posttoday

เพราะเธอคือ ดีว่าเพลงฮิตน้อย แต่คอนเสิร์ตแน่น

09 กรกฎาคม 2559

ถ้าพูดถึงนักร้องหญิงดีว่าในบ้านเรา ที่มีเพลงฮิตเป็นของตัวเองน้อย แต่งานคอนเสิร์ตแน๊นแน่น แน่นอนว่า

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

ถ้าพูดถึงนักร้องหญิงดีว่าในบ้านเรา ที่มีเพลงฮิตเป็นของตัวเองน้อย แต่งานคอนเสิร์ตแน๊นแน่น แน่นอนว่า เราต้องนึกถึงผู้หญิงสองคนนี้ เจนนิเฟอร์ คิ้ม และแก้ม-วิชญาณี เปียกลิ่นนักร้องสองเจนฯ แต่มีอะไรหลายๆ อย่างใกล้เคียงกันเหลือเกิน (โดยเฉพาะการไต่ระดับความดัง จนกลายเป็นดีว่าของเมืองไทย) เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้เราจะมาเมาท์มอยและอัพเดทเรื่องราวดีๆ จากเธอทั้งสองคนกัน

นักร้อง ผู้ร้อนแรงดั่งไฟ

หากใครยังพอจำได้ คงรู้ดีว่า ในปี 2539 เจนนิเฟอร์คิ้ม เธอมีเพลงแค่เพียงเพราะรัก เป็นเพลงเอกเพลงดังในอัลบั้มชุดแรก JFK หมวยใหญ่ ของเธอ ต่อมาเธอมีเพลงฮิต ซึ่งเป็นเพลงประกอบละครเรื่อง เมืองมายา เดอะซีรี่ส์ 2 นั่นคือเพลงไม่ยอมหมดหวังจนมาถึงเพลงโคตรฮิตที่ดังเปรี้ยงปร้าง คิดถึงเธอทุกที (ที่อยู่คนเดียว)ที่แจ้งเกิดให้กับเธอ และโก้ Mr.Saxman ที่เป็นคนชักชวนให้เธอมาร้องเพลงนี้ร่วมกันอีกด้วย

ถึงแม้เจนนิเฟอร์ คิ้ม จะมีเพลงฮิตน้อย (ถึงน้อยมาก) แต่เธอกลับมีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นของตัวเองถึง 5 คอนเสิร์ต ไม่ว่าจะเป็น คอนเสิร์ต สโนว์ คิ้ม กับผู้ชายทั้ง 7, คอนเสิร์ต คิ้ม ไรเดอร์ ปะทะ เอ็กซ์เมน,คอนเสิร์ต มาย เนม อิส คิ้ม, คอนเสิร์ต 45 ปี เจนนิเฟอร์ คิ้ม “คอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายก่อนวัยทอง”และคอนเสิร์ตล่าสุด นั่นคือ คิ้มรับแขก ที่จะเปิดการแสดง ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน ในวันที่ 16-17 ก.ค.นี้

“กับการมีคอนเสิร์ตเดี่ยวหลายครั้งแล้ว ถามว่ากดดันมั้ย แบกความคาดหวังจากคนดูมากมั้ย ก็กดดันนะ เพราะคนดูจะตั้งมาตรฐานกับคอนเสิร์ตของเรามากขึ้น ทำให้เราต้องทำคอนเสิร์ตให้ไม่น่าเบื่อ มีสีสันอยู่ตลอดเวลา หาข้อตำหนิให้ได้มากที่สุด แล้วตัดข้อตำหนิเหล่านั้นออกไปให้เร็วที่สุด ซึ่งเมื่ออยู่บนเวทีแล้ว อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด หน้าที่ของเราคือเราปล่อยมันให้สุด ให้มันเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น”

เจนนิเฟอร์บอกเล่าให้เราฟังว่า เธอเป็นคนที่สนุกกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยไม่ยึดติดสิ่งที่เป็นอดีต “เช่นเดียวกับเพลง ไม่ว่าจะเป็นของเราในอดีต ทั้งที่ดังหรือไม่ดังเลย เพลงของศิลปินท่านอื่นๆ ที่ดังในอดีต เมื่อเรานำมันกลับมาร้องใหม่ ทำดนตรีใหม่ ตีความใหม่ มันได้อรรถรสในการฟัง เรารู้สึกสนุกเวลาที่ร้อง ซึ่งความรู้สึกแบบนี้ มันเลยทำให้ถึงแม้เราจะมีเพลงฮิตที่น้อยมาก แต่เรามีความสุขกับการได้ร้องเพลงของคนอื่นในแบบฉบับของเราเอง แม้กระทั่งเพลงคิดถึงเธอทุกที (ที่อยู่คนเดียว) ก็ไม่เคยร้องเหมือนกันเลยสักครั้งเดียว มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ ณ เวลาที่ร้องในขณะนั้น”

แต่กว่าจะได้เรียนรู้ เข้าใจ และยอมรับในความสุขและความสนุกของการได้อยู่กับปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เจนนิเฟอร์ก็เคยไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ ถึงขั้นเกลียดเสียด้วยซ้ำ “เมื่อก่อนรู้สึกเป็นปมด้อย รู้สึกอิจฉาคนอื่นที่ได้มีอัลบั้มเพลงเป็นของตัวเองหลายๆ อัลบั้ม ส่วนเรามีแค่สองอัลบั้ม แถมมีเพลงที่ฮิตน้อยมาก แต่พอมาวันนี้ คิดว่า หากเรามีอัลบั้มเพลงหลายอัลบั้มเท่าชาวบ้านเขา มีเพลงฮิตของตัวเองเป็นสิบๆ เพลง ที่ร้องวนไปซ้ำๆ แบบนั้นอยู่เรื่อยๆ เราคงเบื่อตาย การได้ร้องเพลงใหม่ๆ ได้ทำสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ที่ท้าทายตัวเอง ถือเป็นความโชคดี ทำให้เราได้ร้องเพลงอะไรก็ได้ ได้ตีความในแบบที่เราอยากทำได้ คนฟังก็มีความสุข และไม่รู้สึกเบื่อด้วย เอาเป็นว่า เมื่อเราโตขึ้น สิ่งที่เราเคยเกลียด เรากลับได้เห็นข้อดีของมัน”

สำหรับการร้องเพลงบนเวทีคอนเสิร์ต ทั้งคอนเสิร์ตใหญ่ คอนเสิร์ตเล็ก คอนเสิร์ตเดี่ยว คอนเสิร์ตรวม ถือว่าผู้หญิงคนนี้เป็นนัักร้องลำดับต้นๆ ที่มีงานคอนเสิร์ตแน่นเนืองเหลือเกิน“พี่ฉอด สายทิพย์ เคยบอกเราว่า เราคือนักร้องที่มียีนผ่าเหล่า ไม่สวย ไม่มีเพลงดัง แต่ดำรงตนอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ (หัวเราะ) คิดว่าที่เป็นได้อย่างทุกวันนี้ เป็นเพราะเราคือสิ่งมีชีวิตที่รู้จักปรับตัว และไม่ยึดติดกับอะไรเพื่อความอยู่รอด การมีคอนเสิร์ตใหญ่ๆ มากมายขนาดนี้ ก็เพราะเรามียีนผ่าเหล่านี่เอง แถมยังเป็นนักร้องที่ผิดระเบียบมากที่สุดในประเทศไทย ทำให้เราร้องเพลงฮิต ณ ขณะนั้นจนจับใจคนดู เราสามารถเอนเตอร์เทนคนดูได้ด้วยความผ่าเหล่าและความผิดระเบียบของเรา ไม่สวย แต่พูดจาสนุก และมีด้านมืดที่สามารถเอนเตอร์เทนคนอื่นได้ เอาเป็นว่า เมื่อเรามีจุดด้อย หาจุดด้อยของตัวเองนั้นให้เจอและยอมรับมันแล้วทำให้มันเป็นจุดแข็งจุดเด่นของเรา แล้วเราจะพบเจอจังหวะชีวิตที่ใช่ค่ะ”

เพราะเธอคือ ดีว่าเพลงฮิตน้อย แต่คอนเสิร์ตแน่น

 

นักร้องเสียงใสสูงเย็น

หากเจนนิเฟอร์ คิ้ม คือนักร้องที่มียีนผ่าเหล่า ผิดระเบียบ มีเพลงฮิตน้อย แต่คอนเสิร์ตแน่นเนือง แก้ม-วิชญาณี เปียกลิ่น ก็คงเป็นทายาทคนต่อไปของเธอโดยไร้ข้อกังขา (มีอัลบั้มเพลงเป็นของตัวเอง 2 อัลบั้มเหมือนกันเด๊ะ) แม้ว่าเธอจะยังไม่มีคอนเสิิร์ตใหญ่เป็นของตัวเอง (แต่คอนเสิร์ตอื่นๆ เพียบ) แต่มันก็ใกล้ถึงเวลาของเธอเข้าไปทุกขณะแล้ว(เธอเข้าสู่วงการเพลงมาได้ 8 ปีแล้ว ไม่แน่ว่าปีหน้าอาจมีคอนเสิร์ตครบรอบ 9 ปีก็เป็นได้)

“หากให้พูดถึงเพลงฮิตของแก้มเหรอคะ แก้มคิดว่าก็วัดได้จากการที่มีน้องๆ ที่ประกวดร้องเพลงแล้วเลือกเพลงของแก้มไปประกวดละกันค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพลงความผูกพัน (ซื้อความรักไม่ได้), แสงและเงา, มหันตภัย และที่หนึ่งในหัวใจเธอ”

นอกจากภาพความเป็นนักร้อง ที่เวลาร้องบนเวทีคอนเสิร์ต มักพ่นไฟ ใส่พลัง จัดเต็ม ปัจจุบันเธอยังมีภาพของความเป็นสายตลกอีกด้วยซึ่งวิชญาณีเผยด้วยเสียงหัวเราะว่า สิ่งที่เกิดขึ้น มาจากความเป็นตัวตนของเธอเอง “ซึ่งความตลกที่มาจากตัวตนของแก้ม มันมาได้ในจังหวะที่เมื่อเรามีงานจ้างตามที่ต่างๆ เราต้องเอนเตอร์เทนคนดูคนฟัง เดี๋ยวนี้ไม่มีใครไปร้องเพลงให้คนฟังอย่างเดียวแล้วก็จบ เราต้องมีการพูด ซึ่งพูดยังไงก็ได้ให้คนดูคนฟังแฮปปี้ แก้มบอกเลยว่าการพูดในลักษณะนี้สำคัญมากๆ และกว่าจะพูดเก่งต้องอาศัยชั่วโมงบินสูง”

วิชญาณี เผยว่า นักร้องเดี๋ยวนี้มีเยอะแยะมากมาย ทั้งเก่า ทั้งใหม่ ทั้งมาจากเวทีประกวดต่างๆ ที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ทำให้นักร้องต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง “ถ้าหยุด ก็คือจบเลย”

สำหรับการขึ้นเวทีคอนเสิร์ตต่างๆ วิชญาณี เผยว่า เธอก็มีการนำเพลงฮิตของตัวเองไปร้องอยู่บ้าง 3-4 เพลง “ซึ่งก็เป็นเพลงที่แก้มได้บอกไปก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ก็จะร้องเพลงของคนอื่น หรือเวลามีงานจ้างตามที่ต่างๆ แก้มก็จะต้องดูก่อนว่าลูกค้าของงานนั้นๆ เป็นใคร เราควรจะเลือกเพลงไหนที่ถูกจริตเขาเพื่อนำไปร้อง ยิ่งเวลาไปงานที่ลูกค้านั่งนิ่งๆ ความท้าทายของแก้มคือจะร้องเพลงไหนดีนะ เพื่อให้เขาสนุกไปกับเรา เลยทำให้เราร้องเพลงแบบเต็มที่ที่สุด และบวกความตลกเข้าไป ซึ่งมันก็ท้าทายดี”

การที่วิชญาณีขึ้นเวทีคอนเสิร์ตมากมาย แต่ร้องเพลงของตัวเองได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เธอบอกเล่าว่าเธอไม่ซีเรียสในตรงจุดนี้ แค่เธอได้ร้องเพลง เธอก็มีความสุขแล้ว “เราต้องยอมรับว่าเพลงของเรา คนไม่ได้ร้องตามง่าย และคนจะรู้จักมากมาย แต่แก้มก็รอนะ รอให้มีเพลงปังๆ ของตัวเองอีกสักเพลงสองเพลง ซึ่งมันจะมีของมันเอง อย่างตั้งแต่ต้นปีนี้มา แก้มก็มีเพลงใหม่แค่เพลงเดียว เป็นเพลงประกอบละคร และคาดว่าครึ่งปีหลังจะมีเพลงประกอบละครหนึ่งเพลง และเพลงพิเศษอีกหนึ่งเพลง รวมแล้วมีสามเพลง ซึ่งก็แอบหวังว่ามันน่าจะเป็นเพลงที่ปังสักเพลงนึงน่ะ (หัวเราะ) แก้มว่าองค์ประกอบของเพลงที่จะกลายเป็นเพลงที่ปัง คือ เป็นเพลงที่ฟังง่าย คนร้องตามได้ ยิ่งถ้าเป็นเพลงประกอบละครด้วยก็จะดีมาก เพราะคนได้ฟังบ่อย ฮิตเร็ว และอยู่ได้ยาวนาน”

ท้ายสุด วิชญาณีก็ได้ฝากรายการต่างๆ ของเธอไม่ว่าจะเป็นรายการสี่โพดำ รายการสเตจไฟต์เตอร์ และรายการใหม่ ซึ่งเป็นรายการค้นหาศิลปินหน้าใหม่ที่ชื่นชอบเพลงของเธอ มีเธอเป็นไอดอล แล้วเอาเพลงของเธอมาร้องประกวด คาดว่าจะออกอากาศทางช่องวันเร็วๆ นี้