posttoday

ครอบครัวนักบิน สามพี่น้อง ‘ถนอมสิน’

29 ตุลาคม 2559

อย่างที่สุภาษิตว่าไว้ “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” สามารถใช้ได้กับครอบครัว ถนอมสิน ครอบครัวนักบินที่มีบิดาเป็นแบบอย่าง

โดย...กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย ภาพ... ทวีชัย ธวัชปกรณ์

อย่างที่สุภาษิตว่าไว้ “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” สามารถใช้ได้กับครอบครัว ถนอมสิน ครอบครัวนักบินที่มีบิดาเป็นแบบอย่าง ทำให้สามพี่น้องเจริญรอยตามพี่สาวคนโต มายด์-ปีติชา ถนอมสิน อายุ 24 ปี น้องชายคนกลาง มาร์ค-ชวิศ ถนอมสิน อายุ 22 ปี และน้องชายคนสุดท้อง โมส-กษิดิ์เดช ถนอมสิน อายุ 21 ปี ทั้งสามคนเป็นนักบินสายการบินนกแอร์ ด้วยความที่เติบโตมาด้วยกัน ซึมซับในสิ่งเดียวกัน สามพี่น้องจึงมีความฝันเหมือนกัน และฝันนั้นก็เป็นจริงแล้วทั้งสามคน

มายด์ เล่าว่า ตนสนิทกับคุณพ่อมากและมักจะติดสอยห้อยตามท่านไปด้วยเสมอจึงได้เห็นการทำงาน และเคยเข้าไปในห้องค็อกพิท (ห้องนักบิน) แล้วรู้สึกอยากขับเครื่องบินมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย

“ตอนเด็กๆ รู้สึกแค่ว่าห้องค็อกพิทที่คุณพ่อทำงานดูเท่มาก เลยอยากทำงานเหมือนพ่อด้วยเหตุผลตามประสาเด็ก จนกระทั่งโตถึงได้รู้ว่า การเป็นนักบิน มีอะไรที่มากกว่าความเท่ในห้องค็อกพิทมาก แต่ด้วยความที่ซึมซับคุณพ่อมามาก แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องยาก ก็พยายามทำให้สำเร็จ เพราะเราอยากเป็นนักบินเหมือนพ่อ” พี่สาวคนโตกล่าว

ตั้งแต่เล็ก ทั้งสามคนจะตัวติดกันแทบตลอดเวลา ทั้งนอนห้องเดียวกัน เรียนด้วยกันไปเที่ยวด้วยกัน ซึ่งแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่ของพวกเขาจะพาไปทำกิจกรรมหลายอย่าง เช่น ว่ายน้ำ ศิลปะ ดนตรี เทนนิส ปีนผา ให้ลูกๆ ค้นหาตัวเอง แต่สุดท้ายทั้งหมดก็อยากเป็นนักบินเหมือนกัน

“พวกเราสนิทกันมาก เพื่อนของมายด์ก็เป็นเพื่อนของน้อง เพื่อนของน้องๆ ก็เพื่อนของมายด์ ทุกสิ่งทุกอย่างเราจะใช้ชีวิตร่วมกันตลอด คุยกันตลอด เรียกได้ว่าไม่มีความลับต่อกันเลย”

ด้านการเรียน เธอเล่าว่า ทั้งสามคนเรียนที่เดียวกันตั้งแต่อนุบาลจนจบมหาวิทยาลัยไปจนถึงฝึกบิน จะแตกต่างก็แค่เวลาที่มายด์จะนำหน้าก่อนน้องๆ ซึ่งคอยแนะแนวและช่วยเหลือน้องๆ เรื่องการเรียน

“เห็นพี่สาวเก่งก็ทำให้เราต้องเก่งตาม” โมสกล่าวถึงพี่มายด์ “เหมือนเป็นนิสัยเด็กๆ ที่พอเห็นคนนี้ทำได้ เราก็ต้องทำได้ตาม”

“แต่ก็เป็นความกดดันของพี่” มายด์แทรก “เพราะเราต้องทำตัวให้ดี เรียนให้ดี ทำงานที่ดีเพื่อที่จะเป็นตัวอย่างให้น้องทั้งสองคน”

“ตั้งแต่เด็กๆ พี่สาวอยากเป็นนักบินมาก” มาร์คกล่าวถึงพี่สาวเสริม “เห็นพี่จริงจัง อ่านหนังสือจริงจัง ศึกษาด้วยตัวเองอย่างจริงจังมากๆ ซึ่งนั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มาร์คอยากเรียนตามพี่สาวและอยากเรียนให้ดีเหมือนพี่ด้วย”

หลังจากจบเกรด 12 จากโรงเรียนนานาชาติ มายด์ได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรังสิต หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (นักบินพาณิชย์) โดยผู้สำเร็จการศึกษาจะได้รับปริญญาตรีเทคโนโลยีบัณฑิต (นักบินพาณิชย์) และใบอนุญาตนักบินพาณิชย์ตรีที่สามารถประกอบอาชีพนักบินพาณิชย์ของสายการบินต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้

“โชคดีที่มายด์รู้ตัวเร็ว รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไรตั้งแต่เด็ก เลยมุ่งมาทางนี้เลย ไม่ต่างจากมาร์คกับโมสที่รู้ตัวเองเร็วเหมือนกัน ซึ่งอาจเป็นเพราะครอบครัวของเราสนิทกันมาก ไปไหนก็ไปด้วยกันเลยได้รับอิทธิพลจากคุณพ่อมาเยอะ” เธอกล่าว

ส่วนมาร์คเสริมว่า เขาเองก็เห็นค็อกพิทเป็นออฟฟิศที่อยากทำงานและไลฟ์สไตล์ของอาชีพนักบินก็ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตน ทั้งได้เดินทาง ได้พบปะผู้คนใหม่ๆ และได้ทำงานกับเครื่องยนต์กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ๆ ที่เขาชอบศึกษามาก และโมสได้เล่าด้วยว่า ตอนแรกเขาอยากเป็นหมอเพื่อดูแลพ่อแม่และครอบครัว แต่สุดท้ายเขาเลือกอาชีพนักบินเพราะมันคืออาชีพที่อยากเป็นจริงๆ

“คุณพ่อให้ลองนึกดูว่าตื่นมาอยากทำอะไรพอได้ถามตัวเอง พิจารณารอบด้านแล้ว ก็ทำให้รู้ว่าความตั้งใจของผมคืออยากมีเวลาอยู่กับครอบครัว ซึ่งเวลานี่แหละสำคัญ ไม่ต้องเป็นหมอก็ได้ แต่ทำในสิ่งที่อยากทำและมีเวลาให้ครอบครัวตรงนี้แหละสำคัญ อย่างคุณพ่อเป็นนักบินก็ยังมีเวลาส่งลูกไปโรงเรียน ยิ่งมีเวลากินข้าวด้วยกันพอเห็นตัวอย่างจากพ่อแล้วก็มั่นใจเลยว่า นักบิน ตอบโจทย์เราที่สุดแล้ว” โมสกล่าว

หลังจากมายด์ได้รับใบอนุญาตนักบินพาณิชย์ตรี เธอเลือกสมัครเป็นนักบินของสายการบินนกแอร์ เพราะเป็นสายการบินที่เปิดโอกาสให้นักบินหญิง รวมถึงความชอบส่วนตัวที่เคยใช้บริการ ซึ่งเมื่อได้เข้าไปทำงาน เธอก็รู้สึกประทับใจทั้งบรรยากาศการทำงานที่เหมือนครอบครัว สังคมโดยรวมน่ารักซึ่งทำให้ตนมีความสุขในการทำงานไปด้วย

ทั้งนี้ เธอเลือกบินเครื่องบินรุ่นคิว 400 (Q 400) เพราะเป็นรุ่นที่สายการบินนกแอร์นำเข้ามาบินบนน่านฟ้าไทยเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับ มาร์ค และโมส ที่เลือกเรียนรุ่น คิว 400 ทำให้ทั้งสามคนต้องไปเทรนการขับเครื่องบินรุ่นนี้ที่แคนาดาเป็นเวลาร่วมเดือน เพื่อรองรับการเติบโตของสายการบินโดยเธอเป็นนักบินผู้ช่วย หรือ First Officer (F/O) หรือ Co-Pilot มาได้ 3 ปีแล้ว และกำลังสะสมชั่วโมงบินเพื่อเป็นกัปตันต่อไป

ครอบครัวนักบิน สามพี่น้อง ‘ถนอมสิน’ ปีติชา (มายด์)

 

คนโตเป็นต้นแบบ

“มายด์พยายามเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง”เธอตอบในฐานะพี่สาวคนโต “แต่สิ่งที่ทำมาไม่ใช่ความเครียดเลย เราอยู่ด้วยกัน เล่นด้วยกัน เรียนด้วยกัน ทำอาหารด้วยกัน เพราะเราทั้งสามคนจะชอบอะไรเหมือนๆ กันอยู่แล้ว ดูหนัง ฟังเพลง ท่องเที่ยว เราไปด้วยกันได้เพราะมีนิสัยและไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กัน”

เธอพูดถึงน้องชายคนกลางว่า มาร์คเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ชอบบางอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น และชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น ส่วนน้องชายคนเล็ก มีความขี้อ้อน อารมณ์ดี และดูเหมือนจะไม่ตั้งใจเรียน แต่จริงๆ เป็นคนตั้งใจทำทุกอย่างอย่างเต็มที่มาก

และสำหรับเธอ เธอให้ความสำคัญกับพี่น้องและครอบครัวเป็นอันดับ 1 เพราะครอบครัวเป็นทุกอย่างในชีวิต ทั้งเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เพราะการทำงานที่รับผิดชอบคนเป็นร้อยก็เครียดมากพออยู่แล้ว ทั้งยังเป็นที่อยู่ เป็นที่นอน และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชีวิต

ครอบครัวนักบิน สามพี่น้อง ‘ถนอมสิน’ ชวิศ (มาร์ค)

 

คนกลางคอยดูแล

ในครอบครัวที่มีลูกหลายคน ลูกคนโตมักจะได้รับความรักมากที่สุด รองลงมาคือลูกคนเล็ก ส่วนลูกคนกลางจะได้รับความรักลดหลั่นกัน ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการที่ฝรั่งเรียกว่า Middle Child Syndrome หรือลูกคนกลางในครอบครัวมักจะเป็นเด็กที่มีปัญหาที่สุด ทว่ามาร์คไม่ใช่เช่นนั้น เขาไม่รู้สึกว่าขาดอะไร เพราะครอบครัวให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน ทำให้ทุกคนรักกันอยู่แล้ว นอกจากนี้ด้วยความเป็นลูกชายคนแรก ทำให้เขาต้องมีหน้าที่ดูแลน้องชายและพี่สาวไปโดยปริยาย จึงทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือขาดความรักไปแม้แต่น้อย

มาร์คเล่าถึงน้องชายว่า โมสเป็นคนทำกิจกรรมหลายอย่างทั้งเล่นกีฬา ดนตรี แต่พอเวลาสอบจะกลายเป็นคนจริงจังขึ้นทันที ทั้งตั้งใจอ่านหนังสือ และทิ้งกิจกรรมทั้งหมดที่เคยทำมา ทำให้น้องชายทำได้ดีทั้งด้านวิชาการและกิจกรรม

“โมสแบ่งเวลาได้ดี พักก็พัก เรียนก็เรียน แม้ว่าจะเป็นลูกชายคนสุดท้องแต่ก็ไม่เอาแต่ใจ แต่ทำตัวให้มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองได้เต็มที่จริง” พี่ชายคนแรกกล่าว

ส่วนพี่สาวคนโตนั้น เขาชื่นชมพี่สาวมาตลอดไม่ว่าจะเรื่องเรียนและเรื่องงาน ซึ่งพอเขาได้มาเป็นนักบินเองแล้ว จึงรู้ว่า พี่สาวไม่ได้เก่งอย่างเดียว แต่ยังมีความอดทนด้วย “ภูมิใจในตัวพี่สาวมาก อย่างตอนที่ไปเรียนที่แคนาดา เราต้องช่วยเหลือตัวเองตลอด ต้องอ่านหนังสืออย่างหนัก ต้องเข็นเครื่องคนเดียว แล้วพี่สาวตัวเล็กนิดเดียวยังทำได้ เลยภูมิใจมากๆ ที่พี่สาวเก่ง และอยากเก่งให้เหมือนพี่สาว”

ครอบครัวนักบิน สามพี่น้อง ‘ถนอมสิน’ กษิดิ์เดช (โมส)

 

คนเล็กผู้สืบสาน

โมส ลูกชายคนสุดท้องของครอบครัว เขาเห็นพี่สาวและพี่ชายเป็นไอดอลทั้งคู่ ด้วยพี่สาวที่มีความพยายามในการเรียนและการทำงาน ทำให้เขารู้สึกชื่นชมและอยากปฏิบัติตามให้ดีเหมือนพี่ ส่วนพี่ชายที่โตกว่าเขาเพียง 1 ปี ทำให้เป็นทั้งพี่และเพื่อนที่สามารถปรึกษาได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน งาน รวมถึงชีวิตส่วนตัว

“มาร์คเป็นคนติสต์ๆ ชอบวาดรูป เคยได้รับรางวัลวาดภาพด้วย ทำให้บางครั้งเขามองบางสิ่งแตกต่างไปจากคนอื่น ซึ่งทำให้เราได้แนวคิดใหม่ๆ และมุมมองใหม่ๆ จากพี่ชายคนนี้” นอกจากนี้พี่น้องคู่นี้ยังตอบชัดเจนว่าไม่เคยจีบผู้หญิงคนเดียวกัน

และโมสยังกล่าวถึงพี่มายด์ว่า คนอื่นที่มองเข้ามาอาจมองว่าพี่สาวเป็นคนหวาน บางครั้งแต่งตัวเปรี้ยวเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่ในฐานะน้องชายแล้ว เขามองพี่สาวเป็นอาจารย์ที่คอยสอนทุกเรื่องทุกวิชา

ทั้งสามพี่น้อง มายด์ มาร์ค และโมส แห่งครอบครัวถนอมสินกำลังทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ด้วยการเจริญรอยตามทางนักบินอย่างคุณพ่อ พวกเขาตั้งใจอย่างมาก ช่วยเหลือกันทุกอย่าง นอกจากจะเป็นคนเก่งเป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นแล้ว ความรักความผูกพันของสามพี่น้องยังเป็นแบบอย่างที่งดงามให้แก่ทุกครอบครัว

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2