กตัญญูสุดโต่ง
จีนมีนิทานยกย่องความกตัญญูอยู่ชุดหนึ่งชื่อ “24 ยอดกตัญญู” เป็นนิทานชุด 24 เรื่องที่พูดถึงตัวอย่าง
โดย...นิธิพันธ์ วิประวิทย์
จีนมีนิทานยกย่องความกตัญญูอยู่ชุดหนึ่งชื่อ “24 ยอดกตัญญู” เป็นนิทานชุด 24 เรื่องที่พูดถึงตัวอย่างลูกผู้มีความกตัญญูเป็นอย่างยิ่ง
นิทานชุดนี้เป็นที่เอ่ยอ้างอยู่ตลอด เพราะความกตัญญูคือหัวใจของแนวคิดขงจื่อ ซึ่งก็คือแนวคิดแห่งวัฒนธรรมจีน เมื่อเอ่ยคำว่ากตัญญูทีไร คนจีนก็นึกถึงนิทานชุดนี้ทุกที ทั้งในทางดี และไม่ดี…
หากใครได้เคยอ่านนิทานชุดนี้บ้าง จะพบอารมณ์กระอักกระอ่วนอยู่เหมือนกัน เพราะหลายเรื่องในนั้นแปร่งๆ (เหมือนได้อ่านเทพนิยายกริม ฉบับดั้งเดิม)
หนึ่งใน 24 เรื่องนั้นคือเรื่องของ กัวจวี้
นายกัวจวี้และภรรยาตกอับยากไร้ ในช่วงเวลาไร่นาประสบทุพภิกขภัยติดต่อกัน แค่อาหารการกินยังอัตคัดขัดสน
ลำพังสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นี้ยังพอสู้พิษเศรษฐกิจไหว แต่นี่ที่บ้านยังมีลูกเล็กและอาม่า (แม่สามี) อยู่ด้วย ดูทรงคงรอดไปทั้งหมดไม่ได้ง่ายๆ
กัวจวี้และภรรยาต่างขยันขันแข็ง แม้จะลำบากอย่างไรก็ต้องให้ครอบครัวมีกิน แต่ในช่วงแบบนี้จะทำไงได้ หายังไงก็ไม่พอ 4 ชีวิต
ทั้งคู่หาอาหารมาได้ก็ต้องให้อาม่าได้กินเพียงพอก่อนตามหลักลูกกตัญญู
แต่อาม่าก็รักเอ็นดูหลานตัวน้อย มักยอมอดข้าวส่วนของตัวเองเพื่อให้หลานได้กินอิ่ม สามีภรรยาเห็นสถานการณ์เป็นอย่างนี้ คิดว่าไม่ดีแน่ เป็นห่วงว่าอาม่าจะสุขภาพทรุดโทรม
สามีภรรยาจึงปรึกษากัน จะทำอย่างไรดี?
ด้วยความกตัญญูจึงคิดกันว่า ตราบใดที่ลูกตนยังอยู่ อาม่าก็จะไม่ยอมกินอิ่ม เอาอย่างนี้! จัดการลูกเราซะ! ถ้าอาม่าไม่ต้องเจียดอาหารให้ลูกเรา ท่านก็จะได้ทานอาหารเยอะขึ้น
ลูกจะมีเมื่อไหร่ก็ได้ แต่อาม่ามีได้แค่คนเดียว! ไอ๊หย่า! (โดยผู้เขียน)
ทั้งคู่จึงเข้าป่า ภรรยาอุ้มลูก กัวจวี้ขุดดิน กะจะฝังลูกเล็กทั้งเป็น!
ทันใดนั้นเองสามีขุดดินลงไปเสียงดัง “เก๊ง!” พอมองลงไปในดินพบมีก้อนทองคำ แถมมีแผ่นกระดาษประกาศนียบัตรแนบไว้ว่า “ฟ้าขอประทานทองพร้อมประกาศนียบัตรนี้ให้นายกัวจวี้ เนื่องจากเจ้ามีความกตัญญูเป็นยวดยิ่งจนฟ้าสะเทือนใจ”
ทุกอย่างเลยแฮปปี้เอนดิ้ง คู่สามีภรรยาได้ถาดทองคำไปขายซื้อข้าวปลาอาหารเลี้ยงครอบครัวได้อีกยาว
คำถามคือ... แล้วถ้าขุดไม่ได้ถาดนั้นขึ้นมาล่ะ? เรื่องราวจะเป็นอย่างไร
นิทานแฟนตาซีเรื่องนี้จะกลายเป็นพล็อตหนังอินดี้สยองขวัญสั่นประสาทดีๆ นี่เอง
นิทานเรื่องอื่นที่เหลืออาจมีความสยองขวัญน้อยกว่านี้ แต่ก็จัดอยู่ในระดับมีความซาดิสม์ปนอยู่มากบ้างน้อยบ้าง ที่พอรับได้ก็มีอยู่
อันที่จริงเสียงชื่นชมยกย่องในเรื่อง 24 ยอดกตัญญูมีเสมอมาหลายร้อยปี จนไม่ถึงร้อยปีที่ผ่านมาจึงมีเสียงแทรกขึ้นมาว่า “มันไม่ใช่”
คนแรกที่กล้าตั้งคำถามอย่างเป็นทางการถึงความสยองขวัญก็คือ หลู่ซวิ่น (นักคิดนักเขียนยุคปลดแอกเปลี่ยนแปลงประเทศจีน)
หลู่ซวิ่นนี่แหละที่ถามสังคมที่ชื่นชมเรื่องนี้ว่า “ถ้าเกิดขุดไม่เจอถาดทองขึ้นมาล่ะ จะเป็นอย่างไร?”
คิดแล้วก็นึกถึงหัวใจเด็กน้อย ถ้ารู้ตัวว่าเงินที่ได้จากการขายถาดทองหมดเมื่อไหร่ ก็คงได้แต่หวาดผวาพ่อแม่ตัวเอง
เรื่องนี้ร้อนไปถึงขงจื่อ เพราะผู้คนฝั่งที่โจมตีด่าว่าไปถึงขงจื่อผู้โปรโมทแนวคิดกตัญญูว่าทำให้คนศิโรราบดักดานถึงขนาดนี้
ซึ่งนั่นก็เป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น เพราะขนาดขงจื่อก็ไม่เคยเห็นด้วย แถมยังคัดค้าน...
มีลูกศิษย์ขงจื่อคนหนึ่งชื่อเจิงเซิน ครั้งหนึ่งเจิงเซินเก็บเกี่ยวแตงในไร่นาที่บ้านแล้วเผลอทำรากต้นแตงขาดเสียหาย พ่อของเจิงเซินรู้เรื่องเข้าโมโหยกใหญ่ เอาไม้พลองท่อนยักษ์ตีเจิงเซิน อย่างหนักหลายสิบที
แต่ถึงเจิงเซินจะเจ็บปวดแต่เขาก็ทนให้พ่อตีแต่โดยดีด้วยความกตัญญู ไม่คิดต่อต้านไม่คิดวิ่งหนี เจิงเซินโดนตีจนสลบไป
ดราม่ากว่านั้นคือเมื่อเจิงเซินฟื้นขึ้นเขาก็แสร้งทำเป็นไม่เจ็บ แถมยังดีดสีเล่นดนตรีให้พ่อฟังแก้เครียด “ลูกไม่เป็นอะไร พ่อไม่ต้องเป็นห่วงไม่ต้องกังวล” กตัญญูอะไรเบอร์นั้น
ขงจื่อได้ยินเรื่องนี้เข้ารู้สึกโกรธมาก สั่งลูกศิษย์คนอื่นปิดประตูบอยคอตไม่ต้อนรับเจิงเซิน
เจิงเซินงงเต้ก ท่านอาจารย์สอนให้ผู้คนกตัญญูไง แล้วศิษย์ทำผิดตรงไหน
เมื่อขงจื่อคลายโมโหลง จึงเรียกเจิงเซินมาต่อว่า “เจ็บเล็กน้อยพอทนได้ แต่รุนแรงไปก็หลีกหนีซะ”
“ฝืนจะกตัญญูอย่างเดียว ถ้าหากพ่อตีเจ้าจนตายจะว่าอย่างไร?”
“พ่อเจ้าฆ่าคนตาย ก็มีค่าเป็นอาชญากร ลูกที่ปล่อยให้พ่อเป็นฆาตกรนี่แหละลูกไร้คุณธรรม ที่เจ้าทำนี่แหละคือต้นตอของความอกตัญญู”
ที่จริงในคำสอนของขงจื่อก็มีเน้นย้ำ “ลูกที่ดีต้องไม่ปล่อยให้พ่อแม่ติดกับดักแห่งความเลวร้าย”
ไม่ว่าลูกหรือขุนนาง จะยอมศิโรราบต่อพ่อและฮ่องเต้อย่างไร้เงื่อนไขไม่ได้
พ่อแม่ทำผิด ลูกต้องใช้วิธีที่สมควรโน้มน้าวให้พ่อแม่มาสู่หนทางที่ถูกต้อง ขุนนางที่ดีก็ควรปฏิบัติเช่นนี้กับฮ่องเต้เหมือนกัน
ธรรมชาติสังคมมนุษย์มักมีความสุดโต่งเป็นเออเร่อโผล่ขึ้นมาในทุกหัวข้อ
บางครั้งเกิดจากแค่ต้องการเน้นให้โดดเด่น จดจำได้ บางครั้งเกิดขึ้นมาเพราะมีเจตนาและผลประโยชน์แอบแฝง บางครั้งเกิดจากมิจฉาทิฐิ
ความกตัญญูโดยต้นฉบับขงจื่อมีเหตุมีผล แต่หลังจากขงจื่อโด่งดัง สุดโต่งก็มาประดับประดาปะปนเข้าไป หลายเรื่องใน 24 ยอดกตัญญูเป็นตัวอย่างที่ดี
ความสุดโต่งนี่แหละที่ทำลายเจตนาดั้งเดิมจนกลายเป็นเป้าให้คนโจมตีและต่อต้าน
อีกด้านหนึ่ง ความสุดโต่งก็บิดเบือนความจริงจนคนเอาไปใช้ผิดๆ
เดือดร้อนถึงขงจื่อต้นฉบับ ซึ่งเอ่ยคำว่ากตัญญูอย่างสมเหตุสมผล ต้องมาเดือดร้อนโดนต่อต้านเพราะความสุดโต่งที่ตนเองไม่ได้เริ่มขึ้นเอง
ไม่ใช่แค่เรื่องความกตัญญูของขงจื่อที่เสียท่าได้เพราะความสุดโต่ง อันที่จริงทุกสิ่งในโลกก็ทำให้สุดโต่งได้ทั้งสิ้น
คนเลวสุดโต่ง คนดีสุดโต่ง ประชาธิปไตยสุดโต่ง เผด็จการสุดโต่ง วิทยาศาสตร์สุดโต่ง จิตวิญญาณสุดโต่ง
หลายคนรู้อิทธิฤทธิ์ของความสุดโต่งดีว่า เมื่อจับมันยัดเยียดให้เป็นคุณสมบัติของฝ่ายตรงข้าม ก็ทำให้อีกฝ่ายเสียความชอบธรรมได้...
นั่นเป็นสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามกระทำกับเรา เราก็ได้แต่ปัดป้องข้อครหา
แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่า คือกลุ่มคนที่นิยมอะไรจนหลงบิลต์พวกตัวเองให้สุดโต่งเกินเหตุ เพราะมันก็จะทำลายตัวเองในที่สุดเสมอ และอาจเผลอไปทำลายส่วนดีๆ ที่ไม่สุดโต่งด้วย
สิ่งดีๆ ของขงจื่อจึงถูกโจมตีทั้งที่ขงจื่อไม่เคยสุดโต่งขนาดนั้น


