จะเป็น ‘หนี้สิน’ หรือ ‘สินทรัพย์’ ขององค์กร
“พิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ (NETBAY) อายุ 65 ปี สร้างบริษัทนี้ขึ้นมาร่วม 17 ปีได้
“พิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ (NETBAY) อายุ 65 ปี สร้างบริษัทนี้ขึ้นมาร่วม 17 ปีได้ ขับเคลื่อนจากแรงบันดาลใจที่ชอบเรื่องเทคโนโลยีของเขาล้วนๆ เขาเที่ยวศึกษา ค้นคว้า ฟังสัมมนาต่างๆ เรียกว่าด้วยสองมือและความคิด ที่เชื่อในเรื่องข้อมูล ไอที จนนวัตกรรมเป็นสิ่งที่ต้องมีและเกิดขึ้นบนโลกใบนี้
ชีวิตจริงเขาเลือกเรียนคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้วยเหตุผลที่ว่าเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย สิ่งที่เลือกเรียนก็ต้องเป็นต้นทุนที่ถูกที่สุด และไปหาประสบการณ์จากข้างนอกเอา จนสามารถเก็บเงินออกมาบู๊ทำธุรกิจของตัวเองไปเรื่อยๆ ทุกอย่างเขาว่าไม่เคยขาดทุน เมื่อทำได้ก็มักจะเปลี่ยนและท้าทายด้วยการเริ่มธุรกิจใหม่ตลอด จนสามารถปั้นธุรกิจของตัวเองที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไอทีได้อย่างที่ใจปรารถนาอยู่ตลอดเวลา
“ผมเป็นคนที่ชอบคิดต่างจากคนอื่นมาตลอด และให้ความสำคัญกับอนาคตมากว่าเป็นสิ่งสำคัญ พร้อมกับมองเรื่องการเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นอยู่เสมอ และเมื่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมาได้วางนโยบายองค์กรตั้งแต่วันแรก คือ ‘Better Faster Cheaper’ พร้อมเน้นปลูกฝังให้พนักงานมีความคิดที่ดีและคิดในเชิงบวกก่อน เพราะเป็นพื้นฐานที่ดีของงานบริการ ลูกค้าบ่นอะไรมา ต้องอดทน เกิดปัญหาขึ้นก็ต้องช่วยกันแก้มากกว่าที่จะไปโทษกันว่าปัญหานี้เกิดขึ้นจากใครหรือแผนกไหน เมื่อทุกคนช่วยกัน ปัญหาทุกอย่างก็จะได้รับการแก้ไขให้ดีที่สุด เร็วที่สุด และช่วยลดต้นทุนให้ลูกค้าได้ใช้บริการที่ถูกที่สุด หลายปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าลูกค้าของบริษัทเติบโตได้จากการที่ลูกค้าบอกต่อ
“ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ 4-5 ปี เราต้องคิดในเชิงบวก สอนลูกน้อง ขอ 3 อย่าง คือ คิดดี พูดดี ทำดี แค่นี้ก็จะดีกับชีวิตแล้ว เพราะจริงๆ แล้วต้นทางของมนุษย์นั้นจะมาจากความคิดของมนุษย์ทั้งนั้น เช่น ถ้าเราไม่ชอบใครคนหนึ่ง เมื่อเราคิดไม่ชอบเขาไปแล้ว การที่เราจะพูดดีกับเขาคงเป็นเรื่องที่ยาก ทำดีก็ยิ่งไม่เห็น เช่นกัน ถ้า 5 ปีแรกมัวแต่คิดว่าบริษัทจะเจ๊งหรือไม่เจ๊ง มัวแต่คิดอย่างนั้นเชื่อว่าบริษัทก็ต้องเจ๊งสักวัน เราพยายามบิลต์ให้เปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่เป้าหมาย แล้ววันหนึ่งเราจะไปถึงตรงนั้น และตั้งมั่นด้วยตัวเอง เราจะทำดีไว้ก่อนอย่างอื่นจะตามมาเอง เช่น ถ้าลูกค้ามีปัญหา ถ้าเราตั้งใจที่จะแก้ไข อย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องเงินเป็นที่ตั้ง เพราะจะมีลูกค้าจริงที่เค็มกี่รายที่จะไม่ยอมจ่ายเราเข้าจริงๆ เอาความดีชนะมัน ถ้าเขาคิดจะเค็มกับเราจริงๆ ก็เดินห่างจากเขา พอคิดดีกับเขาวันหนึ่งต้องดีกับเราเอง ถ้าคิดบวกเราก็จะมีแต่ความสุข
“5 ปีแรก ไม่ว่าทีมงานหรือผู้บริหารคือกำลังใจ ผมพยายามบิลต์เขาว่า อย่ามัวถอดใจ ถ้าถอดใจเมื่อไร ก็ไม่มีวันไปถึงเป้าหมายหรือเห็นความสำเร็จอยู่ตรงหน้าแน่ๆ เราเสริมความมั่นใจกับพนักงานตั้งแต่วันแรกว่า พวกเราช่วยกันสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจ เป็นบริษัทนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่มีหลายแพลตฟอร์ม และเชื่อมโยงทุกภาคส่วน ผมจะเป็นคนไปสู้กับลูกค้าสู้กับข้างนอกเอง แต่ขออย่างเดียวอย่าเพิ่งส่ายหน้ากับผม แล้วบอกกับผมว่าจะลาออก เพราะถ้าจะลาออกขอให้บอกกันตั้งแต่วันนี้เลย จะได้เลิกทำไปเลยตั้งแต่แรก เลิกพร้อมกัน”
ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยคิดว่าจะต้องนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น สิ่งหนึ่งที่เคยบอกกับพวกเขาคือ ไม่ว่าจะไปทำงานที่บริษัทไหนก็ตาม เราจะดีถึงแค่วันนี้เท่านั้นนะ พอพรุ่งนี้ก็อีกเรื่องหนึ่งนะ เพราะว่าเราเริ่มต้นใหม่ทุกวัน เพราะมันมีกระแสการเปลี่ยนแปลงเข้ามาใหม่ทุกวัน ฉะนั้นอย่าไปยึดติดกับยอด กับความสำเร็จที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรืออย่าไปยึดติดสิ่งที่เราดีแล้ว เราต้องเริ่มให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ในทุกวัน
หัวใจขององค์กรทุกแห่งคือ “คน” ทั้งนั้น เมื่อเราเป็นบริษัทที่ใช้คนน้อย ก็ต้องมีการบริหารอย่างดีที่สุด เพราะคนเป็นเรื่องที่ยากที่สุด แต่เป็นหัวใจสำคัญและทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร จึงพยายามบอกพนักงานว่า ทรัพยากรที่มีคุณค่าเท่ากับบริษัทจะมีสินทรัพย์ที่ดี แต่ทางกลับกัน ถ้าบริษัทเรามีพนักงานระดับเกรดซีและดี ทำงานไปวันๆ แต่บริษัทก็ต้องจ่ายเงินให้พวกเขาทุกเดือน ก็เท่ากับพนักงานเหล่านั้นถือเป็นหนี้สินที่บริษัทต้องแบกรับไว้ ก็แล้วแต่ละคนว่าจะเลือกเป็นหนี้สินหรือสินทรัพย์ที่ดีของบริษัท และที่ผ่านมาบริษัทไม่มีการซื้อตัวใครทั้งนั้น มีแต่จะปั้นคนใหม่ขึ้นมาเอง จนถึงวันนี้บริษัทมีเทิร์นโอเวอร์ต่ำ พนักงานที่เข้าและออกน้อยมาก
หลักการทำงานตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา สำหรับผู้บริหารคนนี้คือ ความมีวินัย ซื่อสัตย์ อดทน เน็ตเบย์เหมือนเรือสำราญลำหนึ่งที่ประกอบไปด้วยซีอีโอที่เหมือนกัปตันเรือ มีพนักงาน คู่ค้า ซัพพลายเออร์ และลูกค้า ก็ต้องช่วยกันดูแลลูกค้า ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ใช้บริการของเรา แล้วก็ต้องมีความรับผิดชอบ ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย สุดท้ายก็จะพากันไปถึงฝั่งด้วยกันทั้งหมด


