posttoday

กุณปชขาทกเปรต

08 สิงหาคม 2553

รู้ทั้งรู้ว่า เป็นเนื้อที่พระห้ามฉัน แต่ก็ยังทำนำมาถวาย ซึ่งการกระทำนี้แหละตายไปทำให้ไปเกิดเป็น “กุณปขาทกเปรต”....

รู้ทั้งรู้ว่า เป็นเนื้อที่พระห้ามฉัน แต่ก็ยังทำนำมาถวาย ซึ่งการกระทำนี้แหละตายไปทำให้ไปเกิดเป็น “กุณปขาทกเปรต”....

โดย...อ.ตุ้ย วรธรรม

เปรตจำพวกนี้กินซากศพเป็นอาหาร ไม่ว่าจะซากมนุษย์ ซากช้าง ซากม้า ซากโค ซากเสือ ซากกระบือ ซากสุนัข ซากสิงโต ซากงูเน่า เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงเรียกเปรตตระกูลนี้ว่า กุณปขาทกเปรต (กุณป-ซากศพ+ขาทก-กัดกิน) เปรตกินซากศพ

พูดถึง “ซากศพ” โดยลักษณะมีแตกต่างกันไป เช่น ซากศพของคนที่เพิ่งตายยังคงเหมือนคนทั่วไป ยังไม่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง แต่ซากศพของคนที่ตายหลายวันก็จะมีกลิ่นเหม็นเน่าฉุน มีเลือดปนหนองไหลออกมา ชวนสะอิดสะเอียน

บางซากศพถูกสัตว์ต่างๆ รุมแทะกินจนขาดแหว่งวิ่น เป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่ กระจัดกระจาย บางส่วนหายไป บางส่วนอยู่ แต่ก็ไม่เป็นรูปเป็นร่างที่สมบูรณ์

และโดยธรรมดา “ซากศพ” ไม่ว่าจะซากศพคนหรือซากศพของสัตว์ ก็ไม่มีใครคนไหนจะอภิรมย์ยินดี กับการได้เห็น ได้ดมกลิ่นซากเหล่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งปฏิกูลน่าเกลียด จึงไม่ต้องพูดถึงขั้น “การกิน” ซากศพ

แต่สำหรับกุณปขาทกเปรตแล้วไม่ต้องแปลกใจอะไร เพราะซากศพทั้งหลายบรรดามี ไม่ว่าจะซากคน ซากสัตว์ ก็ล้วนแต่เป็นอาหารของเปรตตระกูลนี้ทั้งนั้น

อยากทราบไหมว่ากรรมอะไรที่นำให้คนมาเกิดเป็นเปรตกินซากศพ?

ถ้าทราบแล้วก็คงจะอดคิดไม่ได้ กับความคิดอุตริของคนบางคนที่อยู่ดีๆ ก็คิด แกล้งพระสงฆ์องคเจ้าเล่น

รู้ทั้งรู้ว่า เป็นเนื้อที่พระห้ามฉัน แต่ก็ยังทำนำมาถวาย ซึ่งการกระทำนี้แหละตายไปทำให้ไปเกิดเป็น “กุณปขาทกเปรต”

สำหรับเนื้อที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามพระนั้นมี 10 ชนิด ประกอบด้วย

1.เนื้อมนุษย์ ทรงห้ามพระฉัน รูปใดฉันต้องอาบัติถุลลัจจัย

2.เนื้อช้าง ทรงห้ามเพราะสมัยหนึ่งอัตคัดอาหารมากแล้วช้างหลวงล้มหลายเชือก ประชาชนพากันบริโภคเนื้อช้างและถวายแก่พระบิณฑบาต ซึ่งพระก็ฉันเนื้อช้าง ทำให้ชาวบ้านโพนทะนาติเตียนว่า อะไรกัน ทำไม สมณะศากยบุตรจึงฉันเนื้อช้างเล่า เพราะช้างเป็นราชพาหนะ ถ้าพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ คงไม่ทรงเลื่อมใสสมณะเหล่านั้นแน่ ดังนั้น พวกพระจึงไปกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระพุทธเจ้า แล้วพระองค์ก็ทรงบัญญัติห้ามพระไม่ให้ฉันเนื้อช้าง

3.เนื้อม้า ก็มีเรื่องราวที่มาทำนองเดียวกัน คือ ชาวบ้านพากันเพ่งโทษโพนทะนาว่า ทำไม สมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ฉันเนื้อม้า เพราะม้าเป็นราชพาหนะ ถ้าพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบคงไม่เลื่อมใสต่อสมณะเหล่านั้นแน่ พวกพระจึงไปกราบทูลพระพุทธเจ้า แล้วพระองค์ก็ทรงบัญญัติห้ามพระฉันเนื้อม้า

4.เนื้อสุนัข เรื่องราวก็ทำนองเดียวกัน ชาวบ้านพากันโพนทะนาติเตียนว่า อะไรกัน ทำไม สมณะศากยบุตรจึงได้ฉันเนื้อสุนัข เพราะสุนัขเป็นสัตว์น่าเกลียด สกปรก พวกพระจึงไปกราบทูลพระพุทธเจ้าแล้วก็ทรงบัญญัติห้ามพระฉันเนื้อสุนัข

5.เนื้องู ก็ทำนองเดียวกัน ชาวบ้านเห็นว่าเป็นสัตว์น่าเกลียดน่าชัง อีกทั้งพญานาคสุปัสสะก็กราบทูลพระพุทธเจ้าว่าพญานาคที่ไม่เลื่อมใสศรัทธาพระในพระพุทธศาสนายังมีอยู่มาก และยังเบียดเบียนพระอยู่ก็มีจำนวนไม่น้อย จึงกราบทูลขอพระพุทธเจ้า ไม่ให้พระฉันเนื้องู และทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามพระฉันเนื้องู

6.เนื้อราชสีห์ เนื่องจากมีพรานป่าฆ่าราชสีห์แล้วนำมาถวายพระบิณฑบาต พวกพระฉันเนื้อราชสีห์แล้วอยู่ในป่า ต่อมาถูกฝูงราชสีห์ฆ่าพระเสีย เพราะได้กลิ่นเนื้อราชสีห์ พวกพระจึงกราบทูลพระพุทธเจ้า แล้วทรงบัญญัติห้ามพระฉันเนื้อราชสีห์

7.เนื้อเสือ ทั้งเสือดาว เสือโคร่ง เสือเหลือง รวมเป็น 9 ซึ่งเรื่องราวก็ทำนองเดียวกับเนื้อราชสีห์ คือ พระฉันเนื้อเสือต่างๆ แล้วก็ถูกพวกเสือมาฆ่าพระเพราะได้กลิ่นของพวกเดียวกัน

10.เนื้อหมี มีคนฆ่าหมีมากินแล้วนำไปถวายพระที่เที่ยวบิณฑบาต พระฉันเนื้อหมีแล้วอยู่ในป่า เหล่าหมีก็ฆ่าพระเสียเพราะได้กลิ่นเนื้อหมี พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติห้ามพระฉันเนื้อหมี
ทั้งนี้ เนื้อสัตว์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ พระรูปใดฉัน รูปนั้นต้องอาบัติทุกกฎ

เพราะฉะนั้น สำหรับคนที่ไปเกิดเป็น|กุณปขาทกเปรต ต้องกินซากศพเป็นอาหารนั้น ก็คือคนที่รู้ว่าเนื้อเหล่านี้เป็นเนื้อต้องห้าม ไม่สมควรแก่พระ แต่ก็ยังขืนนำไปถวายพระอยู่ อย่างนี้แล้วก็ไม่ให้บาปได้อย่างไร

แต่ถ้าไม่รู้ก็ว่าไปอย่าง...

ข่าวล่าสุด

ตำรวจไซเบอร์-ทหาร ถกเข้มชายแดนสระแก้ว เตรียมรับคนไทยจากกัมพูชากลับบ้าน!