กันธิชา ฉิมศิริ ไม่มีอะไรขวางศักยภาพของผู้หญิง
เธอเป็น มิสซิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 (Mrs.Universe) คนแรกของประเทศไทย เวทีประกวดที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงแต่งงานมีครอบครัวแล้วได้มาอวดประชันโฉมกัน
โดย...นกขุนทอง ภาพ... ทวีชัย ธวัชปกรณ์
เธอเป็น มิสซิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 (Mrs.Universe) คนแรกของประเทศไทย เวทีประกวดที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงแต่งงานมีครอบครัวแล้วได้มาอวดประชันโฉมกัน ในประเทศไทยเวทีนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และชื่อของ ยุ้ย-กันธิชา ฉิมศิริ ในตำแหน่ง มิสซิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ก็เสมือนเกิดใหม่ ทำให้ต้องค้นหากันว่า เธอเป็นใคร มาจากไหน เวทีนี้ประกวดกันเมื่อไหร่กันหนอ
เรื่องราวของเธอ กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ เพราะชุดสุวรรณเจดีย์ (สีทองอร่าม) ที่เธอจะใส่เป็นชุดประจำชาติ ไปประกวดยังเวทีระดับนานาชาติ มิสซิสยูนิเวิร์ส 2016 ที่กว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ในต้นเดือน ก.ย.นี้ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ชุดเป็นไฟลามทุ่ง ร้อนถึงกระทรวงวัฒนธรรมเข้ามาผสมโรงเบรกจนเปลี่ยนมาเป็นชุด “ตะเพียนทอง ครรลองไทย” ที่เปลี่ยนกระแสตอบกลับจากก้อนหินเป็นดอกไม้ ชุดงามเรียบง่ายนำเสนอความเป็นไทยในคอนเซ็ปต์ เมืองไทยเสมือนอู่ทอง “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว”
เรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัว ยุ้ย กันธิชา พร้อมตำแหน่ง มิสซิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ให้คนไทยได้ประจักษ์ และเมื่อวานนี้เอง (29 ส.ค.) เธอได้เดินทางไปเตรียมพร้อมลงประกวดความงามกับผู้หญิงที่มีสามีแล้วอีกหลายสิบประเทศ บนเวที Mrs.Universe 2016 ซึ่งเวทีนี้ผู้สมัครมีอายุระหว่าง 25-45 ปี โดยมีองค์กร Mrs.Universe Ltd ตั้งอยู่ประเทศบัลแกเรีย เป็นผู้จัดและเจ้าของลิขสิทธิ์การประกวด จัดการประกวดครั้งแรกในปี 2007 สำหรับผู้ครองมงกุฎ Mrs.Universe 2015 คือ แอชลีย์ คอลลิงบูลล์-เบิร์นแฮม จากประเทศแคนาดา
อยากเป็นนางงาม...ยังไม่สาย
ยุ้ย กันธิชา ในวัย 32 ปี เจ้าของสัดส่วน 25-28-36 น้ำหนัก 57 กก. สูง 174 ซม. เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีลูกชายวัย 2 ขวบกว่า มีสามีเป็นเศรษฐีชาวเยอรมัน ชื่อ อเล็กซานเดอร์ ปาเป้ เธอยังทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ อีกหลายอย่าง และมีกิจกรรมที่โปรดปรานท้าทายอย่างแข่งรถ สะสมรถโบราณ ทว่าการเป็น “นางงาม” คืออีกหนึ่งความฝันที่เธออยากเป็น และที่ผ่านมาเธอได้ทิ้งโอกาสที่จะตามหาฝัน เพราะทำหน้าที่ของศรีภรรยาเคียงข้างสามีไปทำงานและท่องเที่ยวยังประเทศต่างๆ เกือบทั่วโลก จนวัยล่วงเลยที่จะประกวดเวทีมิส (Miss) ต่างๆ และมีหน้าที่เป็นคุณแม่เพิ่มขึ้นมาอีก แต่เธอก็ยังไม่ลืมความ “อยากเป็นนางงาม”
“เที่ยวไปมาหมด 60 ประเทศแล้ว จนวันหนึ่งเราอยากทำอะไรที่เราต้องการ มันค้างไว้ในใจ แล้วยังมีความรู้สึกต้องการอยู่ คือ อยากเป็นนางงาม ยุ้ยโชคดีรู้ตัวว่าเราต้องการอะไรแล้วไม่สับสนกับความต้องการของตัวเอง ยุ้ยรู้จักเวทีนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว ยุ้ยอยากลงประกวดเวทีนี้ เพราะคุณสมบัติของเราตรง ยุ้ยแต่งงานมา 7 ปี ยังอยู่ด้วยกันไม่มีการหย่าร้าง มีบุตรด้วยกัน มีหรือไม่มีใบทะเบียนสมรสก็ได้ แต่ในเมืองไทยยังไม่มีใครซื้อลิขสิทธิ์ (Licence) เพราะคนที่จะถือไลเซนส์จัดการประกวดได้ต้องเป็นคนไทย
การประกวดนี้ในปี 2016 ยุ้ยก็เลยซื้อแล้วส่งตัวเองเป็นตัวแทนประเทศไทย แต่งตั้งตัวเองเมื่อเดือน มี.ค. เหตุผลที่ยังไม่จัดประกวดเป็นเรื่องเป็นราวอย่างเวทีอื่น เพราะหาสปอนเซอร์ไม่ตรงตามเป้า การจัดการประกวดใช้เงินจำนวนมาก ยุ้ยยังไม่พร้อม และอีกอย่างยุ้ยอยากเป็นตัวแทน อยากเป็น มิสซิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ยุ้ยนำร่องไปก่อน แต่ในปี 2017 มีคนซื้อลิขสิทธิ์แล้วนะคะ ซึ่งยุ้ยก็พร้อมจะสนับสนุนช่วยทุกอย่างให้เวที มิสซิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะยุ้ยต้องการให้ผู้หญิงไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่ว่าเป็นสาวโสด อายุไม่เกิน 25 ยุ้ยว่าผู้หญิงเรามีลูกมีสามีแล้วก็ยังมีศักยภาพในการดูแลรูปร่างให้สวยงามได้เช่นเดียวกัน”
อยากคว้าตำแหน่ง
ต้องบอกว่ายุ้ยไม่ได้มาเล่นๆ ควักเงินในกระเป๋าตัวเองขนาดนี้ (แม้ช่วงท้ายก่อนการไปประกวดจะเริ่มมีผู้สนับสนุนเสื้อผ้า การเดินทาง การแต่งหน้าเข้ามาบ้าง) เตรียมความพร้อมตั้งแต่เรื่องรูปร่างหน้าตา ยุ้ยยอมรับว่าอะไรที่ยังดูงามไม่ลงตัวก็มีการแก้ไข จนออกมางามคมขำอย่างสาวไทย โหมออกกำลังกายให้รูปร่างฟิตเฟิร์ม จนในที่สุดโยคะคือการออกกำลังกายและกระชับสัดส่วนที่เหมาะสมกับเธอที่สุด และต้องทำอย่างมีวินัย ส่วนเรื่องเสื้อผ้า ชุดต่างๆ จ้างออกแบบ ลองกันแล้วลองกันอีก หลายสิบชุดที่จะขนไปใส่ในช่วงระยะเวลาการประกวด ที่พิเศษคือชุดประจำชาติ ตะเพียนทอง ครรลองไทย
“นี่เป็นความฝัน ความต้องการ ยุ้ยตั้งใจมาก เตรียมงานเยอะมาก เกือบทุกชุดใช้ผ้าไทยมาตัด คือคนดูออกว่าผู้หญิงคนนี้มาจากเมืองไทย รวมถึงการแสดงที่จะโชว์ คือ การแสดงรำร่มของทางภาคเหนือ ยุ้ยต้องการสื่อสารถึงวัฒนธรรมไทย ผ่านทั้งเครื่องแต่งกาย เพลงไทย การแสดงอย่างไทย เครื่องประดับยุ้ยก็หาแบบของโบราณ ส่วนชุดประจำชาติ ชุดนี้มูลค่าหลายหมื่น ใช้ผ้ายกไทย ปักลายไทย ชุดนี้สื่อสารถึงวิถีชีวิตชาวไทย ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่
แล้วข้าวหอมมะลิของไทยเป็นที่รู้จักของชาวโลก ยุ้ยก็เอาข้าวหอมมะลิมาประดับที่หมวก หมวกที่สื่อถึงชาวเกษตรกร ส่วนปลาตะเพียน เวลาชาวต่างชาติซื้อของฝากกลับเมืองเขาก็มักซื้อปลาตะเพียนสาน ทุกชุดและหมวกก็สื่อถึงเมืองไทยเราที่ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ชุดสีทอง ก็สื่อถึงประเทศไทยที่รุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์อย่างรวงข้าวที่มีสีทอง ยุ้ยคาดหวังกับเวทีนี้มาก อยากติด 1 ใน 5 อยากแสดงศักยภาพความเป็นผู้หญิงไทยไปสู่เวทีระดับโลกให้ได้”
ยุ้ยจะคว้าตำแหน่งมิสซิสยูนิเวิร์ส 2016 มาได้หรือไม่ ต้องติดตามเป็นกำลังใจให้กับเธอ ในรอบไฟนอล วันที่ 4 ก.ย.นี้
อยากทำอะไรต้องได้ทำ
ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้หญิง ยุ้ยบอกว่าไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนไม่ได้ลดคุณค่าและความสามารถที่คนคนนั้นมีลงเลย ถึงเธอจะมีสามีและลูกแล้วก็ยังสามารถประกวดนางงามได้ ซึ่งนั่นนับเป็นโอกาสที่ทางผู้จัดสร้างเวทีให้กับผู้หญิงในอีกบทบาท ส่วนสิ่งที่เธอเลือกใช้สิทธิที่จะทำเอง คือ การแข่งขันและสะสมรถ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เธอกำลังคลั่งไคล้เลยก็ว่าได้ ถึงขั้นสร้างห้องติดแอร์เพื่อเก็บรักษาดูแลรถสปอร์ตและรถคลาสสิก
“ตอนนี้สะสมรถ มี Ferrari r430, Porsche Limited 91150, BMW i8, BMW i640, Porsche Cayenne, MG รุ่น MGB เป็นรถโบราณ Rolls Royce รุ่น Silver Shadow และรุ่น 1973 และมี Camaro รุ่น 1979 Gen 1 สะสมมาหลายปีแล้ว ซื้อสะสมมาเรื่อยๆ ผ่อนบ้างสดบ้าง แต่ตอนนี้จ่ายหมดทุกคันแล้ว ถ้าผู้หญิงเราเสียเงินซื้ออะไหล่มาแต่งรถมากกว่าซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอางก็คงชอบมากจริงๆ ส่วนใหญ่รถโบราณใส่ของจริงหมด เอาเอกสารมาเปิดดูเลยว่าของจริงยังไง หน้าตายังไง ถอดของปลอมออก ใส่ของจริงเข้าไป พยายามเสาะหามาให้ได้ ป้ายทะเบียนยุ้ยมีเลข 7 ทุกคัน ล่าสุดเอา MG ไปทำใหม่ทั้งหมด และแต่ง Camaro ไปส่งเข้าประกวดรถโบราณ ก็ได้ที่ 2 มา”
นอกจากจะสมรถแล้ว ยุ้ยอยากเป็นนักแข่งรถ ก่อนหน้านี้ยุ้ยเป็นผู้หญิงไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน BMW Driving Academy Maisach ประเทศเยอรมนี
“เคยแข่งรถที่เมืองไทย ได้แชมเปี้ยน ที่สนามเทพนคร พระราม 2 เคยลงสนามปอร์เช่ของไทยเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้กำลังดำเนินเรื่องขอไลเซนส์ไทยเพื่อเปิดทางลงสนามแข่งในต่างประเทศ ยุ้ยเคยลงสนามฝึกของเฟอร์รารีที่ต่างประเทศจนจบคอร์ส ยุ้ยมีใบอนุญาตขับรถอินเตอร์เนชันนัลแล้ว ล่าสุดก็เพิ่งไปอิตาลีมา แต่ถ้าจะแข่งได้ต้องมีไลเซนส์ของไทย
ยุ้ยโชคดีที่สามีสนับสนุนทุกอย่าง ยิ่งเรื่องส่วนตัวเขาจะไม่ยุ่ง ให้ฟรีดอมไปเลย เราอยู่ด้วยกันเคารพซึ่งกันและกัน ถ้าเขาขัดขวาง เราก็คงไม่ประสบความสำเร็จอะไร แต่เขาเหมือนคนส่งเราข้ามฝั่งให้ไปทำสิ่งที่ต้องการ ส่วนเวลาดูแลลูกเรามีเวลาด้วยกันเยอะมากอยู่แล้วค่ะ เวลาไปเที่ยวก็ไปทั้งครอบครัว นอนด้วยกันทุกคืน อย่างยุ้ยไปประกวดก็มีไปเตรียมตัวก่อนไม่กี่วันจากนั้นลูกกับสามีก็ตามไป การที่เรามีลูกมีสามีแล้วไม่ได้เป็นข้ออ้างที่เราจะทำอะไรไม่ได้เลย”
เพราะขีดจำกัดของความสามารถและความต้องการของผู้หญิง ไม่สมควรที่จะถูกใครมาตีกรอบให้ จะโชคดีแค่ไหนหากคุณรู้ตัวเองว่ามีความสามารถและต้องการทำอะไร แล้วมุ่งมั่นไปหาโอกาสนั้นเพื่อทำให้เกิดขึ้นจริง จะได้ไม่มานั่งคิดเสียดาย


