วัดพุทไธศวรรย์ กับความทรงจำครั้งวัยเยาว์
ยังจำได้ว่าเมื่อครั้งวัยเยาว์ คุณแม่สุดที่รักเล่าให้ฟังว่า “วัดพุทไธศวรรย์” นั้นเป็นวัดสำคัญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาโน้น
โดย...สืบสิน ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
ยังจำได้ว่าเมื่อครั้งวัยเยาว์ คุณแม่สุดที่รักเล่าให้ฟังว่า “วัดพุทไธศวรรย์” นั้นเป็นวัดสำคัญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาโน้น และเป็นอีกหนึ่งวัดที่ไม่โดนพม่าเผาทำลาย เนื่องจากเป็นวัดที่อยู่นอกเมือง ที่สำคัญแม่ยังบอกว่าที่นี่ยังเป็นสถานที่ฝึกมวยและดาบอันมีชื่อเสียงดังไปไกลเชียวล่ะครับ
วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ใน ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอารามหลวงที่ปรากฏตามตำนานว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างขึ้นในบริเวณที่ซึ่งเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับ เมื่อทรงอพยพมาตั้งอยู่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ที่ตรงนี้มีชื่อปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า “ตำบลเวียงเล็กหรือเวียงเหล็ก” ครั้นเมื่อสถาปนากรุงศรีอยุธยาแล้ว ถึง พ.ศ. 1896 จึงโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเป็นพระราชอนุสรณ์ ณ ตำบลซึ่งพระองค์เสด็จฯ มาตั้งมั่นอยู่แต่เดิม และพระมหากษัตริย์องค์ต่อๆ มาก็คงจะได้โปรดให้สร้างถาวรวัตถุเพิ่มเติมขึ้นอีกหลายอย่าง
อนึ่ง เมื่อเสียกรุงในปี พ.ศ. 2310 วัดพุทไธศวรรย์ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่มิได้ถูกพม่าทำลายเหมือนวัดอื่นๆ ทุกวันนี้จึงยังมีโบราณสถานไว้ชมอีกมากมายที่สร้างขึ้นในยุคสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง ปฐมบรมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้โปรดให้สถาปนาพระวิหารและพระมหาธาตุในพระตำหนักเวียงเหล็ก ซึ่งเป็นที่ประทับเดิมขณะเสด็จฯ มาตั้งมั่นอยู่เดิมขึ้นเป็นอาราม และให้ชื่อว่า “วัดพุทไธศวรรย์” เพื่อเป็นพระราชอนุสรณ์ หลังจากขึ้นครองราชสมบัติแล้ว 3 ปี
สถานที่สำคัญภายในวัดที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ พระอุโบสถ ซึ่งเดิมคือพระตำหนักเวียงเหล็ก พระธาตุ หรือพระปรางค์ใหญ่ ซึ่งเป็นศิลปะอยุธยาตอนต้น ผสมผสานศิลปะแบบขอม มีระเบียงล้อมรอบ ภายในประดิษฐานพระปูนปั้นนับร้อยองค์ ด้านข้างพระปรางค์ยังมีมณฑปข้าง เป็นที่ประดิษฐานพระประธานปูนปั้นปางมารวิชัย
นอกจากนี้ยังมีพระวิหารหลวง เป็นพระวิหารขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหน้าปรางค์ประธาน ส่วนท้ายพระวิหารเชื่อมต่อเนื่องกับระเบียงคดที่ล้อมรอบปรางค์ประธาน ฐานพระวิหารหลวงประดับบัวลูกแก้วอกไก่ ส่วนบนที่เป็นหลังคาและผนังได้ชำรุดลงไป
ที่ผมรู้สึกปลื้มใจอย่างยิ่งอีกประการก็คือที่วัดนี้ยังเป็นที่ประทับของพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างปรางค์ประธาน ผนังบางส่วนและหลังคาได้ชำรุดลงไป ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ศิลปะอยุธยาตอนต้น ซึ่งมีพุทธลักษณะที่งดงามมาก
จุดเด่นอีกประการที่วัดนี้ยังมีตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นตำหนักที่ประทับของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ฐานอาคารมีลักษณะโค้งแบบศิลปะอยุธยาตอนปลาย ช่องหน้าต่างชั้นล่างโค้งยอดแหลมแบบตะวันตก ชั้นบนมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องทศชาติชาดก ไตรภูมิ และภาพตำนาน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ไปนมัสการพระพุทธบาทที่ลังกาทวีป โดยฝีมือช่างอยุธยาตอนปลายที่เหลือไม่ถึง 10 แห่งในประเทศไทย ปัจจุบันภาพจิตรกรรมมีสภาพเลือนรางไปมากแล้ว และด้านข้างยังมีหอระฆังเหลี่ยมทรงแปลกตา มีแผนผังคล้ายรูปดาว อันเป็นการประดิษฐ์คิดค้นรูปแบบใหม่ๆ ของช่างโบราณในสมัยนั้น
วัดแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของสำนักดาบ พุทไธศวรรย์ โรงเรียนที่สอนกระบี่ กระบอง และดาบโบราณ รวมไปถึงการชกมวยโบราณที่ผู้คนยุคนั้นรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งบางวันจะมีการฝึกซ้อมเพลงดาบของสำนักดาบวัดพุทไธศวรรย์อันลือชื่อให้ชมอีกด้วย
วัดพุทไธศวรรย์ยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าสำนักองค์จตุคามรามเทพ ดูจากมณฑปขนาดมหึมาที่ประดิษฐานองค์พ่อจตุคามให้ได้สักการะอีกด้วยนะครับ
ความทรงจำเมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อยก็เริ่มฉายชัดอีกครั้งเมื่อได้มาเยือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อีกครั้ง


