ดาวน์ฮิลล์ซิ่งท้าแรงดิ่ง
จักรยานนั้นเรียกได้ว่าติดกระแสลมบนกันไปแล้วปั่นกันทั่วบ้านทั่วเมือง เห็นแล้วก็น่าดีใจครับ แม้จะไปไม่ถึง
โดย...โยโมทาโร่
จักรยานนั้นเรียกได้ว่าติดกระแสลมบนกันไปแล้วปั่นกันทั่วบ้านทั่วเมือง เห็นแล้วก็น่าดีใจครับ แม้จะไปไม่ถึงจุดที่เรานิยมปั่นจักรยานไปทำงาน แต่อย่างน้อยเราก็ปั่นเพื่อสุขภาพและรวมกลุ่มคนที่มีใจรักในสิ่งเดียวกัน แต่จะว่าไปแล้วในกลุ่มของการปั่นจักรยาน เลเวลที่มีความท้าทาย ความสามารถมากที่สุดสำหรับนักปั่นก็คือการปั่นจักรยานดาวน์ฮิลล์ ซึ่งเป็นระดับที่ต้องใช้จักรยานที่มีสมรรถนะช่วงล่างๆ และความแข็งแรงของเฟรมสูง แต่ที่ต้องแข็งแกร่งกว่าจักรยานก็คือใจของนักปั่นที่จะต้องทำความเร็วระหว่างปั่นลงเขาเพื่อคว้าชัยชนะที่เฉือนกันด้วยเสี้ยววินาที
วิจักร์ ชัยชูรักษ์ นักปั่นจักรยานเสือภูเขา ให้ความรู้เกี่ยวกับจักรยานดาวน์ฮิลล์ ว่าที่จริงแล้วจักรยานที่ใช้ในการเล่นดาวน์ฮิลล์นั้นจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับจักรยานเสือภูเขา ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ ฮาร์ดเทล หรือเสือภูเขาที่มีระบบกันสะเทือนเฉพาะล้อหน้า และฟูลซัสเพนชั่นระบบกันสะเทือนหน้าหลัง ที่นิยมในการปั่นแบบทางวิบากหรือครอสคันทรี่ จักรยานแบบดาวน์ฮิลล์ก็คือแบบฟูลซัสเพนชั่น แต่มีความพิเศษตรงที่ระบบกันสะเทือนจะยุบตัวได้มากกว่าปกติแล้วจักรยานวิบากโช้กจะยุบตัวได้ประมาณ 4-6 นิ้ว แต่ดาวน์ฮิลล์นั้นจะยุบตัวที่ 8-11 นิ้วขึ้นไป อีกทั้งล้อและตัวโครงสร้างของจักรยานนั้นจะต้องมีความแข็งแรงมากกว่า เพราะแทบจะต้องรองรับการกระแทกจากพื้นดินหิน การตกจากที่สูงตลอดระยะทางลงเขา
ใจต้องถึง
วิจักร์ เสริมต่อว่า จักรยานดาวน์ฮิลล์นั้นเป็นจักรยานที่เล่นกันเฉพาะกลุ่มและจำกัดเฉพาะการใช้งานที่เหมาะสมกับตัวมันเอง จริงอยู่ว่าเป็นจักรยานเหมือนกันจะปั่นไปที่ไหนก็ได้ แต่เปรียบเหมือนรถยนต์เอารถกระบะไปแข่งทางเรียบอย่างไรก็ไม่ดีเท่ารถสปอร์ต แต่ในทางกลับกันรถสปอร์ตก็เอาไปขนของวิ่งทางลูกรังไม่ดีเท่ารถกระบะ จักรยานดาวน์ฮิลล์ก็เช่นกัน
ด้วยความที่ราคาจักรยานนั้นอยู่ในระดับ 5 หมื่นบาทขึ้นไปจนถึงระดับเกินแสนบาท อีกทั้งยังเป็นกีฬาที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้ง่าย ทำให้ผู้ที่คิดจะมาเล่นจักรยานดาวน์ฮิลล์นั้นจะต้องมีความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าพร้อมรับกับเรื่องเหล่านี้ได้ แต่ส่วนมากแล้วคนที่มาเล่นจักรยานดาวน์ฮิลล์มักจะพัฒนามาจากการเล่นจักรยานครอสคันทรี่มาก่อนแล้วไต่ความท้าทายมาเป็นจักรยานดาวน์ฮิลล์ที่มีความยากมากขึ้น
สิ่งแรกในการปั่นจักรยานดาวน์ฮิลล์ก็คือศึกษาจักรยานในแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อให้ดีเสียก่อน หรือถ้าเงินถึงเลือกตามรุ่นที่ใช้ในการแข่งระดับประเทศ ก็เป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียวที่คุ้มค่า เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ถูกทดสอบจากสนามแข่งระดับประเทศมาแล้ว ดังนั้นคุณไม่จำเป็นจะต้องไปดัดแปลงอุปกรณ์ที่เป็นเฉพาะตัวคุณ หรือหากงบประมาณน้อยลงมาควรเน้นไปที่ระบบกันสะเทือนและเบรก ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการแข่งขัน และที่ขาดไม่ได้ก็คือเรื่องของอุปกรณ์ป้องกันเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องป้องกันแขน ขา และหมวกกันน็อก เวลาล้มจะได้เจ็บตัวน้อยลง
ซ้อมหนักเพื่อเจ็บน้อย
ไม่ว่าคุณจะมาเล่นดาวน์ฮิลล์ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการซ้อมเริ่มจากเรียนรู้การวางตำแหน่งของร่างกาย หาจุดสมดุลระหว่างตัวคุณกับจักรยานที่ใช้ เริ่มจากการลงเนินเขาที่ไม่ชันมากนักเพื่อเรียนรู้หาศูนย์ถ่วงของตัวเอง แรกๆ จะรู้สึกเหนื่อยมากเป็นพิเศษ มีล้มบ่อยครั้งถือเป็นเรื่องปกติ ต้องใช้เวลาให้ร่างกายเรียนรู้การทรงตัวในเส้นทางรูปแบบต่างๆ รวมทั้งฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางให้แข็งแรงมากขึ้นด้วยการซิตอัพและยกเวตเสริมกล้ามเนื้อให้ควบคุมการทรงตัวได้ดีขึ้น
หลักๆ คือต้องดูแลฝึกกล้ามเนื้อ ฝึกซ้อม และค้นหาเส้นทางเฉพาะตัว เส้นทางการแข่งดาวน์ฮิลล์นั้นไม่เหมือนกับเส้นทางแข่งรถทางเรียบที่มีโค้งมีมุมที่ต้องเข้าอย่างชัดเจน สำหรับดาวน์ฮิลล์ในโค้งเดียวกันคนหนึ่งอาจจะเลือกไต่ร่องเพื่อทำความเร็ว แต่อีกคนอาจเลือกตรงสันดินที่ลัดโค้งดีกว่า นั่นขึ้นอยู่กับทักษะและความถนัดของนักแข่งแต่ละคน
ไม่มีอะไรจะพัฒนาความสามารถของคุณได้ดีกว่าการขยันฝึกฝน ล้มแล้วลุก จนวันหนึ่งที่คุณผ่านเส้นทางวิบากทั้งหมดมาได้โดยไม่ล้ม นั่นแสดงว่าคุณพร้อมที่จะรับความท้าทายใหม่ๆ ด้วยการหาเส้นทางที่ชันและอันตรายกว่าเดิม


