกและด้านลบในจิตใจของมนุษย์ และทีมไทยสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง จากอีก 70 ทีมทั่วโลก

“เป็นผลงานที่พอใจมาก เพราะไปครั้งแรกแล้วได้ที่ 3 ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร ที่อลาสกาทุกทีมเป็นมืออาชีพและทุกทีมเคยลงแข่งขันทุกปี แต่เราเป็นโนเนมเข้าไปเป็นปีแรก โดยเฉพาะการที่เราไปแข่งขันแค่สองคนในประเภททีมสี่คน ถือว่าเป็นรางวัลที่เราภาคภูมิใจมาก ทำให้เราฮึกเหิม ทำให้เรามีความมั่นใจ”

เขาและลูกทีมอีกหนึ่งคนใช้เวลาแกะสลัก 6 วันท่ามกลางอากาศติดลบ 15 องศาเซลเซียส แต่ในขณะทำงานเขากลับไม่รู้สึกหนาวหรือรู้สึกลำบากแต่อย่างใด เพราะความมุ่งมั่นในการทำงานทำให้ลืมความหนาว ลืมความยากลำยากไปหมดสิ้น

ชัยชนะไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต

จากนั้นในปี 2558 เขากลับไปสู่เวทีอลาสกา เพื่อคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับสามในการแข่งขันประเภท มัลติ บล็อก จากผลงานชื่อ Peace in Spite of Evil แนวแอบสแทรกต์อย่างที่เขาถนัด และล่าสุดเมื่อต้นปี 2559 เขาได้ลงแข่งขันอีกครั้ง แต่เสียดายที่ได้เพียงประสบการณ์กลับมา

“การที่ได้ไปแข่งขันต่างประเทศทำให้เราเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น เราได้ทำในแบบที่เราไม่เคยทำมาก่อน เครื่องไม้เครื่องมือของเขาเยอะมาก เราเห็นความทุ่มเทของเขา ซึ่งที่สำคัญคือทุกทีมที่ไปไม่ได้แข่งเพื่อเงิน แต่แข่งเพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง”

ทุกครั้งที่ไปแข่งขัน มนูจะนำศิลปะและวัฒนธรรมไทยไปเผยแพร่ผ่านผลงาน แม้ว่าจะเป็นงานเหนือจริง เขาก็ยังใส่ความอ่อนช้อยและลายกนกลงไป ซึ่งบางครั้งกรรมการต่างชาติอาจไม่เข้าใจ แต่เขาก็ยังอยากทำตามความตั้งใจมากกว่าความต้องการของกรรมการ

สำหรับมนู เป้าหมายในอาชีพนักแกะสลักน้ำแข็ง เขาอยากไปแข่งขันทุกเวทีในโลก เพื่อที่จะนำชื่อประเทศไทยไปสร้างความภูมิใจให้มากที่สุด ในปีหน้า เขาวางแผนที่จะกลับไปเวทีฮาร์บินอีกครั้งเพื่อนำแชมป์กลับมา

“จะพัฒนางานไปเรื่อยๆ จะสร้างสรรค์งานไปเรื่อยๆ เพราะบอกไม่ได้ว่าเราจะได้ไปที่ไหน แต่ถ้ามีโอกาสได้ไปอีกสัญญาว่าจะดีกว่าเดิม จะนำชื่อคนไทยไปสู่ที่หนึ่งในโลก”

น้ำแข็งเป็นวัตถุที่แข็งแต่บอบบาง ทุกครั้งที่ตัดหรือทุกครั้งที่ขึ้นลายจำเป็นต้องใช้สมาธิและความเป็นมืออาชีพ ซึ่งแม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์การแกะสลักมานานกว่า 10 ปีก็ยังไม่หยุดแข่งขัน ไม่หยุดพัฒนา และไม่หยุดสร้างสรรค์ผลงานให้ชิ้นออกมาเป็นมาสเตอร์พีซ

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน