posttoday

จ้าวควงยิ่น เลี่ยงความรุนแรงซ้ำรอยด้วยระบบ

09 พฤษภาคม 2559

ถ้าไม่นับฮ่องเต้หุ่นเชิด ในประวัติศาสตร์จีนฮ่องเต้ผู้สถาปนาราชวงศ์ใหม่ที่ขึ้นสู่ตำแหน่งง่ายที่สุดคงไม่มีใครเกิน

โดย...นิธิพันธ์ วิประวิทย์

ถ้าไม่นับฮ่องเต้หุ่นเชิด ในประวัติศาสตร์จีนฮ่องเต้ผู้สถาปนาราชวงศ์ใหม่ที่ขึ้นสู่ตำแหน่งง่ายที่สุดคงไม่มีใครเกินฮ่องเต้ผู้สถาปนาราชวงศ์ซ่ง จ้าวควงยิ่น

ง่ายเหมือนฝัน

จ้าวควงยิ่นเป็นแม่ทัพผู้ได้รับความไว้ใจจากฮ่องเต้โจวซื่อจงแห่งราชวงศ์โฮ่วโจว แต่หลังจากโจวซื่อจงสวรรคต ฮ่องเต้องค์ถัดมาอายุแค่ 7 ขวบ

แผ่นดินช่วงนั้นแตกแยกเป็นหลายแคว้น บ้านเมืองระส่ำระสาย

ขณะนำทัพไปต้านศัตรู แม่ทัพทั้งหลายหารือกันว่า ฮ่องเต้ใหม่ยังเยาว์ บ้านเมืองยังอ่อนแอ ดูแลลำบาก ลูกพี่จ้าวควงยิ่นที่เราร่วมรบมาแรมปี มีความเป็นผู้นำ คุณงามความดีของพวกเรา เราทำลูกพี่เห็น ไม่ต้องอ้อมผ่านคำเพ็ดทูลขุนนางในวัง ซึ่งอนาคตจะแกว่งไกวไปทางไหน ก็แล้วแต่ฮ่องเต้น้อยกับกลุ่มขุนนาง สถานการณ์ตอนนี้ มิสู้ยกท่านแม่ทัพจ้าวควงยิ่นขึ้นเป็นฮ่องเต้เลยดีกว่า

จ้าวควงยิ่นตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น แม่ทัพนายกองที่เป็นลูกน้องทั้งหลายก็เอาเสื้อคลุมพญามังกรมาสวมให้ ปฏิเสธเท่าไรก็ไม่ฟัง จำใจ๊จำใจต้องเป็นฮ่องเต้ราชวงศ์ใหม่แต่โดยดี

จ้าวควงยิ่นได้รับการสนับสนุนจากเหล่าแม่ทัพอย่างเต็มที่ อาจเป็นเพราะกระแสยุคนั้นเกิดการเทกโอเวอร์แว่นแคว้นกันเป็นเรื่องปกติ และแม่ทัพนายกองก็คือลูกน้องร่วมรบกันมาทั้งนั้น

กระนั้นก็ตาม การเทกโอเวอร์ของจ้าวควงยิ่นจัดว่าศิวิไลซ์ เพราะทันทีที่จ้าวควงยิ่นได้เป็นฮ่องเต้อย่างไม่คาดคิด ก็สั่งห้ามทำร้ายฮ่องเต้และพระญาติ รวมถึงขุนนางใหญ่ทั้งหลายในราชสำนัก รวมถึงห้ามปล้นชิงท้องพระคลัง ใครฝ่าฝืนมีโทษสถานหนัก

ด้วยคำสั่งชัดเจนและการประสานงานอย่างดี จ้าวควงยิ่นจึงยกทัพกลับและควบคุมเมืองหลวงได้อย่างง่ายดาย จ้าวควงยิ่นสถาปนาราชวงศ์ซ่งอย่างค่อนข้างเรียบเนียนไร้รอยต่อ

เรียบเนียนที่สุดเท่าที่ฮ่องเต้ผู้สถาปนาราชวงศ์ใหม่คนหนึ่งจะทำได้

ขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นเรื่องง่าย แต่รักษาตำแหน่งเป็นเรื่องยาก

นับแต่จ้าวควงยิ่นขึ้นเทกโอเวอร์ราชวงศ์โฮ่วโจว ชายแดนยังไม่สงบสุขจากแคว้นอื่น ส่วนในอาณาจักรเองก็มีเจ้าเมืองแข็งข้อประปราย เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการขึ้นครองราชย์ของจ้าวควงยิ่น

จ้าวควงยิ่นใช้ความสามารถฉบับแม่ทัพปราบปรามด้วยกำลัง แม้ไม่จบด้วยความรวดเร็วนัก แต่ก็สยบได้ในที่สุด

ปัญหาหนักใจของจ้าวควงยิ่น จึงไม่ใช่เรื่องศัตรูภายนอก

จ้าวควงยิ่นครุ่นคิด ตั้งแต่แผ่นดินแยกเป็นแคว้นต่างๆ เกิดเหตุแม่ทัพใหญ่ในแต่ละแคว้นเทกโอเวอร์เปลี่ยนราชวงศ์เป็นว่าเล่น ตำแหน่งที่ตนได้มาก็เป็นกระบวนการไม่ต่างกัน จะทำอย่างไรไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

จ้าวควงยิ่นเห็นโชคของตน มีความเสี่ยงรวมอยู่ด้วย

ตอนเป็นแม่ทัพ ถ้ามีไหวพริบพอ เมื่อเข้าตาจนทางการทหารกับแคว้นอื่นก็ยังสวามิภักดิ์กับฝั่งศัตรู หากเข้าตาจนทางการเมืองก็ยังพอขออำลาตำแหน่งกลับไปเป็นสามัญชน แต่ขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้วทางลงไม่เหลือ อย่าได้คิดลงหลังเสือ ทางออกเดียวก็คือทำให้หลังเสือมั่นคง

หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบจึงพบว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพราะแม่ทัพและเจ้าเมืองกุมกำลังทหารมากเกินไป ความมั่นคงภายในแต่ละอาณาจักรจึงคลอนแคลน

วันหนึ่งจ้าวควงยิ่นเชิญบรรดาลูกน้องเก่า ซึ่งบัดนี้ต่างกลายเป็นแม่ทัพรุ่นสร้างชาติแห่งอาณาจักรซ่งมาทานข้าวแกล้มเหล้า ดื่มจนกรึ่มได้ที่จึงกล่าวออกมาว่า

“นับแต่ข้าเป็นฮ่องเต้มา นอนหลับไม่เป็นสุขเลยสักคืน”

ลูกน้องเก่างุนงง “ฝ่าบาทมีแผ่นดินกว้างใหญ่เป็นอาณาจักร ไฉนจะเกิดอาการนอนไม่เป็นสุขได้”

“ฮ่องเต้ ใครๆ ก็อยากเป็นกันทั้งนั้น พวกท่านเข้าใจมั้ย”

แม่ทัพทั้งหลายไอคิวไม่ต่ำ ยิ่งเพิ่งผ่านเหตุการณ์ยกตำแหน่งฮ่องเต้ให้ลูกพี่ไป จึงเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่

“บัดนี้บ้านเมืองสงบลงแล้ว ฝ่าบาทจะกังวลไปไย ที่อยู่ต่อหน้าท่านทุกคน ก็กากี่นั้งกันทั้งนั้น ไม่มีทางคิดเป็นอื่นได้เลย” แม่ทัพทั้งหลายลนลาน

“วันที่พวกท่านคลุมเสื้อคลุมมังกรให้ข้า เพราะเห็นข้าเป็นผู้นำที่ร่วมรบด้วยกันมา ถ้าข้าเป็นฮ่องเต้ พวกท่านก็ย่อมรับยศถาบรรดาศักดิ์เป็นแม่ทัพผู้ร่วมก่อตั้งราชวงศ์ อันที่จริง ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะระแวงพวกท่าน แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าลูกน้องพวกท่านจะไม่คิดยกระดับฐานะ ด้วยการคลุมเสื้อคลุมมังกรให้กับพวกท่านบ้าง”

แม่ทัพยิ่งลนลาน “ขอพระราชทานทางออกแก่พวกกระหม่อมด้วย”

จ้าวควงยิ่นจัดให้ ทางออกค่อนข้างสันติ คือตัดอำนาจการทหารเข้าสู่ราชสำนัก แล้วจัดบำเหน็จบำนาญ บ้านพัก และทรัพย์สิน ให้กับแม่ทัพนายกองเหล่านี้เสพสุขกันถ้วนหน้า เสร็จนาพักโคถึก เสร็จศึกเกษียณขุนพล

เพียงยกเหล้าจอกเดียวเท่านั้น อำนาจทหารทั้งหมดก็กลับมาอยู่ในมือฮ่องเต้

จ้าวควงยิ่นยังทำแบบเดียวกันนี้กับเจ้าเมืองต่างๆ หลักการนี้ถูกใช้ตลอดราชวงศ์ซ่ง คือลดอำนาจแม่ทัพ ให้อำนาจขุนนางฝ่ายบุ๋น กลายเป็นวิธีแก้วิกฤตความไม่มั่นคงภายในที่ได้ผลอย่างมีนัยสำคัญ

ราชวงศ์ซ่งยืนหยัดอยู่นานกว่า 300 ปี โดยมีศึกจากความวุ่นวายภายในน้อยมาก เมื่อเทียบกับราชวงศ์อื่นๆ

เราแย่งชิงผลประโยชน์จากมือผู้อื่นได้ ผู้อื่นก็ย่อมแย่งชิงผลประโยชน์จากมือเราได้ เป็นวิธีคิดที่เข้าใจได้ไม่ยาก นี่คือความคิดเชื่อมโยง เป็นศักยภาพหนึ่งที่มนุษย์พึงมี

จ้าวควงยิ่นไม่ได้มองตนเองเป็นที่ตั้งว่าเป็นผู้โชคดีมีบุญถูกเลือกเพียงหนึ่งเดียว แต่มองเห็นกระบวนการ ปัจจัย และระบบที่พบว่าเรื่องแบบนี้อาจซ้ำรอย โดยมีคนอื่นๆ เล่นเป็นพระเอกแทน

แต่ฮ่องเต้หลายพระองค์เห็นมุมนี้แล้วจบอยู่แค่การแก่งแย่งมากขึ้น โหดเหี้ยมมากขึ้น และมักจบด้วยการนองเลือด

แต่จ้าวควงยิ่นเป็นฮ่องเต้ศิวิไลซ์ ทุกๆ ย่างก้าวพยายามหลีกเลี่ยงการหักหลัง หักเหลี่ยม และรุนแรง ทางออกจึงแก้ด้วยการใช้ระบบและการเจรจาแต่เนิ่นๆ

การเฝ้าทำลายคู่ต่อสู้โดยเฉียบพลัน หรือทำร้ายคู่ต่อสู้ (หรือผู้ที่ถูกระแวงว่าเป็นคู่ต่อสู้) โดยไม่เป็นธรรม ไม่เคยจบปัญหาได้ โดยเฉพาะปัญหาภายในสังคมเดียวกันเอง ซึ่งปัญหาจะวนลูปด้วยการฉวยโอกาสตอนแต่ละฝ่ายได้เปรียบคว่ำกันไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า หาสมดุลไม่เจอ และเกิดแต่โศกนาฏกรรมที่ไม่จำเป็น

ปรีชาสามารถแบบจ้าวควงยิ่น ถ้าอยู่ในผู้นำสังคมภายในองค์กรย่อมมั่นคง ส่วนถ้าปรีชาสามารถแบบจ้าวควงยิ่นอยู่ในผู้คน สังคมจะศิวิไลซ์ เพราะแทนที่เราจะโจมตีกันเป็นบุคคล ฉวยโอกาสใช้ความได้เปรียบของฝ่ายเราเป็นกรณีๆ ไป ผู้คนจะมานั่งหาช่องโหว่ของระบบที่ควรจัดการ

ข่าวล่าสุด

สีหศักดิ์แถลง ไทยยันต้องเจรจาทวิภาคี นัดกัมพูชาถก GBC คุยรายละเอียดหยุดยิง 24 ธ.ค.