posttoday

จารุจิต ใบหยก ตามฝันธุรกิจขนมหวาน

08 มิถุนายน 2559

แม้จะมีธุรกิจกลุ่มโรงแรมของครอบครัวเป็นหลัก ให้ต้องกลับมาสานต่อในฐานะทายาทตระกูล “ใบหยก”

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

แม้จะมีธุรกิจกลุ่มโรงแรมของครอบครัวเป็นหลัก ให้ต้องกลับมาสานต่อในฐานะทายาทตระกูล “ใบหยก” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า บุ๋ม-จารุจิต ใบหยก สาวสังคมหน้าเก๋ ต้องหยุดทุกความฝันของตัวเอง ทุกวันนี้แม้เธอจะรับหน้าที่ผู้บริหารโรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ พร้อมๆ กับนั่งเก้าอี้ผู้ช่วยประธานกรรมการกลุ่มโรงแรมใบหยก เธอก็ยังวิ่งตามความฝันที่อยากมีร้านขนมเป็นของตัวเองจนสำเร็จ ด้วยการอิมพอร์ตร้านขนมสัญชาติเกาหลี สวีท มอนสเตอร์ (Sweet Monster) มาเอาใจเหล่าไอศกรีมเลิฟเวอร์

จากเด็กเนิร์ดสู่สาวพีอาร์

“เรียกว่าเนิร์ดมั้ย ก็ไม่รู้นะ รู้แต่ว่าเราชอบเรียนอะไรที่ท่องเยอะๆ ชอบใช้ชีวิตในห้องสมุด ชอบจด ชอบเขียน ชอบอ่านหนังสือ ตอนแรกเลยตั้งเป้าว่าอยากเข้าอักษรศาสตร์ หรือไม่ก็นิติศาสตร์ ซึ่งที่บ้านให้อิสระมาก ไม่บังคับเลย แต่สุดท้ายที่เลือกเรียนนิเทศศาสตร์ เพราะคุณพ่อมองว่าน่าจะเป็นตัวเรามากกว่า”

มาถึงวันนี้ เมื่อมองย้อนกลับไป บุ๋มยอมรับว่า ตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกเรียนนิเทศศาสตร์ โดยเธอเลือกเรียนสาขาประชาสัมพันธ์ ซึ่งมองว่าเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจ สามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจของครอบครัวได้ หลังจากคว้าปริญญามาครองได้สนใจ บุ๋มเข้ามาทำงานในฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกลุ่มใบหยกอยู่เกือบปี เพื่อสั่งสมประสบการณ์ชั่วโมงบินในการทำงานจริง ก่อนจะขอพักไปเรียนทำอาหารและขนมที่สถาบันเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต

จารุจิต ใบหยก ตามฝันธุรกิจขนมหวาน

 

“ส่วนหนึ่งคือเราชอบทำขนม ชอบทำอาหารเป็นทุนเดิม บวกกับพอเข้ามาทำงานในโรงแรม เราพบว่าจุดอ่อนอย่างหนึ่งของโรงแรมเรา คือ แผนกเบเกอรี่ เพราะฉะนั้นเลยตัดสินใจไปเรียนดีกว่า อย่างน้อยความรู้ที่เราไปเรียนมาเกือบปี ก็ทำให้มีความรู้พื้นฐานมีไอเดียที่จะมาคุยกับเชฟที่โรงแรมได้”

ช่วงที่บุ๋มเฟดตัวออกมาหาความรู้ในการทำขนมนี่เอง เป็นจังหวะเดียวกับที่โปรเจกต์โรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ เริ่มต้น ทำให้บุ๋มได้รับโอกาสครั้งสำคัญอีกครั้ง ด้วยการเข้ามาช่วยวางคอนเซ็ปต์โรงแรม คุมโทนในการตกแต่งจนเสร็จสิ้น เข้าสู่กระบวนการก่อสร้าง เธอจึงตัดสินใจไปเรียนต่อด้านการบริหารจัดการโรงแรมที่มหาวิทยาลัยซุกเมียง ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดร่วมกับเลอ กอร์ดอง เบลอ

“ตอนแรกตั้งใจจะไปฝรั่งเศส แต่ปรากฏว่าหลักสูตรที่จะไปเรียนจะเปิดสอนเป็นภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น เราเองแม้จะเรียนมาตอน ม.ปลาย แต่ถ้าไปเรียนจริงจังขนาดนั้นคงไม่ไหว เลยเบนเข็มมาหาหลักสูตรเดียวกันแต่เป็นที่เกาหลี ซึ่งสอนด้วยภาษาอังกฤษ ที่สำคัญตอนยื่นเอกสารสมัครไป ยังโชคดีมีคุณสมบัติเข้าข่ายได้ทุนเรียนฟรีครึ่งนึง ก็เลยคิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ”

พอเรียนจบกลับมา เป็นช่วงที่โรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ เปิดไปได้แค่ 1 เดือนพอดี คุณพ่อซึ่งเห็นว่าคาแรกเตอร์ของลูกสาวคนนี้เหมาะกับโรงแรม เลยมอบหมายให้เข้ามาดูแลห้องไอวอรี เลานจ์ ซึ่งเป็นมัลติฟังก์ชั่นรูม โดยบุ๋มและน้องสาว (บุ๊ค-พิมพ์เลิศ ใบหยก) ช่วยกันคิดและเนรมิตให้ออกมาในคอนเซ็ปต์ห้องหนังสืออเนกประสงค์ สามารถใช้จัดอีเวนต์ จิบน้ำชายามบ่าย โดยชูจุดขายเรื่องความเป็นไทย ด้วยไฮทีที่เสิร์ฟกับอาหารคาวหวานแบบไทย ซึ่งหาไม่ได้ที่ไหน

จารุจิต ใบหยก ตามฝันธุรกิจขนมหวาน

จุดกระแสมอนสเตอร์บุกไทย

หลังจากปลุกปั้นโรงแรมจนเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็ถึงเวลาที่บุ๋มจะโบยบินอีกครั้ง ด้วยการสานต่อความฝันที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองรัก นั่นคือการมีร้านขนมเป็นของตัวเอง บุ๋มบอกว่า เดิมเธอตั้งใจอยากเปิดร้านขนมที่ทำเอง แต่สุดท้ายมาลงตัวที่ สวีท มอนสเตอร์ เพราะมองเห็นโอกาสทางธุรกิจบวกกับอยากเรียนรู้ระบบการทำงานของการทำร้านขนมจากแบรนด์อื่นก่อนมาทำร้านของตัวเองจริงจัง

"บุ๋มรู้จักแบรนด์สวีท มอนสเตอร์ ตั้งแต่เรียนอยู่เกาหลี เพราะนอกจากชอบทำขนมยังชอบกินสุดๆ ถึงจะดูแลรูปร่าง ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน แต่ถ้าของหวานคือสู้ตาย เรารู้ว่าแบรนด์นี้ป๊อปปูลาร์มากในหมู่วัยรุ่นเกาหลี เพียงแต่ตอนแรกยังไม่ได้คิดจะนำเข้า จนคุณพ่อไปเดินในงานแฟรนไชส์งานหนึ่ง แล้วได้รู้จักกับแบรนด์สวีท มอนสเตอร์ ยิ่งพอรู้ว่าแบรนด์จากเกาหลี เลยไลน์มาถามว่าเรารู้จักมั้ย จุดนั้นเองทำให้เราเลยรู้สึกว่าแบรนด์นี้ต้องมีความน่าสนใจบางอย่าง เพราะแม้แต่คุณพ่อไปเห็นยังเตะตา เลยคิดว่าอยากจะนำเข้ามาเปิดตลาดในไทย”

บุ๋มบอกว่า พอตัดสินใจแล้ว เธอก็ฉายเดี่ยวในการติดต่อกับแบรนด์ เพื่อขอนำเข้ามาเปิดในประเทศไทย ซึ่งตอนนั้นไทยถือเป็นแฟรนไชส์ประเทศแรกของสวีท มอนสเตอร์ ก่อนจะขยายไปที่ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และดูไบ ซึ่งแม้แต่ทางเกาหลีก็ยอมรับว่า การที่เรานำแบรนด์เขาเข้ามา ช่วยให้แบรนด์เขาเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะอย่างสิงคโปร์เองที่ติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ เพราะรู้จักแบรนด์เขาจากประเทศไทย

จารุจิต ใบหยก ตามฝันธุรกิจขนมหวาน

 

“ถามว่าเห็นศักยภาพอะไรในแบรนด์นี้ หนึ่งต้องยอมรับว่าตัวสินค้าเขาดี คือ ถ้าใครชอบกินไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟจะรู้เลยว่า ของเขาคือ นมคือนมจริงๆ เนื้อสัมผัสก็แน่น ยิ่งมาบวกกับท็อปปิ้ง หรือป๊อปคอร์น ยิ่งทำให้ดูน่าสนใจ สองคือการทำการตลาดของแบรนด์ ตัวเจ้าของแบรนด์อาจจะมีอายุนิดนึง แต่ทีมงานยังวัยรุ่นหมด เขาวางกลยุทธ์มาแล้วว่า จะสื่อสารด้วยตัวคาแรกเตอร์มอนสเตอร์ที่สร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของแต่ละเมนู เพื่อทำให้ลูกค้าจดจำด้วยความน่ารักของตัวการ์ตูน เราเชื่อว่าจะครองใจผู้บริโภคชาวไทยได้ไม่ยาก”

ถึงผลตอบรับของแบรนด์จะดีเกินคาด แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และแน่นอนว่าก้าวต่อไปของแบรนด์ก็ยังเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องคิดให้ดี ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย

“เราไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องเปิดให้ได้กี่สาขาภายใน 5 ปี แต่มองว่า ถ้ามีสถานที่ที่เหมาะสมเราก็ไป นอกจากนี้เราพยายามสร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้าตลอด ด้วยการนำเสนอเมนูใหม่ๆ สินค้าใหม่ๆ เพื่อไม่ให้แบรนด์ของเรากลายเป็นกระแสช่วงเดียวแล้วลูกค้าก็เบื่อ

ถามว่า สินค้าของเราสวนกระแสรักสุขภาพยุคนี้มั้ย ก็ยอมรับนะ แต่เรายังเชื่อว่ามีคนอีกกลุ่มใหญ่ที่คิดเหมือนเราว่า ของหวานก็คือของหวาน ถ้าจะให้ความสุขตัวเองด้วยของหวานทั้งที ต้องเป็นของที่อร่อยจริงๆ เรายังเชื่อเสมอว่า คนเราถ้ารู้จักบาลานซ์ในทุกๆ ด้าน ทั้งการใช้ชีวิต การเลือกกินอาหาร ไม่จำเป็นต้องเฮลตี้ตลอดเวลา เมื่อนั้นจะได้พบกับความสุข” ผู้บริหารคนเก่ง กล่าวทิ้งท้าย

ขอบคุณ แพลทินัม คลับ สยามพารากอน เอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายภาพ

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้