‘การละคร’ เครื่องมือช่วยสร้างเสริม จินตนาการสำหรับเด็ก
นับเป็นเรื่องดีที่ประเทศไทยกำลังจะมีเทศกาลละครนานาชาติ สำหรับเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ ขึ้นเป็นครั้งแรก
โดย...วราภรณ์ ภาพ : การแสดง‘ไลฟ์โบน Live Bone’ ภาพโดย Yoshikazu Inoue
นับเป็นเรื่องดีที่ประเทศไทยกำลังจะมีเทศกาลละครนานาชาติ สำหรับเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ ขึ้นเป็นครั้งแรก จัดโดยภาคเอกชนอย่าง อาร์ท ออน โลเคชั่น ร่วมกับเดโมเครซี เธียเตอร์ สตูดิโอ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และเจแปน ฟาวน์เดชั่น กรุงเทพฯ โดยใช้ชื่องานว่า เทศกาลละครนานาชาติสำหรับเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ BICT Fest 2016” (Bangkok International Children’s Theatre Festival 2016) มหกรรมการแสดงระดับนานาชาติเต็มรูปแบบสำหรับเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของศิลปินไทยและศิลปินต่างชาติจาก 6 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ โปรตุเกส อิสราเอล ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และไทย สร้างสรรค์การแสดงหลากหลายรูปแบบเพื่อจัดกิจกรรมศิลปะสำหรับครอบครัว ระหว่างวันที่ 21 มิ.ย.-3 ก.ค.นี้ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร อัจจิมา ณ พัทลุง ผู้อำนวยการการจัดงาน บอกว่า ใช้เวลาเตรียมงานนานกว่า 1 ปี เนื่องจากการแสดงสำหรับเด็กและเยาวชนเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับเมืองไทย และเธอเชื่อมั่นว่าการแสดงละครนานาชาติในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างจินตนาการและสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กไทยได้กลายเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี ซึ่งบางประสบการณ์ไม่สามารถหาได้ภายในห้องเรียน เธอคาดหวังว่าไม่แน่เมืองไทยอาจจะมีเด็ก ๆ ที่เติบโตไปเป็น สตีฟ จ็อบส์ หรือริชาร์ด แบรนสัน ก็ได้ในอนาคต
ละครสำหรับเด็กและเยาวชนพัฒนาเด็กไทยให้มีจินตนาการ
อัจจิมา ผู้อำนวยการจัดงาน กล่าวว่า เทศกาลละครนานาชาติสำหรับเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ BICT Fest 2016 เป็นทางเลือกให้กับครอบครัวในเมืองใหญ่ ได้มีเวลาทำกิจกรรมด้วยกันในลักษณะที่เหมาะสม โดยให้อิสระในการเรียนรู้แก่เด็กมากกว่าการบังคับตามความคาดหวังของผู้ใหญ่
“ปัจจุบันกิจกรรมสำหรับครอบครัวในกรุงเทพฯ มีจำกัด เราจึงอยากจัดการแสดงละครเพื่อเป็นทางเลือกให้ครอบครัวพ่อแม่ลูกใช้เวลาร่วมกันโดยใช้การสื่อสารผ่านการละคร ดิฉันก็เป็นนักการละครและเชื่อว่าศิลปะการละครสามารถแบ่งปันและให้ประโยชน์กับคนดู ขณะที่เขากำลังชมละคร เราจะได้ประสบการณ์และเรียนรู้ชีวิตเรื่องราวของผู้อื่นอย่างที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตเลยก็ได้ การแสดงละครบางเรื่องสะท้อนเรื่องราวการใช้ชีวิตของคนในอีกสังคมหนึ่ง ยิ่งเด็กๆ ได้ชมละครที่สอนใจ หรือมีเรื่องราวของเด็กอีกสังคมอีกวัฒนธรรมหนึ่งซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เขาพบเจอในสังคมไทย ก็จะสามารถสร้างความเข้าใจของเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันในสังคมได้ เรานำงานจากต่างประเทศ ยิ่งเกิดการแลกเปลี่ยนทั้งด้านวัฒนธรรม ซึ่งงานละครที่เด็กๆ จะได้ดูครั้งนี้ล้วนได้รับการยอมรับมาแล้วในต่างประเทศ การแสดงละครแต่ละคณะล้วนมีรางวัลการันตีมาแล้ว พวกเขายินดีมาแสดงให้เด็กไทยได้ชม”
นอกจากการชมละครแล้ว ยังมีการจัดเวิร์กช็อปสร้างสรรค์เพื่อเด็กและพ่อแม่ก็เข้ามาทำกิจกรรมร่วมกันได้ “เรารวมกลุ่มเด็กจากหลายๆ พื้นฐานเข้ามา เช่น มีละครเพื่อเด็กพิเศษแล้ว เรายังมีเวิร์กช็อปจากโปรตุเกสสำหรับเด็กทารกจนถึงเด็กอายุ 18 เดือนดูได้ ซึ่งถือเป็นวัยก่อนโดนบังคับจากทั้งครอบครัวและสิ่งแวดล้อม เขาจะใช้ดนตรีสำหรับการเคลื่อนไหวจะทำให้พ่อแม่ที่เข้ามาทำเวิร์กช็อปได้อยู่ในพื้นที่การแสดง จะทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เป็นการร่วมแบ่งปันประสบการณ์และค้นพบช่วงเวลาที่พิเศษที่มีร่วมกันเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ ”
งานนี้จัดขึ้นในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งในอังกฤษมีอาชีพเพอร์ฟอร์แมนซ์ อาร์ตสำหรับเด็กโดยเฉพาะ แต่สำหรับเมืองไทยถือเป็นเรื่องใหม่ ที่หาองค์กรภาครัฐมาสนับสนุนยากมาก มีแต่ภาคเอกชนที่มาร่วมทำกิจกรรมดีๆ ด้วยกัน
“คณะละครเหล่านี้เชื่อมั่นว่าเด็กๆ มีพลังสมองที่จะรับรู้และมีจินตนาการมากพอ อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายในการจัดงานสำหรับเด็กในไทย เพราะการที่คนเราเติบโตมาโดยสังคมเมืองทำให้เด็กเติบโตมาในป่าคอนกรีต ทำให้เด็กๆ ไม่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ แต่เราจะเอาความเข้าใจต่อธรรมชาติมาเป็นสื่อมีเรื่องราว ซึ่งเด็กพร้อมรับรู้ เขาจะเรียนรู้เรื่องราวจริงๆ จากละคร ซึ่งไม่ได้รับรู้จากหนังสือเทพนิยาย เด็กๆ สร้างเรื่องขึ้นมาได้ในหัวเขาจากจินตนาการผ่านสื่อต่างๆ ได้ ทำให้สมองของเด็กได้คิด ทำให้เด็กๆ สัมผัสในบางอย่างได้เต็มอารมณ์และจิตใจ” อัจจิมา กล่าว และบอกต่อว่า มีการทำวิจัยออกมาแล้วว่างานอาร์ตจะทำให้เด็กโตขึ้น และงานอาร์ตจะมาเสริมการเรียนรู้เพิ่มเติมจากในโรงเรียนด้วย
“การละครจะมาช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับเด็กซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก งานอาร์ตจะมาช่วยสร้างคน เช่น สตีฟ จ็อบส์ สังเกตนักสร้างสรรค์และคนที่คิดนอกกรอบแตกต่างจากคนอื่นๆ คนพวกนี้ไม่เก่งเรื่องเรียน แต่เก่งด้านงานครีเอทีฟ เรื่องดีไซน์ และมีความฉลาดในด้านธุรกิจ ดังนั้นคนที่ประสบความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการเรียนแต่ในห้องเรียน อย่างน้อยๆ เด็กได้เสพงานละครสำหรับเด็กการได้ดูได้สัมผัสงานศิลปะจะช่วยกระตุ้นต่อมจินตนาการและต่อยอดไปในบางสิ่งที่ได้รับรู้มาใช้ในด้านอื่นอย่างที่เราคาดไม่ถึง เช่น จินตนาการทำให้คนแต่ละคนมีอิสระด้านการแสดงออกด้านความคิด เด็กบางคนเรียนเก่ง อาจไม่ได้ด้านความคิดสร้างสรรค์ซึ่งความคิดสร้างสรรค์สำคัญมากค่ะ”
กิจกรรม Interactive ให้ผลดีกับพัฒนาการของเด็กๆ
ชนาภัณฑ์ ธรรมรัฐ นักจิตบำบัดด้วยละครและการเคลื่อนไหว กล่าวว่า ข้อดีของการเรียนรู้แบบ Interactive มีการถามตอบกันระหว่างผู้ชมกับผู้แสดง จะส่งผลดีต่อพัฒนาการของเด็กๆ อีกด้วย
“การเรียนรู้แบบ Interactive ช่วยพัฒนาทักษะทางด้านการคิดเชิงวิเคราะห์ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการพัฒนาความสามารถในการใช้เหตุผล เด็กจะเรียนรู้ที่จะใช้จินตนาการผสมผสานกับข้อมูลตามหลักเหตุผล เรียนรู้ที่จะเลือกตัดสินใจและแสดงออกความคิดเห็นของตัวเอง ซึ่งหากเป็นการเรียนรู้แบบกลุ่ม เด็กก็จะสามารถเรียนรู้ทักษะการทำงานเป็นทีมการการเข้าสังคมด้วย ” อีกทั้งกิจกรรมนี้ยังเป็นกระบวนการเรียนรู้แบบที่พ่อแม่มีส่วนร่วมด้วย จึงช่วยทำให้พ่อแม่สามารถเข้าใจในความสนใจ ความถนัด จุดแข็ง และจุดอ่อนในความสามารถของการเรียนรู้ของลูกอีกด้วย
กิจกรรมน่าสนใจสำหรับเด็ก
ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่ การแสดง กิจกรรมเวิร์กช็อป และเวทีเสวนา โดยการแสดงแต่ละชุดถูกสร้างสรรค์ให้เป็นการแสดงในรูปแบบอินเตอร์แอ็กทีฟที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม ซึ่งเด็กจะได้เปิดประสบการณ์และเรียนรู้ผ่านการแสดงที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่สนุกสนานตื่นเต้นตลอดการแสดงทั้ง 8 ชุด ได้แก่
การแสดงละครหุ่นจากขยะรีไซเคิล “Recycled Rubbish” จากกลุ่มละครเธียเตอร์ ไรต์ส Theatre Rites ประเทศอังกฤษ ที่สามารถเนรมิตขยะไร้ค่าให้กลายเป็นหุ่นที่มีชีวิต สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่ถูกทอดทิ้ง
การแสดงละครหุ่นร่วมสมัยจากกลุ่มละครหุ่นเปเปอร์มูน พัพเพ็ต เธียเตอร์ Papermoon Puppet Theatre ประเทศอินโดนีเซีย ที่มักจะทำงานศิลปะแบบทดลองร่วมกับเวิร์กช็อป โดยได้มีการสร้างสรรค์การแสดงชุดพิเศษขึ้นมาใหม่จากหนังสือนิทาน
การแสดงชุด “อาลีบาบาค Alibabach” จากกลุ่มละครคอมปานย่า เดอ มูสิกา เตียตราล Companhia de Musica Teatral ประเทศโปรตุเกส เหมาะสำหรับเด็กวัยแรกเกิดถึง 5 ขวบ สัมผัสโลกแห่งดนตรีที่ใช้เครื่องดนตรีเป็นเสมือนของเล่น เพลิดเพลินไปกับมหัศจรรย์ของแสง สี และรูปทรง ผสมผสานดนตรีคลาสสิกและดนตรีพื้นบ้าน การเต้น และละคร
การแสดงเต้นรำร่วมสมัย ชุด “ไลฟ์โบน Live Bone” จากไคจิ โมริยามะ นักเต้นผู้มีพรสวรรค์ชาวญี่ปุ่น โดยนำโครงสร้างกระดูกและอวัยวะภายในร่างกาย ทั้งกระดูกสันหลัง ลำไส้ หัวใจ ใบหู มานำเสนอผ่านการเคลื่อนไหวประกอบดนตรีและเครื่องแต่งกายที่มีเอกลักษณ์
การแสดงหุ่นเชิดโดยไม่มีบทพูดชุด “เมื่อทุกอย่างเคยเขียวชอุ่ม When All Was Green” จากกลุ่มละครเดอะ คีย์ เธียเตอร์ The Key Theatre ประเทศอิสราเอล การแสดงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณกรรมเด็ก นำเสนอความเป็นมนุษย์ ธรรมชาติ และความโลภผ่านเรื่องราวของเด็กชายที่เพื่อนสนิทเป็นต้นแอปเปิ้ล กับพื้นที่สีเขียวที่ค่อยๆ กลายเป็นสีเทาของคอนกรีต
การแสดงละครหุ่นเงาชุด “การผจญภัยของอยู่ดี” จากกลุ่มละครบีฟลอร์ ประเทศไทย การผจญภัยของเด็กชายอยู่ดี ที่ต้องออกเดินทางไปยังดวงดาวเพื่อตามหาคนรักที่หายไป เป็นการแสดงที่จะช่วยให้เด็กๆ ได้สำรวจ และค้นหาอารมณ์ต่างๆ ของตัวเองเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความยากลำบากในอนาคต และยังปลูกฝังให้มีความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์
การแสดงชุด “แมวน้อย” จากกลุ่มละครเบิร์ดคิดแจ่ม ประเทศไทย เป็นศิลปะการเล่าเรื่องประกอบดนตรี มาฟังนิทานเกี่ยวกับแมวน้อยที่มีชีวิตอยู่มานานถึงหนึ่งล้านปี ว่าด้วยเรื่องราวของการมีชีวิต ความรัก และการพลัดพราก
สำหรับกิจกรรมเวิร์กช็อปสำหรับครอบครัวนั้น แบ่งตามความเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัย ได้แก่ เวิร์กช็อปการทำพัพเพ็ต โดย เปเปอร์มูน, เวิร์กช็อปหุ่นสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาการเด็กและเด็กพิเศษโดย ดร.ซู เจนนิงส์ ประเทศอังกฤษ, เวิร์กช็อปสร้างศิลปะจากขยะรีไซเคิลโดยเธียเตอร์ ไรต์ส, เวิร์กช็อปสัมผัสทางดนตรีเพื่อการเข้าถึงลูกน้อย โดย คอมปานย่า เดอ มูสิกา เตียตราล, เวิร์กช็อปการเคลื่อนไหวสำหรับเด็ก โดย ไคจิ โมริยามะ และเวิร์กช็อปโลกแห่งจินตนาการของกระดาษและหุ่นกระดาษเคลื่อนไหว โดย เดอะ คีย์ เธียเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
การแสดงสำหรับเด็กพิเศษ
นอกจากกิจกรรมสำหรับเด็กแล้ว ยังมีกิจกรรมสำหรับเด็กพิเศษด้วย เพราะอัจจิมาเชื่อว่าเด็กพิเศษก็มีการรับรู้และมีจินตนาการด้วยเช่นกัน
“ผู้ใหญ่บางกลุ่มมีความเชื่อว่าเด็กพิเศษไม่มีความพร้อมในการรับรู้ คิดว่าการรับรู้ของเด็กกลุ่มนี้มีข้อจำกัด หรือมีการได้รับความคิดสร้างสรรค์ที่มีลิมิต แต่เราเชื่อว่าการละครช่วยเสริมด้านความคิดสร้างสรรค์และการละครช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ในเด็กกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี และการละครช่วยส่งเสริมพัฒนาการในเด็กทุกกลุ่มได้ด้วย”
ภายในจึงมีการแสดงละครหุ่นเงาชุด “ตัวโอสีเหลือง” จากกลุ่มละครพระจันทร์พเนจรและการเดินทางที่ไม่สิ้นสุด ตัวแทนจากประเทศไทย การแสดงที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อเด็กออทิสติกที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ และเด็กที่มีความบกพร่องด้านการได้ยิน ด้วยเวทมนตร์ของหุ่นเงาที่สามารถสื่อสารกับเด็กผ่านภาษาภาพ โดยผู้นำกลุ่มจันทร์พเนจร มณฑาทิพย์ สุขโสภา เล่าว่า เธอเป็นวิทยากรสอนทำละครหุ่นหลายรูปแบบ ซึ่งงานของกลุ่มล้วนแล้วเป็นการแสดงหุ่นโดยใช้แสงเงาในการเล่าเรื่องที่เน้นหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมและสิทธิสตรี ซึ่งเธอสนใจสร้างละครหุ่นเงาตัวโอสีเหลืองมาจากโครงการแต้มฝัน เป็นกิจกรรมอบรมเพื่อเด็กออทิสติกและหูหนวก โดยตระเวนไปตามโรงเรียนที่มีเด็กพิเศษทั้งสองกลุ่มได้ดูได้พร้อมๆ กันเพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เทคนิคการเล่า น้องๆ ดูแล้วเกิดความเข้าใจ เกิดแรงบันดาลใจ และเกิดกระบวนการเรียนรู้เพื่อทำละครด้วยตัวของพวกเขาเอง
“เราใช้อักษรตัวโอสีเหลืองเป็นตัวดำเนินเรื่องที่ไม่ซับซ้อน เป็นการแสดงหุ่นเงาพาให้คนดูใช้จินตนาการตามไปด้วยขณะที่ดูละครความยาวแค่ 15 นาที เริ่มเรื่องคือเด็กผู้หญิงดึงหนังสือออกจากชั้นวาง พอเปิดหนังสือตัวการ์ตูนก็จะเด้งออกมา แล้วก็เกิดเรื่องราวต่างๆ ตามจินตนาการของเด็กมากมาย ซึ่งความยาวจะเหมาะกับเด็กออทิสติกและเป็นเรื่องราวที่เข้าใจง่ายเหมาะกับเด็กหูหนวกอยู่แล้ว เด็กๆ มาดูแล้วก็จะได้จินตนาการ ละครเรื่องนี้จะไม่มีเสียงพูดเหมือนให้เด็กๆ ทั้งสองกลุ่มมาอยู่บนโลกใบเดียวกัน มีแต่จังหวะของดนตรีซึ่งเด็กหูหนวกจะได้เรียนรู้ถึงจังหวะ และด้วยเนื้อเรื่องที่สั้นเด็กพิเศษสามารถอยู่กับละครได้ทั้งเรื่อง เขาสนใจและตั้งใจ ประสาททุกตัวตื่นรับรู้ทั้งหมด หากเด็กๆ ได้เข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่บอกผ่านละคร หลังจากนั้นการเรียนการสอนจะง่ายขึ้น เราไม่ต้องอธิบาย เด็กจะเรียนรู้ได้เอง”
ละครตัวโอสีเหลือง มีรอบการแสดงเฉพาะวันที่ 25-26 มิ.ย.เท่านั้น จำนวนวันละ 3 รอบ คือ 12.00 น. 13.30 น. และ 14.00 น. การแสดงมีขึ้นที่ชั้น 4 ห้อง 401 ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพ
มหานคร เหมาะมากๆ สำหรับเด็กอายุ 5-10 ขวบ
ครอบครัวที่สนใจเข้าร่วมชมการแสดงและกิจกรรม ใน “เทศกาลละครนานาชาติสำหรับเด็กและเยาวชน BICT Fest 2016” ระหว่างวันที่ 21 มิ.ย.-3 ก.ค. ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สามารถติดต่อสอบถามและจองบัตรได้ที่คอลเซ็นเตอร์ 08-1441-5718, 09-9009-3172 รายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมคลิกที่ www.bictfest.com


