posttoday

บรม พิจารณ์จิตร ปั้นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทย

25 ตุลาคม 2559

2 ปีก่อน ชื่อของ เต้-บรม พิจารณ์จิตร ทายาทรุ่นที่ 4 ของครอบครัว “จิราธิวัฒน์” หนึ่งในตำนานตระกูลนักธุรกิจเมืองไทย

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา

2 ปีก่อน ชื่อของ เต้-บรม พิจารณ์จิตร ทายาทรุ่นที่ 4 ของครอบครัว “จิราธิวัฒน์” หนึ่งในตำนานตระกูลนักธุรกิจเมืองไทย ที่เริ่มต้นธุรกิจค้าปลีกคู่เมืองไทยมาหลายทศวรรษในนาม “เซ็นทรัล” กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์อย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเขาก้าวขึ้นมาสวมบทแม่ทัพน้อย นำพาโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ของเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปอย่าง “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” ด้วยวัยไม่ถึง 30 ปี

ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ฉีกกรอบจากศูนย์การค้าทั่วไปของเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ทำให้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เซ็นทรัล เอ็มบาสซี กลายเป็นหนึ่งในศูนย์การค้าที่ถูกพูดถึงในหลากหลายแง่มุม และอยู่ในกระแสสังคมตลอด ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับเอ็มดีหนุ่มไฟแรง ที่เข้ามาพิสูจน์ฝีไม้ลายมือการบริหาร พร้อมสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการรีเทลเมืองไทย ด้วยการนำพาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี สู่การเป็นไอคอนนิครีเทลแลนด์มาร์คของไทย ที่จะสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งรูปแบบใหม่ ในฐานะศูนย์รวมสินค้าไฮเอนด์ แฟชั่น ศิลปะ วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับ

ปรากฏการณ์ลักซ์ชัวรี่มอลล์แบบฟูลสเกล

“ผมรับหน้าที่นี้มา 2 ปีแล้ว เรียกว่าผ่านช่วงทำตามแผนระยะสั้นมาแล้ว เรากำลังมองไปข้างหน้าเพื่อนำพาให้ศูนย์การค้าแห่งนี้ไปสู่ความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ภายในสิ้นปีนี้ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี จะนำเสนออีกหลากหลายความแปลกใหม่เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การช็อปปิ้งที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ที่ทำไปแล้วคือการขยายโซนอีตไทย ศูนย์รวมอาหารไทย จากเดิม 2,500 ตารางเมตร เป็น 3,500 ตารางเมตรที่จะเห็นถัดมา คือ การปรับพื้นที่ภายในศูนย์ โดยจะเปลี่ยนพื้นที่ชั้น 6 ให้เป็นไลฟ์สไตล์คอนเซ็ปต์ที่ยังไม่มีใครทำ มีร้านหนังสือ ร้านจำหน่ายสินค้าศิลปะ รวมทั้งพื้นที่ทำงานแบบ Co-Working Space สนามเด็กเล่น ส่วนพื้นที่ชั้น 5 จะเป็นไลฟ์สไตล์ แฮงเอาต์สำหรับเพื่อนฝูงพร้อมวิวทิวทัศน์เมืองกรุง ทั้งหมดนี้ผมเชื่อว่าจะช่วยสร้างไดนามิกในศูนย์การค้าของเรา ทำให้เซ็นทรัล เอ็มบาสซี เป็นแหล่งรวมของคนรุ่นใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์”

บรม พิจารณ์จิตร ปั้นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทย

 

เอ็มดีหนุ่มหล่อ กล่าวย้ำอย่างมุ่งมั่นว่า เขาเชื่อว่าเมื่อคอนเทนต์ทั้งหมดนี้ถูกใส่เข้ามาในเซ็นทรัล เอ็มบาสซีอย่างสมบูรณ์แบบ ภาพรวมทุกอย่างภายในศูนย์การค้าจะดีขึ้นตามไปด้วย เพราะตลอดทั้งปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าการจัดกิจกรรมหลายอย่างของทางศูนย์ ไม่ว่าจะเป็น โครงการ 1600 แพนด้าพลัส เวิลด์ ทัวร์ อิน ไทยแลนด์ (1600 Pandas + World Tour in Thailand) หรือนิทรรศการสุดอลังการ “คอวส์ : บีเอฟเอฟ” (KAWS : BFF) ครั้งแรกในโลก ล้วนได้รับการตอบรับอย่างดี จำนวนลูกค้าที่มาเยือนก็เพิ่มขึ้นตามลำดับ

“ผมยังมองว่า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ที่เมื่อเราผลิตฮาร์ดแวร์เสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้องใส่ซอฟต์แวร์ ฟังก์ชั่นต่างๆ เข้าไป ซึ่งหน้าที่ของผมที่ผ่านมาคือ การใส่ซอฟต์แวร์และเข้าไปให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และทั้งหมดจะพร้อมสมบูรณ์แบบในสิ้นปีนี้แน่นอนครับ”

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เซ็นทรัล เอ็มบาสซี มักถูกมองว่าเป็นศูนย์การค้าไฮเอนด์ ลูกค้าทั่วไปยังเข้าถึงได้ยาก แต่สำหรับผู้บริหารหนุ่ม เขากลับมองว่า เทรนด์ของศูนย์การค้าทั่วโลกในเวลานี้กำลังเปลี่ยนไป หันมาสู่การมองภาพใหญ่ในการนำเสนอประสบการณ์ให้กับลูกค้าที่มาเยือน มากกว่าจะมุ่งขายสินค้าเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งเดียวกับที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซีกำลังนำเสนอ ซึ่งเราเชื่อว่า ด้วยคอนเซ็ปต์และประสบการณ์การช็อปปิ้งที่เราเลือกมา เป็นปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวแน่นอน

“ตอนที่ผมได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูโปรเจกต์นี้ ผมคิดว่าอยากจะนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ฉีกจากวัฏจักรของรูปแบบธุรกิจรีเทลเดิมๆ ที่วัดผลกันด้วยจำนวนแบรนด์ที่เขามาเปิดศูนย์ ขนาดของศูนย์ เพราะผมมองว่าถ้าเราสู้กันด้วยตรงนั้น วันหนึ่งก็จะต้องมีศูนย์แห่งใหม่มาทำลายสถิติอยู่ดี ผมมองว่าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี มีขนาดที่พอดี ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป เราพยายามนำเสนอคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีในไทยและในโลกมาก่อนเสมอ ซึ่งอย่างที่ผมบอก ทุกอย่างจะเฉลยให้เห็นปลายปีนี้ (ยิ้ม)”

 

บรม พิจารณ์จิตร ปั้นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทย

 

ทอดน่องไปบนถนนที่ท้าทายและกดดัน

ถึงแม้จะเติบโตมาในครอบครัวที่ประกอบธุรกิจค้าปลีกมายาวนาน มีกุนซือเก่งๆ รอบตัว แถมตัวเขาเองก็เคยชิมลางทำงานในเครือเซ็นทรัล พร้อมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งศิวิไลซ์ (Siwilai) มัลติสโตร์สัญชาติไทย ซึ่งเขาเปรียบว่าเหมือนเป็นการเทกคอร์สในการบริหารศูนย์การค้าขนาดย่อม แต่เมื่อต้องมาเจอบททดสอบที่แสนท้าทายนี้ก็ทำเอาผู้บริหารหนุ่มออกอาการหนักใจเหมือนกัน

“ตอนรับโปรเจกต์นี้มา เท่ากับว่า ผมและทีมงานมีค่าหัว 2 หมื่นล้านนะครับ (หัวเราะ) กับบทบาทที่ได้รับถือว่าเป็นงานที่ท้าทาย ต้องแบกรับความกดดันรอบด้าน ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดี ความคาดหวังของตัวผมเอง และคนรอบข้างที่มองเข้ามา แต่ถึงโปรเจกต์นี้จะหนักหนา เสียเหงื่อ เสียน้ำตามาเท่าไหร่ แต่อีกด้านของการทำงานก็คือความสุขและความสนุกที่ได้ทำในสิ่งที่รัก

“ที่บ้านผมไม่ได้บังคับนะครับ ว่าเรียนจบมาแล้วต้องกลับมาสานต่อธุรกิจที่บ้าน แต่เพราะตัวผมเองสนใจธุรกิจรีเทลเป็นทุนเดิม ถามว่าอะไรคือเสน่ห์ของธุรกิจนี้ ผมว่าสิ่งสำคัญคือ ผมชอบทำงานที่ได้สร้างความแปลกใหม่ และธุรกิจนี้ก็ตอบโจทย์ผม ผมชอบความรู้สึกที่ได้สัมผัสกับปฏิกิริยาของคนเวลาที่เขาสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกใหม่ที่ผมพยายามสร้างขึ้น”

เต้ ยอมรับว่าเมื่อไหร่ที่ต้องการจะสร้างความแปลกใหม่ให้เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิดตลอด แต่ทั้งหมดคือความสนุกและความท้าทายที่เขามองหา

“ถ้าเรามัวแต่ทำห้างแบบเดิม ทำตามพื้นฐานหรือกรอบที่มีคนอื่นทำมาอยู่แล้ว จะทำอะไรก็รู้อยู่แล้วว่าอันนี้เวิร์ก ไม่เวิร์ก ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นถ้าเราตั้งใจอยู่ในฐานะของผู้ที่บุกเบิก ก็ต้องยอมเหนื่อยเป็นธรรมดา”

บรม พิจารณ์จิตร ปั้นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทย

แม้จะเตรียมใจมาในระดับหนึ่ง บวกกับได้คลุกคลีกับธุรกิจค้าปลีกมาตั้งแต่เด็ก จนเห็นภาพของการทำธุรกิจค้าปลีกอย่างชัดเจน แต่ ณ วันที่เขาต้องเปลี่ยนสถานะจากผู้ชมมาเป็นผู้ลงมือทำเอง สิ่งที่คิดกลับไม่ถึงเสี้ยวของสิ่งที่เป็น

“ผมว่าคงเหมือนการที่เราดูบาสเกตบอล ตอนที่เราเป็นผู้ชมก็มองด้วยความรู้สึกแบบหนึ่ง พอวันหนึ่งเราได้กระโดดลงไปเป็นผู้เล่นในสนามก็เป็นอีกแบบหนึ่ง เราต้องแบกรับความกดดันจากสายตาของผู้ชมบนสแตนด์ที่มองลงมา บวกกับความคาดหวังจากตัวเราที่อยากจะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด เพื่อพาทีมไปสู่จุดหมาย แต่สุดท้ายแล้วมันก็คือความสนุก และความรักที่จะทำ”

ผู้บริหารหนุ่ม บอกว่า สำหรับเขา เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ไม่เพียงเป็นโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ของเครือ แต่ยังเป็นโปรเจกต์พิเศษที่ในฐานะคนทำงานอย่างเขามองว่า เราไม่ได้กำลังบริหารธุรกิจนี้เพื่อครอบครัวเท่านั้น แต่ยังตั้งใจทำเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ให้สมกับเป็น Destination of World Class Experience

“เราอยากโชว์ให้โลกเห็นว่า เมืองไทยก็มีศูนย์การค้าที่เป็นระดับเวิลด์คลาสเหมือนกัน จะเห็นว่าตั้งแต่โครงสร้างภายนอก การออกแบบภายใน การเลือกแบรนด์เข้ามาในศูนย์ เราไม่ได้เน้นเฉพาะการนำแบรนด์นอกเข้ามา แต่ยังเบลนด์ความเป็นไทยเข้าไปด้วย เพราะฉะนั้น เราจึงอยากให้คนไทยช่วยกันสนับสนุนศูนย์การค้าแห่งนี้”

มาถึงตรงนี้ เราสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความมุ่งมั่นและความตั้งใจของคนหนุ่มที่จะพลิกโฉมวงการรีเทลบ้านเราอย่างแท้จริง แต่ภายใต้วิชั่นที่มีมากมาย แท้จริงแล้วสไตล์การทำงานของเขาเป็นอย่างไร เอ็มดีหนุ่มหยุดคิดเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเฉลยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

บรม พิจารณ์จิตร ปั้นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทย

“ผมไม่ดุนะ หรือถ้าจะดุบ้างก็เป็นเรื่องที่ต้องดุจริงๆ ผมพยายามเปิดโอกาสให้คนในทีมได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ เวลาสั่งงานอะไรไป ผมจะไกด์ในระดับหนึ่ง แต่ที่เหลือเขาต้องไปเวิร์กมาเพื่อเอามาระดมความคิดกันในทีม

คุณสมบัติสำคัญที่ผมมองว่าจำเป็นสำหรับทีมของเราคือ คิดเป็น ทำเป็น และกล้าที่จะทำ แน่นอนว่า 3 คุณสมบัตินี้ในคนเดียวอาจจะหายาก แต่อย่างน้อยในทีมเราต้องมีคนที่มีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่บ้าง แล้วเราค่อยมาเติมเต็มซึ่งกันและกัน เพราะเราทำงานกันเป็นทีมเวิร์ก”

ถามว่าถ้าวันนี้เขาไม่ได้นั่งอยู่ตำแหน่งผู้บริหารศูนย์การค้า คิดว่าตัวเองจะทำอะไรอยู่ พอเจอคำถามนี้เข้าไปก็ทำเอาผู้บริหารหนุ่มออกอาการหนักใจ และใช้เวลาคิดชั่วอึดใจ

“ผมไม่แน่ใจเลย (ยิ้ม) ถ้าเป็นสมัยเด็ก ผมคงเอาดีด้วยการเป็นนักกีฬา เพราะผมชอบเล่นกีฬามาก เล่นทั้งฟุตบอล บาสเกตบอล ผมคิดว่าถ้าไม่บริหารศูนย์การค้า ผมก็คงทำธุรกิจของตัวเอง”

สำหรับอนาคต เต้มองว่า ตอนนี้เขายังโฟกัสอยู่ที่การบริหารเซ็นทรัล เอ็มบาสซีให้ดีที่สุด ทำให้เซ็นทรัล เอ็มบาสซี กลายเป็นโปรเจกต์ที่สมบูรณ์แบบดั่งที่ตั้งใจไว้

“เซ็นทรัล เอ็มบาสซี เหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เยอะมาก ไม่ว่าจะทำงาน กินข้าว ดูหนัง ตัดผม ไลฟ์สไตล์ทุกอย่างของผมรวมอยู่ที่นี่ จะเรียกว่ามาเดินศูนย์นี้บ่อยกว่าเซ็นทรัลอื่นๆ ก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นในเมื่อที่นี่เป็นบ้านหลังที่ 2 ของผม ผมก็อยากดูแลให้ดีที่สุด” เอ็มดีหนุ่มทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ นักลงทุนรอข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสัปดาห์นี้