posttoday

โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ปฐมบทแห่งการพัฒนา

09 มิถุนายน 2559

70 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ

โดย...วราภรณ์-พุสดี ภาพ... ภัทรชัย ปรีชาพานิช

70 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ ทรงรับทราบความทุกข์ของราษฎรตลอดทุกพื้นที่ที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงงาน และทรงนำมาศึกษาค้นคว้าเพื่อหาหนทางแก้ไขบำรุงสุขให้นานาประชาราษฎร หนึ่งในโครงการที่ทำเพื่อปวงประชาราษฎรคือ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ซึ่งถือเป็นปฐมบทแห่งการพัฒนาอย่างแท้จริง

ห้องทดลองส่วนพระองค์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมพสกนิกรในพื้นที่ต่างๆ ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะเห็นประชาชนอยู่ดีมีสุขตามสมควรแก่อัตภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรม ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพหลักของประเทศ จึงทำให้เกิด “โครงการส่วนพระองค์เกี่ยวกับการเกษตร สวนจิตรลดา” ภายในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน อันเป็นราชฐานที่ประทับในปี 2504 โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน เพื่อศึกษา ทดลองและวิจัยหาวิธีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับงานทางด้านการเกษตรต่างๆ เช่น การปลูกข้าว การเลี้ยงโคนม การเพาะพันธุ์ปลานิล และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งผลการศึกษาสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นแบบอย่างในการนำไปปฏิบัติตาม นอกจากนี้ยังเป็นการดำเนินการโดยไม่มุ่งหวังผลตอบแทน จึงมีโครงการที่ตั้งขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎร เช่น เมื่อเกิดปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงนมผงขึ้น เพื่อแปรรูปน้ำนมดิบให้เก็บไว้ได้นาน โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนในการก่อสร้าง และยังมีการตั้งศูนย์รวมนม เพื่อรับซื้อน้ำนมจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมอีกด้วย

โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ปฐมบทแห่งการพัฒนา ท่านผู้หญิงบุตรี

 

โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา มีวัตถุประสงค์หลักในการดำเนินงานอยู่ 3 ประการ คือ เป็นโครงการศึกษาทดลองเป็นโครงการตัวอย่าง ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาทำการศึกษา เพื่อสามารถนำกลับไปดำเนินการเองได้ และขอเยี่ยมชมได้ตลอดเวลา และเป็นโครงการที่ไม่หวังผลตอบแทน (เชิงธุรกิจ)

ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการ ประธานกรรมการมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ กล่าวแนะนำโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ในวันเปิดโครงการพิเศษร่วมเฉลิมฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี ปฐมบทแห่งการพัฒนาเพื่อประชาผาสุก ว่า สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงคิดริเริ่มทำหลายสิ่ง ทรงเริ่มทดลองเองก่อนภายในห้องแล็บส่วนพระองค์สวนจิตรลดา

“ทรงเคยรับสั่งว่า ถ้าให้ชาวนาปลูกข้าว ถ้าพระองค์ไม่ทรงทราบว่าข้าวปลูกอย่างไร จะไปสอนชาวบ้านรู้เรื่องได้อย่างไร ทรงรับสั่งอีกว่า ชาวนามีภูมิปัญญาแต่ขาดโอกาส เมื่อทรงการทดลองปลูกข้าวในโครงการสวนพระองค์ สวนจิตรลดา จะได้คุยกับชาวนาได้รู้เรื่อง ตลอดระยะเวลาทรงครองราชย์ 70 ปี พระองค์ทรงศึกษา ดูแลห่วงใยประชาชนมาตลอด ทรงเข้าใจและทรงนำไปพัฒนาให้คนอื่นได้รับทราบ”

โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ปฐมบทแห่งการพัฒนา

 

ท่านผู้หญิงบุตรี ยังกล่าวอีกว่า ไม่ว่าบ้านของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะอยู่ที่แห่งใด จะทรงมีพระตำหนัก เช่น ในส่วนภาคกลาง วังไกลกังวล ภาคเหนือ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ภาคใต้ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ และทรงสร้างศูนย์การเรียนรู้ขึ้น เพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่นั้นๆ ด้วย

“ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปที่วังไกลกังวล ซึ่งในสมัยก่อนแห้งแล้งมาก น้ำก็ไม่มี ป่าไม้ถูกตัดทำลายเกลี้ยงแล้วทรงช่วยคนอย่างไร ที่นี่จึงเกิดการศึกษาพัฒนาที่ดิน เป็นโครงการในอันดับต้นๆ เนื่องจากน้ำไม่พอ น้ำมากเกินไป น้ำไม่ทั่วถึง เช่นที่พื้นที่ดินหนองพลับ หุบกะพง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยากไปช่วย จึงทรงริเริ่มการปลูกหน่อไม้ฝรั่งที่หุบกะพง เป็นต้น”

โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ปฐมบทแห่งการพัฒนา

ข้าราชบริพารผู้ถวายงาน

ตลอดระยะเวลาแห่งการครองราชย์ 70 ปี มีเหล่าข้าราชบริพารผู้ถวายงานใต้เบื้องพระยุคลบาทและได้เรียนรู้จากการถวายงาน ได้แก่ ทรงศักดิ์ วงศ์ภูมิวัฒน์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (อ.ก.พ.ร.)  พูดถึงการถวายงานในส่วนภาคกลางโครงการจัดพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์ “หนองพลับ” อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

“ผมได้ถวายงานในโครงการจัดพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์หนองพลับ ที่นี่ทำงานด้านการพัฒนาที่ดิน ซึ่งโครงการของพระบาทส

โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ปฐมบทแห่งการพัฒนา

มเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเริ่มทำโครงการทดลองที่วังสวนจิตรลดา ที่นี่ถือเป็นห้องแล็บ ทรงเป็นทั้งนักปราชญ์ นักสังคมศาสตร์ ผมได้รับการสอนงานจากพระองค์แบบเลิร์นนิ่ง บาย ดูอิ้ง ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะมากจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น การรู้จักพึ่งตนเองดีที่สุด รู้ว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร การได้รับใช้ผู้อื่นทำงาน

พระองค์ทรงงานหนัก พวกเราในวันนี้โชคดีที่ได้เห็นบทบาทการทรงงานของพระองค์ ท่านเริ่มทำการทดลอง ค้นคว้าวิจัยที่วังสวนจิตรลดา และทรงแปรพระราชฐานไปวังไกลกังวลช่วงปี 2507 ทรงไปเยี่ยมคนที่สวนผัก ในขณะนั้นประชาชนยากจนแร้นแค้น น้ำก็ไม่มี เป็นที่ดินที่อยู่ชายขอบ เมื่อทรงไปเยี่ยม ทรงมีพระราชดำริว่าน่าจะช่วยแก้ไขปัญหา ประชาชนมีแรงงานแต่ไม่มีที่ดิน ต้องเช่าที่ดินของกรมป่าไม้ ดินก็แย่ ทรงรับสั่งว่า ถ้าเราจะช่วยเหลือต้องทำการจัดการที่ดินให้ดีขึ้นก่อน ซึ่งถือเป็นงานท้าทาย ทรงให้รัฐบาลอิสราเอลมาช่วย เพราะเขาเคยอยู่ในที่ดินที่เลว รัฐบาลอิสราเอลเอาความรู้ของเขามาช่วยเรา ผมได้ไปดูงานทำงานที่หุบกะพง เพื่อเอาความรู้มาดำเนินงานที่หนองพลับ จัดที่ดินทำกินที่อยู่อาศัย สู่กระบวนการพัฒนาได้ เวลาเดินทางไปหนองพลับซึ่งระยะทางไกลมาก ถนนเป็นลูกรังตลอดเส้นทาง พื้นที่แต่ละโครงการมีการช่วยเหลือและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทำให้เราทำงานร่วมกันแบบรู้รักสามัคคี”

ด้าน วารินทร์ บุษบรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านส่งเสริมการเกษตร ย้อนรำลึกการเข้าเฝ้าฯ ถวายงานแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จ.นราธิวาส ตั้งแต่ปี 2516 ว่าสิ่งที่ในหลวงทรงให้ความสนพระทัยมากที่สุดที่ภาคใต้คือ น้ำ เพราะย้อนกลับไปเมื่อ 43 ปีก่อน ราษฎรประสบปัญหาน้ำท่วมกว่า 3 แสนไร่ จึงทรงรับสั่งให้นราธิวาสต้องแก้ไขปัญหาน้ำก่อน สองคือการพัฒนาที่ดิน เพื่อดูการเพาะปลูกที่เหมาะสม

โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ปฐมบทแห่งการพัฒนา

“ที่นราธิวาสจึงเกิดโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง เพื่อการพัฒนาดินและน้ำเพื่อปลูกพืชให้ได้ประโยชน์ที่สุด ที่ศูนย์การศึกษาแห่งนี้มีการทำโครงการแกล้งดิน อีกทั้งทรงรับสั่งให้ศึกษาเรื่องข้าว ซึ่งก่อนทำโครงการศูนย์การศึกษาพิกุลทอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ผมมาดูงานที่โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เพื่อนำความรู้กลับไปปรับปรุงที่นราธิวาส และไปที่หนองพลับ จากที่ดินแห้งแล้งมาก ในศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองเราศึกษาเรื่องพันธุ์ข้าว 100 กว่าชนิด ทรงรับสั่งว่า ข้าวเป็นอาหารหลักของไทย พันธุ์ข้าวต้องเก็บอนุรักษ์พันธุ์พืชไว้ทำพันธุ์ต่อไป มีการพัฒนาข้าวสังข์หยดซึ่งถือเป็นข้าวระดับโลก ตอนนั้นผมเป็นเกษตรกรอำเภอ นอกจากการอนุรักษ์พันธ์ุข้าว พระองค์ยังส่งเสริมให้กลุ่มปลูกหญ้าแฝกด้วย” 

ขณะที่ วิริยะ ช่วยบำรุง ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในข้าราชบริพารที่ถวายงาน ณ โครงการศูนย์การพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งให้สร้างพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ที่ภาคเหนือเมื่อปี 2505 และทรงรับสั่งให้ตั้งศูนย์การพัฒนาห้วยฮ่องไคร้เมื่อปี 2524

โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ปฐมบทแห่งการพัฒนา

 

“ผมได้มีโอกาสถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาหลายปี จนปัจจุบันผมอายุ 67 ปี ก็ยังถวายงานอยู่ ครั้งอดีตเมื่อปี 2530 พระองค์เสด็จฯ ศูนย์การพัฒนาห้วยฮ่องไคร้สามครั้ง ที่ห้วยฮ่องไคร้เมื่อครั้งอดีตแห้งแล้งจนเกือบเป็นดินแทนทะเลทราย แต่ทรงสนพระทัยทำการพัฒนา จนปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์ ซึ่งเกิดจากการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงานคือ กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน กรมปศุสัตว์ และกรมป่าไม้ ทำงานช่วยกัน ในหลวงทรงเคยรับสั่งว่า เราต้องพัฒนาคนเสียก่อน ที่ห้วยฮ่องไคร้มีผืนดินประมาณ 8,500 ไร่ เราต้องปลูกป่าที่ใช้ได้ 3 ชนิด เช่น ไม้ใช้ได้ มีป่าไม้แดง ป่าสัก และไม้ประดู่ สองคือปลูกต้นไม้เพื่อรองรับเขื่อน สามคือน้ำทรัพย์ คือในป่ามีน้ำทรัพย์ ทำอย่างไรให้มีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้น และยังให้ประโยชน์คือ มีระบบพัฒนาที่ดิน และต้องรักษาป่าไม้
ไม่ให้เกิดไฟไหม้”

ต้องมีป่าที่สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ได้ในหน้าแล้งช่วงเดือน พ.ค.ต.ค. ในหน้าหนาวป่าจะแล้งเพราะอากาศแห้ง ถ้าทำได้คือการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ใช้ดินเหนียวและไม้ไผ่อัดมากั้นน้ำโดยใช้แรงงานคนเพื่อให้ชาวบ้านเกิดรายได้นำเงินไปซื้อยาสีฟันได้ การทรงเป็นนักปราชญ์ของพระองค์ทำให้ทรงเห็นในบางเรื่องที่ข้าราชบริพารมองไม่เห็น เช่น เรื่องประมง การเลี้ยงปลาในอ่าง ทรงเคยรับสั่งว่า ไม่สำคัญหรอกว่าปลาจะโตหรือไม่โต แต่ถ้ามันได้เป็นอาหารตามธรรมชาติ แต่ที่สำคัญคือคนจับปลาไปไหน ถ้าจับปลาไปขายภัตตาคารถือว่าผิดวัตถุประสงค์ ต้องเลี้ยงเพื่อกินเองในครัวเรือนก่อน ถ้าเหลือแล้วค่อยเอาไปขายเพื่อนำเงินมาซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ทีวี เป็นต้น

โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ปฐมบทแห่งการพัฒนา

 

ข่าวล่าสุด

LIVE ถ่ายทอดสด สเปอร์ส พบ ลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68