posttoday

งานวิจัยดนตรี มิติใหม่ดนตรีสากลไทย

13 กรกฎาคม 2559

การวิจัยด้านดนตรีของ สกว.เรื่อง “มิติใหม่ของดนตรีสากลในประเทศไทย : ดนตรีสร้างสรรค์เชิงวิชาการ”

โดย...วรธาร ทัดแก้ว ภาพ จากคอลเลกชั่นของ ณัชชา พันธุ์เจริญ 

การวิจัยด้านดนตรีของ สกว.เรื่อง “มิติใหม่ของดนตรีสากลในประเทศไทย : ดนตรีสร้างสรรค์เชิงวิชาการ” ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “New Dimensions of Music in Thailand :
Integrating Theory into Practice” มี ศ.ดร.ณัชชา พันธุ์เจริญ อาจารย์ประจำภาควิชาดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย ในฐานะเมธีวิจัยอาวุโส สกว. นับเป็นผลงานวิจัยทรงคุณค่าและคุณภาพคับแก้ว เพราะใช้นักวิจัยคุณภาพสูงที่มีความเชี่ยวชาญในด้านดนตรีสาขาต่างๆ มากถึง 10 คน

เริ่มดำเนินการวิจัยตั้งแต่ ก.ย. 2556 และจะมีกำหนดสัมมนาปิดโครงการวิจัยในวันที่ 29 ก.ค.นี้ ที่หอแสดงดนตรี อาคารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เวลา 09.00-16.00 น. ถึงตอนนี้จึงเชื่อหลายคนคงใจร้อนอยากจะเห็นผลงานชิ้นสำคัญนี้เร็วๆ

โพสต์ทูเดย์อาสาไปสัมภาษณ์หัวหน้าโครงการและนักวิจัยบางคน ถึงหัวข้อวิจัยและการทำงานชิ้นดังกล่าว เป็นการอุ่นเครื่องก่อนที่จะถึงวันสัมมนาปิดโครงการที่ทุกคนสามารถไปร่วมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

ทำไมต้องดนตรีสร้างสรรค์เชิงวิชาการ   

อาจารย์ณัชชา พูดถึงการทำงานว่า หลังจากเมื่อได้รับทุนจาก สกว.ให้ทำงานร่วมกับนักวิจัยรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่งที่จะต้องเลือกเอง โดยเริ่มจากคิดหัวข้อวิจัยเสียก่อน แล้วจึงเลือกคนให้เหมาะสม ซึ่งตอนนั้นยังคิดหัวข้อวิจัยไม่ออกเพราะทำงานในสายดนตรี ถนัดเขียนตำราเป็นหลักมา 30 ปี และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาก็ทำงานด้านปฏิบัติบ้าง คือ เล่นเปียโนเพลงไทยทั้งออกแสดง บันทึกเสียง และเรียบเรียงเพลงไทย

“เราไม่ถนัดงานวิจัยในความหมายของสายวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ จะฝืนใจทำไปทำไม ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์ จึงคิดทำงานวิจัยในรูปแบบที่ไม่สูญเสียธรรมชาติและสุนทรียรสของงานดนตรี ทำอย่างไรให้งานวิจัยดนตรียังมีเสียงแต่ผ่านกระบวนการทดลองแบบวิจัย นั่นก็คืองานวิจัยสร้างสรรค์ ซึ่งหมายถึงงานวิจัยในสายศิลปกรรมที่ผลิตผลงานศิลปกรรมพร้อมกับองค์ความรู้ที่เป็นวิชาการ เรียกงานวิจัยดนตรีในรูปแบบนี้ว่าดนตรีสร้างสรรค์เชิงวิชาการ”

อาจารย์ณัชชา กล่าวต่อว่า หัวข้อวิจัยนี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื้อรังของระบบการเรียนการสอนดนตรีในระดับมหาวิทยาลัย เนื่องจากอาจารย์ดนตรีส่วนใหญ่สอนวิชาปฏิบัติ ไม่มีผลงานทางวิชาการตามเกณฑ์ของศาสตร์อื่น ทำให้มีปัญหาในการสร้างผลงานทางวิชาการซึ่งส่งผลต่อการเรียนการสอนและส่งผลต่อการเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการของอาจารย์ด้วย จึงควรส่งเสริมให้อาจารย์ดนตรีสายปฏิบัติได้ทำงานในลักษณะนี้ซึ่งน่าจะทำได้ เพียงแต่ปรับการสร้างงานให้อิงวิชาการมากขึ้น ไม่ต้องฝืนใจไปทำงานวิจัยพื้นฐานซึ่งไม่ใช่ธรรมชาติของดนตรีปฏิบัติ

“อาจารย์สายปฏิบัติเป็นกลุ่มอาจารย์ดนตรีที่สำคัญมาก เพราะอาจารย์ดนตรีสายปฏิบัติทำให้เกิดเสียงดนตรี แต่สถานภาพอาจารย์สายปฏิบัติแทบไม่มีใครได้ตำแหน่งทางวิชาการรวมทั้งคุณวุฒิระดับปริญญาเอกซึ่งจำเป็นในปัจจุบัน มีแต่อาจารย์สายวิชาการที่ได้รับตำแหน่งทางวิชาการและปริญญาสูงสุด เรื่องนี้ส่งผลให้โครงสร้างบุคลากรดนตรีในสถาบันอุดมศึกษาผิดเพี้ยนไปหมด คนเก่งจริงไม่มีที่ยืน ดิฉันอยู่ในสายวิชาการก็จริง แต่เป็นห่วงสถานภาพของอาจารย์สายปฏิบัติและอยากเข้ามาช่วยแก้ปัญหา” ศ.ดร.ณัชชา กล่าว

จุดเด่นของโครงการวิจัย

โครงการนี้ไม่เหมือนงานวิจัยอื่น ตรงที่เป็นงานวิจัยที่ต่างคนต่างทำเป็นส่วนใหญ่ แต่ละคนคิดโครงการย่อยของตัวเอง อยู่ภายใต้กรอบใหญ่คือ ดนตรีสร้างสรรค์เชิงวิชาการ อาจารย์ณัชชา อธิบายว่า ส่วนตัวคิดไม่ออกว่า ถ้ามีหัวข้อที่แคบกว่านี้ แล้วทุกคนช่วยกันทำเรื่องเดียวกันจะร่วมงานกันอย่างไร งานดนตรีมีความเป็นตัวตนสูง ถนัดไม่เหมือนกัน เชี่ยวชาญไม่เหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าศิลปินร่วมงานกับใครลำบาก

“ดิฉันมองเห็นคุณค่าของแต่ละคน ความสามารถและความเชี่ยวชาญของแต่ละคนควรได้รับการส่งเสริมให้ขึ้นไปสูงสุดจากจุดที่เขายืนอยู่ ดิฉันไม่ควรไปเปลี่ยนจุดยืนหรือจุดเชี่ยวชาญของใคร ด้วยวิธีคิดอย่างนี้ทำให้เราได้ผลงานออกมามากมายหลากหลายในระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งหมดประมาณ 20 โครงการย่อย เหมือนเราทำงานวิจัยถึง 20 ชิ้นในโครงการนี้ นักวิจัยในทีมจะเรียนรู้งานของกันและกันเมื่อมีการนำเสนอผลงานที่เสร็จแล้วของแต่ละคน ระหว่างทำงานก็เป็นภาระของหัวหน้าโครงการที่จะต้องดูแลนักวิจัยรายบุคคล เหมือนการเรียนการสอนดนตรีปฏิบัติที่จำเป็นต้องเรียนตัวต่อตัว ถ้าสอนเป็นชั้นเรียนจะไม่ได้ผล

อาจารย์ดนตรีฝีมือดีก็ยังคงออกแสดงคอนเสิร์ตตามถนัด เพียงแต่ดิฉันจะแนะนำให้ค้นคว้าหาประเด็นด้านวิชาการเพิ่มเติม และลองให้แสดงออกในรูปแบบอื่นนอกเหนือจากการแสดงคอนเสิร์ต เช่น การเขียนบทความ การบรรยาย ฉะนั้นเมื่อทำงานสำเร็จแล้ว แต่ละคนจะเสนอผลงานในงานสัมมนาที่เราจัดขึ้นเป็นระยะๆ เราจัดไปแล้ว 5 ครั้ง และในวันที่ 29 ก.ค.ที่จะถึงนี้จะเป็นงานสัมมนาครั้งสุดท้าย ปิดโครงการและสรุปผล”

อาจารย์ณัชชา อธิบายต่อว่า เมื่อนักวิจัยแต่ละคนทำงานเสร็จ ก็จะเขียนบทความตีพิมพ์ในวารสารหรือนำเสนอในงานสัมมนาที่จัดขึ้น รวมทั้งงานสัมมนาวิชาการของหน่วยงานอื่น ซึ่งการเขียนบทความเป็นเรื่องยากสำหรับนักดนตรี แต่ทุกคนพยายามลองทำเพื่อฝึกสื่อสารกับผู้คนในวงกว้างขึ้น บุคคลทั่วไปก็สัมผัสได้ระดับหนึ่ง วิชาการดนตรีจะได้ไม่จำกัดอยู่ในกลุ่มผู้รู้ผู้เรียนดนตรีเท่านั้น เป็นการพัฒนาผู้ฟังและขยายฐานผู้ฟังคุณภาพ

“ปกติเราสื่อสารด้วยเสียงกับโน้ตเพลง ไม่สื่อสารด้วยตัวอักษร บทความที่นักดนตรีพากเพียรเขียนจนสำเร็จจะรวมเล่มพิมพ์แจกในวันสัมมนา ใช้ชื่อหนังสือว่า ‘ดนตรีลิขิต’ ในหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาดนตรีที่เข้มข้น” หัวหน้าทีมวิจัย กล่าว

โครงการวิจัยย่อย

ในการทำงาน อาจารย์ณัชชา กล่าวว่า เพื่อให้เป็นแบบอย่างสำหรับตัวเองก็ได้ทำโครงการย่อยด้วย ไม่ใช่นั่งสั่งการอย่างเดียว โดยลงมือทำเรื่องการเรียบเรียงเพลงไทยสำหรับเปียโน 1 โครงการ แต่ได้ผลงานออกมาหลายรูปแบบคือ เรียบเรียงโน้ตเพลงไทยสำหรับเปียโน 2 เล่ม เขียนบทความ 3 บท นำเสนอในที่ประชุมวิชาการ 3 ครั้ง และเขียนหนังสือ 1 เล่มชื่อ “สดับทิพย์ดุริยางค์” ซึ่งจะแจกในวันสัมมนาด้วย ซึ่งโครงการย่อยนี้ออกแสดงคอนเสิร์ตไปแล้ว 1 ครั้ง และจะแสดงอีกครั้งหนึ่งที่จุฬาฯ ในเดือน ต.ค.ปีนี้

“ในสายดนตรีมักแบ่งสายการทำงานกันชัดเจนคือ สายวิชาการและสายปฏิบัติ แต่เมื่อทุกคนได้มีโอกาสทำงานดนตรีสร้างสรรค์เชิงวิชาการก็จะพบว่า งานดนตรีที่มีคุณค่าไม่สามารถแยกวิชาการออกจากปฏิบัติได้ และไม่ควรแยกปฏิบัติออกจากวิชาการ ดิฉันมองว่างานดนตรีต้องมีเสียงดนตรีเป็นหัวใจสำคัญ การสร้างงานดนตรีที่มีชีวิตควรมีเป้าหมายที่เสียงดนตรีแม้ว่างานชิ้นนั้นจะอยู่ในสาขาวิชาการก็ตาม บุคลากรดนตรีจึงควรเล่นดนตรีเก่งเสียก่อน จึงจะสร้างผลงานดนตรีที่เข้าถึงสุนทรียะได้

ผลที่ได้จากโครงการย่อยเราจึงต้องนำเสนอให้เห็นว่า งานวิชาการกับงานปฏิบัติเอื้อซึ่งกันและกันจริงๆ ไม่ใช่เรื่องเสียเวลาแต่อย่างใด มิฉะนั้นนักดนตรีก็จะซ้อมอย่างเดียว เมื่อได้ลงมือทำงานสร้างสรรค์ด้วยตัวเอง ทุกคนจะศรัทธาในองค์ความรู้ทางวิชาการที่ตนได้รับควบคู่ไปกับผลงานสร้างสรรค์ด้านปฏิบัติ แล้วยังสามารถนำความรู้นี้ไปถ่ายทอดแก่ลูกศิษย์ต่อไปได้ ผลงานก็นำไปเป็นวิทยานิพนธ์หรือผลงานทางวิชาการได้ด้วย”

สำหรับตัวอย่างผลงานสายวิชาการที่มีเป้าหมายเป็นเสียงเพลงอันไพเราะจะเกิดขึ้นในงานสัมมนาครั้งนี้ เป็นผลงานสร้างสรรค์ของอาจารย์จิตตพิมญ์ แย้มพราย มหาวิทยาลัยนอร์ธเทิร์นโคโลราโด ที่
อาจารย์ณัชชาอยากอวดเพื่อชี้ให้เห็นว่า งานดนตรีคุณภาพต้องประกอบด้วยทั้งสองส่วน ต้องทุ่มเททำงานทั้งส่วนของวิชาการและส่วนของงานสร้างสรรค์ซึ่งในที่นี้คือการประพันธ์เพลง หัวข้อของอาจารย์จิตตพิมญ์ คือ งานวิจัยสร้างสรรค์นำอดีตสู่ปัจจุบันในบทประพันธ์ซิมโฟนีความสัมพันธ์สยาม-ฝรั่งเศส ในวันงานจะมีวงมโหรีอยุธยาของไทยกับวงบาโรกของฝรั่งแสดงสาธิตบนเวทีด้วย

ด้าน อาจารย์จิตตพิมญ์ เจ้าของผลงานชิ้นประวัติศาสตร์ให้สัมภาษณ์ว่า จุดเด่นของงานวิจัยอยู่ที่การแปลงงานวิจัยเต็มรูปแบบเป็นนวัตกรรมสร้างสรรค์ทางดนตรี คือ บทประพันธ์ซิมโฟนีรำลึกความสัมพันธ์สยาม-ฝรั่งเศส Symphonie en l’honneur de la relation entre la France et le Siam ซึ่งเป็นบทประพันธ์ที่ได้รวบรวมบทเพลงฝรั่งเศสและเพลงสยาม ที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศในศตวรรษที่ 17 มาบูรณาการด้วยศาสตร์แขนงต่างๆ ทางดนตรี ทำให้บทเพลงสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เคยสูญหายไป สามารถกลับมาบรรเลงได้ใหม่ในปัจจุบัน ทั้งยังแสดงถึงอิทธิพลดนตรีสยามที่มีต่อวัฒนธรรมดนตรีในราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และอิทธิพลดนตรีฝรั่งเศสในราชสำนักของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นการต่อยอดข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของประเทศและประวัติศาสตร์ดนตรีให้สมบูรณ์ขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างผลงานสายปฏิบัติขนาดใหญ่ที่ผ่านการลองผิดลองถูกมาหลายปี ผ่านการสอน ผ่านการบรรเลง ผ่านการแสดงจริง ผ่านการค้นคว้าวิจัย ผ่านการทดลอง มีกระบวนการทำงานที่น่าทึ่ง จนสำเร็จออกมาเป็นบทประพันธ์เพลงสำหรับวงคลาริเน็ตที่อาจารย์ณัชชาอยากเชิญชวนให้มาเปิดรับแนวคิดใหม่ๆ ก็คือ ผลงานของ ดร.ยศ วณีสอน มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งงานนี้ใช้ระยะเวลาดำเนินการมากกว่าโครงการย่อยอื่นๆ เป็นรายการสุดท้ายปิดงาน

อาจารย์ยศ กล่าวว่า การสนับสนุนงานวิจัยดนตรีสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการศึกษาวิจัยรวบรวมและจัดหมวดหมู่ของงานวิจัยด้านการแสดงดนตรีในประเทศไทยจะทำให้เห็นถึงพัฒนาการการศึกษาด้านการแสดงดนตรี และให้ข้อมูลทางสถิติ จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจและอาจจะช่วยชี้นำให้ทั้งนักวิชาการด้านดนตรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดงดนตรี และนักศึกษาวิชาเอกการแสดงดนตรี เลือกทำงานวิจัยให้หลากหลายและครอบคลุมแง่มุมที่สำคัญ โดยอาจศึกษาองค์ความรู้ทางดนตรีไทยที่สามารถนำมาพัฒนาและประยุกต์ใช้กับงานสร้างสรรค์ทางดนตรีให้มีอัตลักษณ์และคุณภาพการแสดงในระดับนานาชาติ ที่สำคัญที่สุดคือสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปในการปฏิบัติจริงได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนามาตรฐานการแสดงดนตรีของประเทศไทยให้สูงขึ้นในภาพรวม

“ในวันสัมมนาจะนำเสนอรายละเอียดขั้นตอนการสร้างงานอย่างเป็นระบบ อธิบายงานอย่างเป็นรูปธรรมเทียบเคียงกับเสียงดนตรีที่เป็นผลสัมฤทธิ์ของงานวิจัย นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อนิสิต นักศึกษา ครูอาจารย์ หรือผู้ที่สนใจในการสร้างงานวิจัยทางดนตรีแล้วยังให้ความเพลิดเพลินกับผู้เข้าร่วมสัมมนาด้วยเสียงดนตรีในแต่ละรายการจะมีความไพเราะหลากหลายสไตล์และอิ่มด้วยอรรถรส”

หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวถึงรายการอื่นว่า มีผลงานการประพันธ์เพลงประกอบแอนิเมชั่น “วรรคทอง” ของราชบัณฑิตยสภา โดย อาจารย์นรอรรถ จันทร์กล่ำ ที่จะเล่าเรื่องราวเบื้องหลังการสร้างเสียงดนตรีของงานชิ้นนี้ เป็นงานที่บูรณาการศาสตร์หลายแขนง ส่งเสริมงานกวีนิพนธ์น่าสนใจมาก หรืออาจารย์วานิชซึ่งเคยได้รับรางวัลศิลปาธรก็อยู่ในทีมนักวิจัยชุดนี้จะเผยเบื้องหลังการประพันธ์เพลงขนาดใหญ่พร้อมวิเคราะห์เชื่อมโยงให้เห็นว่าเมื่อนำเพลงที่ตัวเองแต่งแล้วออกแสดงจริงจะเป็นอย่างไร ในฐานะผู้ประพันธ์เพลงและในฐานะผู้อำนวยเพลงเพลงนี้ออกแสดงแล้วโดยวงออร์เคสตราของมหาวิทยาลัยรังสิต

“ขณะที่ อาจารย์อชิมา พัฒนวีรางกูล จะนำเสนอผลงานการประพันธ์เพลงเปียโนสำหรับเด็ก โดยอาศัยแนวคิดเรื่องไทยๆ เช่น ขนมไทย การละเล่นไทย งานนี้ยังจะดำเนินต่อไปอีกนานไม่รู้จบ ต้องฟังอาจารย์อธิบายแล้วจะเข้าใจขั้นตอนการทำงาน การทดลอง เทคนิคการประพันธ์ที่อธิบายได้ ถ่ายทอดได้ ต่อยอดได้”

หัวหน้าโครงการวิจัย สรุปสั้นๆ ว่า ผลพลอยได้จากการทำงานสร้างสรรค์เชิงวิชาการจะสร้างแรงบันดาลใจให้อาจารย์ดนตรีรุ่นใหม่คำนึงถึงองค์ความรู้ทางวิชาการควบคู่ไปกับการสร้างงานดนตรี ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนดนตรีและยกระดับมาตรฐานการศึกษาดนตรีของประเทศ เป็นการสร้างมิติใหม่ของดนตรีสากลในประเทศไทย นั่นคือการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พัฒนาทั้งผู้สอนและผู้เรียน พัฒนาทั้งนักดนตรีและผู้ฟังไปพร้อมๆ กัน เป็นการขยายฐานบุคลากรดนตรีในทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งคุณภาพและปริมาณ

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมการสัมมนาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำรองที่นั่งได้ที่ภาควิชาดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ โทร. 02-218-4604 หรืออีเมล [email protected]

ข่าวล่าสุด

เมื่อการแบนโซเชียลฯไม่ใช่คำตอบ และอาจแก้ปัญหาไม่ตรงจุด