เลสเตอร์กับวิธีจัดการแบบ "Moneyball"
เฟซบุ๊ก Kornkit Disthan
เฟซบุ๊ก Kornkit Disthan
ขอโหนเรื่องเลสเตอร์สักเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะเจ้าของเป็นคนไทยแล้วต้องภูมิใจ แต่ผมเพิ่งจะทราบว่ามีคนตั้งข้อสังเกตมาระยะหนึ่งเรื่องเลสเตอร์ใช้วิธีการจัดการทีมแบบ Moneyball เรื่องนี้น่าสนใจกว่าเจ้าคุณธงชัยอีกนะครับ และสื่อต่างประเทศก็สนใจกันมากกว่าเพราะแสดงให้เห็นว่าทฤษฎี Moneyball ได้ผลกับฟุตบอลด้วย
Moneyball เป็นหนังเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน มีแบรด พิต เป็นดารานำ แต่ผมว่าคนที่ไม่สนใจเบสบอลหรือการชิงไหวพริบด้านบริหารคงเบื่อวายป่วง (ขนาดผมชอบเบสบอลยังดูไปเบื่อไป) หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของทีมเบสบอลโอ๊กแลนด์ แอทเลติก ที่เจอปัญหาขาลงตัวเล่นเด่นๆ ย้ายทีมเกือบหมด แถมทีก็งบจำกัด ดูจากสถานการณ์แล้วแทบจะเอาตัวรอดยังลำบาก ผู้จัดการคนใหม่คือ บิลลี่ บีน (แบรด พิต) ใช้วิธีไม่เหมือนใครด้วยการไม่ซื้อตัวเล่นเก่งๆ แค่ต่าตัวสูงมันซะเลย และเลิกเชื่อความเห็นของแมวมองที่เน้นหาตัวเล่นเก่งแบบวันแมนโชว์ เขาใช้วิธีสำรวจสถิติการเล่นหาผู้เล่นที่ฝีมือเยี่ยมแต่ค่าตัวต่ำกว่าความเป็นจริง ตอนเปิดฤดูกาลโอ๊กแลนด์ผลงานเละเทะมากจนคนคิดว่าบีนคงไม่รอดแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นาน โอ๊กแลนด์ เริ่มจับทางได้และชนะรวดติดต่อกัน 20 เกม ทำลายสถิติของเบสบอลตลอดกาล แต่สุดท้ายทำได้แค่หวิดได้แชมป์
เลสเตอร์ใช้วิธีเดียวกัน คือไม่เน้นซื้อตัวแพง แต่เน้นทุ่มเทกับโค้ชและการฝึก (แต่ก็ใช้เงินซื้อนักบอลสูงสุดเเป็นประวัติการณ์เช่นกัน) แนวทางของเลสเตอร์ไม่เน้นครองบอลแบบทีมใหญ่ (จะเห็นว่าเดอะฟ็อกซ์มีอัตราครองบอลน้อยมาก) แต่เน้นเคาเตอร์แอทแทกด้วยระบบ 4-4-2 ที่คนมองว่าล้าสมัยและทีมส่วนใหญ่ไม่ใช้กันแล้ว
แต่เลสเตอร์รู้ตัวว่าตัวเองเหมาะกับโหมดนี้ เพื่ออุดช่องโหว่กัมบิกัสโซ มิดฟิลด์จอมเก๋าที่ย้ายทีมไป และหาผู้เล่นที่เหมาะกับระบบนี้มากว่าผู้เล่นเก่งๆ เหมือนกับ Moneyball ก็คือตัวเล่นไม่ต้องแพง แต่ทักษะดีเยี่ยมเข้ากับยุทธศาสตร์ของทีมอย่างเหมาะเจาะ
สุดท้ายก็ได้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มาซึ่งคนไม่รู้จัก แต่สถิติการตัดลูกดีที่สุดในลีกฝรั่งเศส 2 ปีซ้อน ส่วน วาร์ดี้ กับ มาห์เรซ นั้นรู้ๆ กันว่าค่าตัวถูกสุดขีดแต่ทักษะความไวดีเยี่ยม
ไม่รู้ว่าเลซเตอร์ใช้กลยุทธ์แบบ Moneyball หรือเปล่า แต่ถ้าใช้ วิธีการคัดตัวเล่นจะต้องพิจารณาการประเมิน KPIs (ใครเรียนบริหารคงคุ้นกันดี) พูดง่ายๆ คือจะซื้อนักบอลแค่จากทักษะแบบวันแมนโชว์ แล้วทุ่มเงินซื้อไม่ได้ ต้องเก็บสถิติการเล่นแบบทีมเวิร์กในระยะยาว ผู้เล่นต้องบาดเจ็บน้อยที่สุด มีอัตราการทำเสียต่ำ มีทักษะดีแต่ราคาถูก ไม่ใช่ทักษะเทพแต่เจ็บแล้วเจ็บอีก แถมอีโก้สูงทำทีมป่วนไปหมด
สุดท้ายเลสเตอร์กลายเป็นความสำเร็จยิ่งกว่าโอ๊กแลนด์ แอทเลติก เพราะนอกจากจะชนะรวดหลายยกยังคว้าแชมป์ในที่สุด เรื่องฟลุกน่ะอาจะเป็นไปได้ แต่ผมให้เครดิตการบริหารมากกว่า (รวมเจ้าบารมีเจ้าคุณธงชัยด้วยก็ได้ถ้าใครชอบทางนี้)
ช่วงหลังมีคนพูดกันมากครับว่าทีมใหญ่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแต่ผลที่ได้ผลยับเยินสิ้นดี บางทีฤดูกาลหน้าต้องทบทวนยุทธศาสตร์การจัดการกันใหม่ก็เป็นได้ เหมือนทีมเบสบอลใหญ่คือเรดซ็อก ที่ยืมสูตร Moneyball จนได้แชมป์ในที่สุด
หลักคืออยากได้ชัยชนะต้องถามตัวเองว่าชัยชนะควรได้มาด้วยทักษะอย่างไร แล้วค่อยจ่ายเงินซื้อคนที่มีทักษะอย่างนั้น ไม่ใช่เห็นอะไรดีก็ซื้อมากองๆ ไว้ แต่เล่นไม่เข้าขากัน เหมือนคำโปรยใบปิดหนังที่ผมนำมาประกอบ คือ What are you really worth หมายความว่าจริงๆ แล้วผู้เล่นมี "มูลค่าที่แท้จริง" เท่าไรกัน?
เลสเตอร์รู้วิธีใช้เงินให้สมกับมูลค่าจริง และนักบริหารกำลังศึกษาสูตรของเลสเตอตร์กันอย่างเมามันกันเลยทีเดียว
*ป.ล. - แหม่ นานๆ ทีจะเขียนเรื่องกีฬา


