posttoday

"ช้างศึก"หวังหักดาบซามูไร

06 กันยายน 2559

ช้างศึก ทีมชาติไทย อาศัยความกดดันเป็นตัวแปร หวังปราบญี่ปุ่นเย็นนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก

โดย...ชมณัฐ

ช้างศึก ทีมชาติไทย อาศัยความกดดันเป็นตัวแปร หวังปราบญี่ปุ่นเย็นนี้ (6 ก.ย.) เพื่อเพิ่มโอกาสในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย เพราะหากพลาดท่าพ่ายคาบ้าน เส้นทางที่เหลือจะหนักขึ้นเป็นเท่าตัว

ไทย - ญี่ปุ่น

สนาม : ราชมังคลากีฬาสถาน

เวลา : 19.15 น.

ทีมชาติไทยบุกไปปราชัยต่อซาอุดิอาระเบีย 0-1 ในนัดเปิดหัว เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่แพ้คาบ้านต่อยูเออี 1-2 “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ จึงหวังว่าความกดดันของคู่แข่งจะเป็นตัวแปรให้ไทยได้ชัยชนะ

“เราพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เกมนี้เราต้องการสร้างความกดดันให้กับญี่ปุ่น วางแผนว่าจะทำให้คู่ต่อสู้เหน็ดเหนื่อยมากที่สุด เพราะหากเขาแพ้เป็นนัดที่สองเขาก็จะลำบาก ถ้าเขาประมาท ความกดดันจะไปอยู่ที่เขาแน่นอน ส่วนจุดแข็งของไทยคือการไม่มีความกดดันเลย เพราะเราเป็นทีมน้องใหม่ที่เข้ามาเล่นรอบนี้ แตกต่างจากหลายทีมที่เคยไปฟุตบอลโลกมาแล้ว เรื่องสถิติที่ผ่านมาก็เป็นอดีตไปแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป เป็นคนละยุค คนละสมัย วิวัฒนาการฟุตบอลก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ” กุนซือวัย 43 ปี กล่าว

แน่นอนว่าสถานการณ์ของ “ช้างศึก” ก็ไม่ต่างกัน เพราะหากฉวยโอกาสไม่ได้ เส้นทางที่เหลือก็แทบจะดับวูบ เพราะหลังจากแมตช์นี้จะต้องเล่นเกมเยือน 2 นัดติด ซึ่งมีโอกาสเก็บแต้มได้น้อยกว่า

“เราไม่มีทางให้เลือกมากนัก หากเกมนี้แพ้อีกเปอร์เซ็นต์ในการผ่านเข้ารอบก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ ญี่ปุ่นเป็นทีมที่แข็งแกร่งทั้งเกมรุกและเกมรับ จุดอ่อนไม่น่าจะมี แต่เราก็ไม่กลัว เชื่อมั่นว่าศักยภาพมีดีพอที่จะเอาชนะได้ การเล่นต่อหน้ากองเชียร์ต้องมีแต้ม และเพื่อเป็นการวัดว่าเราอยู่ระดับไหนของเอเชีย ทีมชุดนี้ไม่ใช่เพิ่งซ้อมกันมา เรารวมตัวมาแล้ว 3 ปี ใช้ทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ที่ผ่านมาเป็นการทดสอบเพื่อวันนี้ ทั้งซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ และซูซูกิ คัพผมจึงไม่มีความกลัวเลย เราเพิ่งอุ่นเครื่องกับเกาหลีใต้เมื่อปลายเดือน มี.ค. และแพ้แค่ 0-1 ซึ่งเกมนั้นเราก็ไม่ได้มีนักเตะที่ฟูลทีม และตอนนี้เราพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์” อดีตหอกทีมชาติไทย กล่าว

อย่างไรก็ตาม ซิโก้ต้องมีปัญหาในเรื่องการจัดทัพเมื่อชวดใช้งานสารัช อยู่เย็น มิดฟิลด์ตัวเก่ง ส่วนผู้เล่นที่เหลือสมบูรณ์พร้อมคาดว่าจะให้ชาริล
ชัปปุยส์ ลงสนามในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วยผู้รักษาประตู กวินทร์ ธรรมสัจจา นันท์ แบ็กขวา ทริสตอง โด แบ็กซ้าย ธีราทร บุญมาทัน (กัปตันทีม) คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กับ กรวิทย์ นามวิเศษ กองกลางตัวรับ ชาริล ชัปปุยส์ กองกลางตัวรุก ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับ ปกเกล้า อนันต์ ปีกขวา มงคล ทศไกร ปีกซ้าย เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และศูนย์หน้า ธีรศิลป์ แดงดา

ขณะที่ “ตั้ม” ธนบูรณ์ เกษารัตน์ แนวรับตัวเก่ง ชี้ว่าบรรยากาศในทีมตอนนี้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิมแล้ว และเชื่อว่ามีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์แม้จะ
เป็นรอง

“ผมมองว่าญี่ปุ่นกดดันกว่าเราแน่นอน เพราะเขาเป็นทีมใหญ่กว่า แพ้ไม่ได้แล้ว ส่วนเราเหมือนมวยรอง ไม่มีอะไรจะเสีย เชื่อว่าเรามีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ให้ทุกคนได้เห็น หวังว่าเวลามองไปรอบๆ สนาม จะเต็มไปด้วยเสื้อทีมชาติไทย ยืนหยัดเคียงข้างพวกเรา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่” แข้งวัย 22 ปี เผย

ด้าน วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช เฮดโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น ศึกษาการเล่นของไทยมาหลายนัด พร้อมมั่นใจว่าขวัญและกำลังใจของลูกทีมกลับมาแล้ว แข้งทุกคนฟิตสมบูรณ์และพร้อมจะโชว์ศักยภาพ หลังจากสตาร์ดังอย่าง ชินจิ คากาวะ และ เคสุเกะ ฮอนดะ มีอาการล้าจากการเดินทางไกลมาก่อนหน้านี้

“ทีมไทยมีเกมรุกที่เร็วและการเล่นในบ้านที่เป็นจุดแข็ง แต่ญี่ปุ่นก็มีประสบการณ์ที่ต้องเล่นในเกมที่กดดันมามากมาย และเชื่อว่าจะรับมือได้ นักเตะมีความมุ่งมั่น ผมไม่ได้มาเพื่อเล่นเกมรับ แต่จะมาเปิดเกมรุก และจะเป็นเกมรุกที่แม่นยำกว่าเกมก่อนหน้านี้” เทรนเนอร์ชาวบอสเนีย ทิ้งท้าย

สำหรับสถิติการพบกันของทั้งสองทีมเฉพาะในรายการที่ฟีฟ่ารับรอง เคยปะทะกันมาแล้ว 17 ครั้ง และเป็นญี่ปุ่นที่ชนะ 16 ครั้ง โดยไทยชนะเพียงนัดเดียว ซึ่ง 4 แมตช์ที่เจอกันในรายการนี้ “เดอะ ซามูไร บลู” ชนะรวด

ความน่าจะเป็น : ทีมชาติไทยแม้จะได้เปรียบการเล่นในบ้าน แต่คงจะไม่สามารถต้านทานศักยภาพและความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นที่หวังคืนฟอร์มเก่งได้ไหว

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ