posttoday

โมเดิร์นด็อก กับสภาวะคลุ้มคลั่ง ฟูมฟาย ปลดปล่อย

29 กันยายน 2559

แต่ละครั้งที่พวกเขานั่งอยู่ตรงหน้า และประเด็นในการพูดคุยหนีไม่พ้นเรื่อง “เพลง”

โดย...นกขุนทอง ภาพ... วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

แต่ละครั้งที่พวกเขานั่งอยู่ตรงหน้า และประเด็นในการพูดคุยหนีไม่พ้นเรื่อง “เพลง” หากแต่ทุกๆ วินาทีที่เวลาเคลื่อนเรายิ่งขยับเข้าใกล้ชีวิตของพวกเขาที่มันร้อยเรียงอยู่ในทุกโน้ตทุกตัวอักษร วันนี้ โมเดิร์นด็อก (Moderndog) เดินทางในวงการเพลงไทยมานานถึง 22 ปี เรื่องราวของพวกเขาจึงผ่านสภาวการณ์อันหลากหลาย ทั้งคลุ้มคลั่ง ฟูมฟาย ตัดพ้อ สุดพลัง ปลดปล่อย และทุกๆ เรื่องดี-ร้ายเหล่านั้น พวกเขาเรียนรู้และเข้าใจ

ป๊อด-ธนชัย อุชชิน โป้ง-ปวิณ สุวรรณชีพ และ เมธี น้อยจินดา คือ โมเดิร์นด็อก สมาชิกแรกเริ่มที่มีเคมีเข้ากันและแตกต่างกันบ้าง แต่ในความต่างนั้นเป็นสีสันให้ได้รสชาติใหม่ทางดนตรี (เมธีว่าไว้) นำมาซึ่งความ “ต่าง” แต่ไม่ (มีวัน) “แตก” (ป๊อดก็กล่าว) และเพลงแบบโมเดิร์นด็อกออกมาจาก 3 คนนี้ มันคือความลงตัวที่สุด (โป้งให้ความเห็น)

ทางเลือกใหม่ของวงการดนตรี

ย้อนไปเมื่อ 2 ทศวรรษ การมาของวงดนตรีหน้าใหม่ “โมเดิร์นด็อก” เป็นการพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์วงการดนตรีไทยอีกยุคหนึ่ง กับแนวดนตรีใหม่ในขณะนั้น “อัลเทอร์เนทีฟ ร็อก” (Alternative Rock) ออกมาเป็นทางเลือกให้ผู้ฟัง พร้อมโชว์สุดพลัง ดนตรีที่เร้าใจ ถูกจริตเหล่าวัยรุ่นจนมีคำฮิต เด็กอัลเทอร์ ทำให้ผลงานอัลบั้มแรกยอดขายทะลุ 1 ล้านก๊อบปี้ ส่งให้โมเดิร์นด็อก ศิลปินอินดี้ (ไร้สังกัดใหญ่) เป็นวงขวัญใจมหาชน

ป๊อด “ช่วงนั้นวงการเพลงมี 2 ค่ายใหญ่ เราก็รู้สึกว่าเพลงไม่ได้มีแค่นี้ ไม่ใช่สิ่งนั้นไม่ดี แต่เรารู้สึกว่าเราต้องสร้างทางเลือก คือสิ่งที่เราอยากทำให้เกิดขึ้น แล้วผู้คนก็รับเราได้ แล้วตอนนั้นก็มีวงอินดี้ผุดขึ้นมาอีกหลายวง มีค่ายอินดี้เกิดขึ้น มีรายการวิทยุจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเปิดเพลงเหล่านี้”

 

โมเดิร์นด็อก กับสภาวะคลุ้มคลั่ง ฟูมฟาย ปลดปล่อย ป๊อด-ธนชัย อุชชิน

โมเดิร์นด็อกแจ้งเกิดจากแนวอัลเทอร์เนเทีฟ ร็อก และพาไปสู่แนวดนตรีแห่งยุค มาถึงปัจจุบันงานเพลงของโมเดิร์นด็อกก็ยังพัฒนาสร้างสรรค์อย่างอัลเทอร์เนทีฟต่อไป  

โป้ง “คำว่าอัลเทอร์เนทีฟ แปลว่า ทางเลือก ชอยส์ (Choice) เราพยายามจะเป็นชอยส์ให้ตัวเราเอง ชุดแรกมีเพลงบุษบา ได้รับความนิยมมาก ชุดสองถ้าเราจะทำเพลงแบบบุษบาอีกก็แปลกๆ เราก็เลือกทำอีกแบบหนึ่ง ก็ค่อยๆ พัฒนา เปลี่ยน เรายังเป็นชอยส์ให้ตัวเองไม่ทำเพลงซ้ำ โพรเซสในการทำงานเราพยายามหาอะไรใหม่ๆ สร้างความตื่นเต้นให้เราเอง”

เมธี “แต่ละอัลบั้มอยากทำให้เป็นซีรี่ส์ การทำงานศิลปะ เราอยากทำในพื้นที่ใหม่ๆ ขยายความสามารถหรืออะไรใหม่ๆ ที่เราไม่เคยทำ เวลาที่เราออกทัวร์คอนเสิร์ต เราก็จะดูว่าในแง่เราเล่นดนตรีเรารู้สึกเพลิน คนดูสนุกด้วย เพลงแบบนี้ค่อนข้างใช้งานได้จริง เพลงนี้เหมาะกับการฟัง เรื่องตลาดแนวเพลงเราไม่ได้เอามาเป็นตัวตั้งในการทำงาน เราเอาสิ่งที่เราอยากทำ ถึงอยู่มา 22 ปี วงเราก็ยังเป็นอินดี้ ไม่เร่งทำงาน เราจะทำเมื่อมีอะไรอยากบอก ไม่มีก็อยู่เงียบๆ ดีกว่า”

ถึงวันนี้วงการเพลงไทยผลัดใบเปลี่ยนยุค มีดนตรีที่หลากหลายขึ้น และศิลปินกล้าทำในสิ่งที่ต้องการ และผู้ฟังก็แสวงหาสิ่งที่ชอบ มากกว่าที่จะเสพเพลงที่กระแสตลาดป้อนให้อย่างเดียว

เมธี “เท่าที่เห็นเด็กรุ่นใหม่ยังทำเพลงกัน มันอาจจะง่ายขึ้นถ้าเขามีคอมพิวเตอร์ดีๆ สักตัว มีสื่อทางโซเชียลมีเดีย คนรุ่นใหม่ยังชอบเล่นดนตรี ยังพยายามที่จะเป็นศิลปิน เขาก็หาทางของเขากันอยู่ ผมมองว่าศิลปินทุกรุ่นเขาจะมีอะไรเป็นของตัวอง อย่างพวกผมยุค ‘90s ชอบทำเพลงแบบนี้ เวลาทำเพลงออกมาก็เหมือนที่เราชอบ เขาก็อาจได้ยินอะไรที่เขาชอบแล้วทำออกมา ผมว่าคนฟังกับคนทำก็ต้องมีวิธีสื่อสารกัน”

 

โมเดิร์นด็อก กับสภาวะคลุ้มคลั่ง ฟูมฟาย ปลดปล่อย เมธี น้อยจินดา

 

ป๊อด “การเข้ามาเป็นศิลปินมีผลงานมันง่ายขึ้น แต่ยากกว่านั้นคือการมีระยะ การที่ศิลปินประสบความสำเร็จจากเพลงใดเพลงหนึ่งมันวัดแค่เพลงนั้นไม่ได้ ผมว่ามันต้องดูระยะต่อไป”

โป้ง “ผมว่าวิธีการฟังเพลง ณ ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เพลงถูกลดความสำคัญในการเป็นเพลง เมื่อก่อนกว่าจะได้ฟังต้องติดตามทางวิทยุ เราต้องรอเอาเทปมาอัดเสียง ชอบจริงๆ ไปหาเทปมาเปิดดูปก ตอนนี้อยากได้อะไรกดโทรศัพท์มือถือ ฟังไป 5 วินาที ไม่ชอบก็เปลี่ยน ไม่ต้องรอฟังจนจบเพลง ไม่เหมือนฟังเทปที่เป็นลูป แต่อันนี้แรนดอมแอกเซส อยากเข้าตรงไหนก็ได้ ไม่ต้องมาหน้าเอ หน้าบี ฟังง่ายก็ทิ้งง่าย ในมุมคนทำก็เหมือนกัน”

ป๊อด “ในอีกซีกหนึ่ง การขายแผ่นเสียงไวนิลกลับกำลังทำเงินสูงของตลาดโลก อาจสะท้อนให้เห็นสิ่งหนึ่ง คนอยากถือเพลง เพราะตอนนี้เพลงลอยอยู่ในอากาศ เราสามารถเปิดในมือถือ แต่สิ่งที่หายไปในรายละเอียดของมัน ภาพปก เครดิตเพลงได้หายไปแล้ว ตอนนี้คนก็เลยกลับมาให้ความสำคัญกับการถือเพลง แต่มันเฉพาะกลุ่ม และในเมืองไทยยังจำนวนน้อยอยู่ แต่ก็กำลังจะเติบโตไปเรื่อยๆ เราแสวงหาเสียงที่สมบูรณ์ ต้องเปลี่ยนไปเล่นฟอร์แมตที่มันละเอียดอ่อนมากขึ้น”

22 ปี กับตัวตนของป๊อด-โป้ง-เมธี

ผลงานเพลง 6 อัลบั้ม ดูเหมือนน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนปีที่พวกเขาอยู่บนเส้นทางนี้ ได้แก่ เสริมสุขภาพ มีเพลงฮิตตั้งแต่วัยรุ่นยุค ‘90s จนถึงวัยรุ่นเจเนอเรชั่นปัจจุบัน คือ ก่อน บุษบา อัลบั้ม 2 คาเฟ่ มีเพลงชาติโมเดิร์นด็อก คือ ติ๋ม ที่ทุกคนลุกขึ้นเต้นโยกเอวส่ายก้น อัลบั้ม 3 Love Me Love My Life อัลบั้ม 4 แดดส่อง มีเพลงฮิต คือ ตาสว่าง อัลบั้ม 5 ทิงนองนอย และอัลบั้ม 6 POD-PONG-MAY-T ที่ทยอยปล่อยเพลงตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปี 2016

ป๊อด “เรายังทำเพลงแบบเดิม คือทำเสร็จครบ 10 เพลง แล้วค่อยปล่อย แต่ตอนนี้เขานิยมปล่อยออกมาทีละเพลง เราเลยลองดูบ้าง ชุดนี้เราได้ทำงานกับโทนี่ ดูแกน (Tony Doogan) เคยทำงานด้วยกันในอัลบั้มแดดส่อง เขาชวนไปอัดเสียงที่ห้องอัดกลางป่า นิวยอร์กอัพ สเตท ทางตอนเหนือของนิวยอร์ก เราเช่าห้องอัด  21 วัน ตื่นเต้น การทำงานที่เปลี่ยนพื้นที่ให้ความรู้สึกสดใหม่ รู้สึกว่ามาใช้ชีวิตเหมือนอยู่บ้านเอเอฟ กินนอน ซักผ้า ดูแลตัวเอง เป็นประสบการณ์ใหม่ การทำงานไม่ใช่การทำให้เสร็จ แต่เราอยากมีประสบการณ์ชีวิตใหม่ให้เราด้วย อัลบั้มนี้ใช้เวลาทำงานเกือบ 2 ปี เพราะเรารวบรวมเพลงให้ครบ 10 เพลง จริงๆ มันมีมากกว่านั้น ของที่อยู่ในมือเราแล้วรู้สึกยังไม่สมบูรณ์เราต้องหามาเติมแล้วคัดสิ่งที่ไม่ใช่ทิ้ง

 

โมเดิร์นด็อก กับสภาวะคลุ้มคลั่ง ฟูมฟาย ปลดปล่อย โป้ง-ปวิณ สุวรรณชีพ

 

เพลงของเราทุกอัลบั้ม อันนี้คือสิ่งที่ผู้ฟังสามารถคิดตามได้ว่า ในวัย 20 บวกเราคิดแบบไหน ถึงตอนนี้ 40 บวก สิ่งที่เราทำคือถ่ายทอดสภาวะ ความเป็นไปและมุมมองกับสิ่งที่เจอในงาน ผู้ฟังสามารถคลุ้มคลั่ง ดำดิ่ง ดาร์ก มันอยู่ในงาน เป็นสิ่งที่เราอยากบอก ในส่วนของตัวเองเลือกที่จะบันทึกตัวตน บันทึกประสบการณ์ มุมมอง ทัศนคติของเราที่มีต่อการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงออกมาให้เป็นงานเพลง ใน 22 ปีที่ผ่านมา เราอาจทำไม่เยอะ แต่ทุกชุดกลั่นออกมาจากช่วงชีวิตที่เป็นตัวเราจริงๆ และผมเชื่อว่านี่คือศิลปินกลุ่มหนึ่ง เลือกที่จะทำทิ้งไว้ให้เป็นมรดก”

โมเดิร์นด็อกเป็นวงที่มีคอนเสิร์ตตลอด เพราะมีเพลงฮิตข้ามยุคและส่งต่อความมันส์ได้เข้าถึงทุกเจเนอเรชั่น แต่คอนเสิร์ตใหญ่ของวงไม่บ่อยนัก มีตอนครบรอบ 10 ปี 15 ปี และตอนนี้ 22 ปี ซึ่งได้บีอีซี-เทโร ร่วมกับ ลิโพวิตัน-ดี เป็นผู้จัดเพื่อฉลองครบรอบ 22 ปี ในวงการเพลงของวงอัลเทอร์เนทีฟ ร็อก ขวัญใจมหาชน ในชื่อคอนเสิร์ต “โมเดิร์นด็อก 22” จะทำการแสดงวันที่ 15 ต.ค. ณ อิมแพ็ค อารีน่า

เมธี “ผมมองว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่วงอยู่มาได้ 22 ปี ถ้าแฟนเพลงที่ติดตามเรามา คอนเสิร์ตครั้งนี้ก็เหมือนหลักไมล์อันใหม่ ในความเป็นเพลงเหมือนซาวด์แทร็กของชีวิตด้วย แล้วแฟนเพลงของเราก็มีความรู้สึกกับเพลงในแต่ละชุด เราโตมาแบบนี้ แฟนเพลงก็โตมาตามเรา แล้วครั้งนี้เราเล่นในสถานที่ใหญ่ขึ้น มันก็ท้าทายเราว่าเราจะส่งไปถึงพวกเขาไหม”

 

โมเดิร์นด็อก กับสภาวะคลุ้มคลั่ง ฟูมฟาย ปลดปล่อย

 

โป้ง “22 ปี เป็นเวลาที่นานมากสำหรับคนคนหนึ่ง ในวัยนี้คนหนึ่งผ่านอะไรเยอะมาก ดนตรีให้อะไรเยอะมาก ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทำเพื่ออะไร แล้วมีความสุขกับอะไรอยู่ ในคอนเสิร์ตนี้ก็น่าจะสรุปสิ่งที่เราทำมา 22 ปี มีเพลงที่แฟนๆ อยากฟังมาก มีเพลงที่เราอยากเล่นมาก แต่ผมคิดว่าถ้าตามกันมาขนาดนี้ คนที่มาน่าจะร้องได้ทุกเพลง”

ป๊อด “คนที่มาดูเราบางคนจากที่เคยอยู่หน้าก็อาจจะถอยมาอยู่หลังบ้าง คนที่เคยกระโดดอาจถอยมากอดอก นี่ทีมงานเขียนว่าเตรียมไปกระโดดกับโมเดิร์นด็อก ผมยังถามกันเลย ผมต้องกระโดดใช่ไหม (หัวเราะ) แต่ยังไหว ยังโดดได้สูงกว่าเดิมด้วย วงเล็บหัวเราะให้ผมด้วยนะ ผมยังมีแรงพอ ผมไปดูสกู๊ปคอนเสิร์ต 10 ปี มีภาพที่กระโดดเตะ ดูมันส์มาก อยากทำอีก เดี๋ยวลองดูว่าจะทำได้ไหม (หัวเราะ)”

จากการประสบความสำเร็จในอัลบั้มแรก เมื่อเล่นคอนเสิร์ตที่ไหนแฟนเพลงมักร้องขอเพลงบุษบา ติ๋ม ไม่ค่อยสนใจเพลงใหม่ จนป๊อดเคยตัดพ้อบนเวทีคอนเสิร์ตมาแล้ว ถึงตอนนี้เขาได้คำตอบใหม่ว่า

“ไม่ควรจะตัดพ้อเลย (หัวเราะ) อยากย้อนกลับไปเตือนตัวเอง ถ้าเพลงจะถูกจดจำเขาก็จะจำเองไม่ต้องไปเรียกร้องอะไร ผมก็เรียนรู้ตัวเองมาเรื่อยๆ ว่า เราก็ทำสิ่งที่เราทำได้ ถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ข้างในของเราออกมาเป็นบทเพลง ส่วนเพลงนั้นจะจับใจหรือไม่ เราต้องจริงใจกับงานเราก่อน เขาไม่จับใจเราก็ต้องไปทำมาเพิ่ม”

สุดท้ายของการสนทนา ป๊อดเป็นตัวแทนโมเดิร์นด็อกฝากทิ้งท้ายไว้เช่นนี้

“เพลงหนึ่งที่สื่อถึงโมเดิร์นด็อกใน 22 ปีได้ชัดเจน และเป็นสารที่เราตั้งใจเขียนมาสำหรับการบอกสภาวะตอนนี้ เป็นเพลงในอัลบั้มใหม่ ชื่อ ขอบคุณโชคดี เหมือนเราผ่านจะดีร้ายฉันก็จะขอบคุณ เราผ่านมาหลายอย่างมาก คลุ้มคลั่ง ฟูมฟาย สับสน งงงวย ตัดพ้อ แต่วันนี้ผมรู้สึกขอบคุณ เราโชคดีมากกว่าที่ได้เจอเรื่องเหล่านั้น”

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน