เอะอะก็จูบ เอะอะก็จูบ
โดย...นกขุนทอง
โดย...นกขุนทอง
ไม่ว่าจะละครยุคเจ้าขุนมูลนายมาจนถึงละครร่วมยุคสมัย ผู้หญิงก็ยังเปรียบเสมือนทาสผู้ชายอยู่วันยังค่ำ เพราะไม่พอใจ ต่อล้อต่อเถียงนิดๆ หน่อยๆ ก็จับแขนกระชากมากอด มาจูบ ดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีการเดียวที่ทำให้ผู้หญิงสงบปากสงบคำได้ ไม่มีมุขอื่นหรืออย่างไร
ทว่าผู้ชายเป็นพระเอกก็จะไม่ค่อยใช้วิธีนี้กับนางร้าย กลับเป็นสุภาพชนไปเสียดื้อๆ (ถ้าไม่ถูกมนตร์เสน่ห์นะ) แต่กับนางเอกจะต้องถึงเนื้อถึงตัว ตบจูบยังมีให้เห็น พระเอกทำแบบนี้กับนางเอกทั้งตอนที่รู้ตัวว่าตกหลุมรักแล้วหรือแม้กระทั่งเจอกันหนแรกก็ตาม การกระทำที่ว่า คือการลวนลาม คุกคามทางเพศ หากแต่เถียงแล้วโมโหจับจูบซะเลยนี่ กลายเป็นฉากจิ้นฉากฟินของคนดูไปเสียอย่างนั้นแล้วหรือ
ในมุมกลับกันถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นผู้ร้าย ก็ได้เพียงจับกระชากตอนจะชิงตัวนิดๆ หน่อยๆ ตอนจะทำร้ายร่างกายให้พระเอกมาช่วย หรือตอนจะข่มขืนแต่ไม่สำเร็จหรอก แต่ถ้าตัวร้ายกับนางร้ายมาเจอกันมักจะตบจูบขยี้ข่มขืนได้สำเร็จ แล้วคนดูก็สมน้ำหน้า แม้นางร้ายจะไม่ดีแต่ผลกรรมของนางต้องออกมาด้วยการโดนผู้ชายข่มเหงหรอกหรือ
นอกจากสถานการณ์บทที่ขีดเขียนมาให้พาไปแบบนั้น ตัวละครก็กำหนดบทบาท ขาว-ดำ กันเกินไป พระเอกตอนนี้แม้จะเป็นตัวละครกลม เหมือนปุถุชนจริงมีขาวมีดำ แต่เปรียบพระเอกเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ขยันกระชากนางเอกมากอดมาจูบบ่อยกว่าจะไปทำงานหรือแสดงแง่มุมอื่นของชีวิตให้ได้เห็นบ้าง การเป็นเพศที่เหนือกว่าด้านพละกำลัง และการเลือกใช้วิธีล่วงเกินให้ผู้หญิงยอมสยบยังถูกนำมาใช้เป็นฉากเข้าพระเข้านางอยู่ จนเป็นภาพที่ชินตา เห็นได้แทบทุกเรื่อง
จริงอยู่ว่านี่คือละคร คนดูสมัยนี้มีวิจารณญาณ แต่ใช่ว่าจะไร้คนลอกเลียนพฤติกรรม และมันไม่ได้จบสวยหรูเหมือนพระเอกข่มเหงน้ำใจนางเอก แต่สุดท้ายรักกันแฮปปี้ เอนดิ้ง ในชีวิตจริงมันสร้างรอยบาดแผลมากกว่านั้นเมื่อผู้ชายที่มีพละกำลังมากกว่าล่วงเกิน ข่มเหงน้ำใจ และในชีวิตจริงจะมีสักกี่คนที่ยอมให้ผู้ชายที่ทำตัวกักขฬะ มาเป็นเจ้าของหัวใจ ต่อให้หล่อมากรวยมากอย่างพระเอกในละครก็เถอะ
เลิกให้ผู้หญิงต้องมาเป็นเพศที่ผู้ชายใช้กำลังบังคับเสียที แม้จะทำเพราะรัก เพราะหึงเพราะหวงก็เถอะ กอดหอมด้วยห้วงอารมณ์แห่งรักก็ฟินเว่อร์ คนดูจิกหมอนขาดแล้ว ไม่ต้องถึงพริกถึงขิงเป็นคู่กัดตบจูบก็ได้


