ตุงซาววา ตำนานแห่งเขลางค์นคร
พื้นที่อันกว้างใหญ่ทางแถบภาคเหนือของไทย ในอดีตเคยมีอาณาจักรมากมายหลายเมือง
โดย...ประกฤษณ์ จันทะวงษ์
พื้นที่อันกว้างใหญ่ทางแถบภาคเหนือของไทย ในอดีตเคยมีอาณาจักรมากมายหลายเมือง แต่ละแห่งก็มีวิถีวัฒนธรรมและตำนาน ดังเช่น ที่ อ.งาว จ.ลำปาง ซึ่งมีตำนานเกี่ยวกับเจ้าแม่สัปปะกิ และประเพณีตุงซาววา ซึ่งมีความสำคัญกับคนในชุมชนมาจนถึงทุกวันนี้
ตามตำนานเจ้าแม่สัปปะกิ (สรรพกิจ ในภาษากลาง) เป็นเจ้าผู้ปกครองเมืองง้าวเงิน(อ.งาว ในปัจจุบัน) ได้อพยพผู้คนมาจากเมืองลับแล (อุตรดิตถ์) รวบรวมผู้คนสร้างเมืองใหม่ขึ้น ต่อมาเจ้ากะระปัตผู้เป็นพี่ชายและครองเมืองภูกามยาว (เมืองพะเยา) ได้ปลอมตัวเป็นขอทานเพื่อลองใจขออาหารกินแต่ทหารของเจ้าแม่กลับให้ข้าวเน่าแทน ทำให้เจ้ากะระปัตโกรธมาก ยกทัพกลับมาตีเมืองง้าวเงินจนแตกพ่าย และกำลังจะสังหารเจ้าแม่สัปปะกิ แต่ด้วยบุญบารมีในอดีตชาติ เจ้าแม่เคยช่วยหอยทาก 2 ตัวไว้ หอยทากดังกล่าวได้ไปเกิดเป็นเทพธิดาบนสวรรค์ และได้ส่งตุงลงมาช่วยให้เจ้าแม่สาวสาวขึ้นหนีจากภยันตรายได้หวุดหวิด เป็นที่มาของประเพณีตุงซาววาของ อ.งาว จนถึงทุกวันนี้
ท่ามกลางแดดอันร้อนจัด ในวันที่ 17 เม.ย. 2559 ประชาชนจำนวนมาก ทั้งพ่อเฒ่าแม่เฒ่าต่างหอบลูกจูงหลานมาที่วัดพระธาตุม่อนทรายนอน ต.หลวงใต้ อ.งาว จ.ลำปาง ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานในวันที่ 17 เม.ย.ของทุกปี
ด้านนอกศาลาวัดมีการใส่บาตร 108 เหรียญ ไหว้พระพุทธรูปประจำวันเกิด ประชาชนเข้าแถวรอสรงน้ำพระ หน้าศาลาวัดมีกองตั้งเครื่องบวงสรวง ซึ่งประกอบไปด้วยดอกไม้ธูปเทียนและอาหาร โดยรอบงานพ่อค้าแม่ค้าต่างตั้งร้านขายของประเภทน้ำอัดลม ขนมและของปิ้งย่างอย่างงานวัดทั่วไป
เริ่มงานในช่วงสายของวันคุณแม่ศรีวรรณคำใต้ ซึ่งเป็นร่างทรงของเจ้าแม่สัปปะกิ ทำการไหว้บูชาที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ประชาชน ตั้งขบวนแห่ตุงซาววา (ผ้าที่ทอจากฝ้ายยาว 20 วา ที่ชาวบ้านร่วมกันทำขึ้นเพื่อประเพณีนี้)นำหน้าโดยสาวในชุดพื้นบ้านร่ายรำฟ้อนเล็บ ตามด้วยขบวนชาวบ้านช่วยกันแบกตุงซาววาเข้าสู่ศาลาวัด
ภายในศาลาวัดผู้คนแน่นขนัดทุกคนต่างจับจองที่นั่ง นำด้ายสายสิญจน์ที่ร้อยเป็นแพยาวในศาลา ลงมาสวมที่หัว ก่อนพระจะเริ่มพิธีกรรมนำสวดเป็นพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ สืบดวงต่อชะตา ตามความเชื่อของชาวพื้นเมืองที่จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว รอดพ้นจากภัย อันตรายทั้งปวง
พอเสร็จพิธีผู้คนต่างดึงด้ายสายสิญจน์เหล่านั้นกลับบ้านไปบูชา ผู้ข้อมือให้ตนเอง หรือลูกหลาน และได้แบ่งปันน้ำส้มป่อย (น้ำมนต์) ซึ่งผ่านพิธีสะเดาะเคราะห์ใส่ขวดใส่ถุงกลับบ้าน ไปพรมหัวให้บุตรหลานหรือผู้ที่ไม่ได้มางาน เพื่อความเป็นสิริมงคล
พระเริ่มพิธีเจิมตุง หลังจากนั้นนายกเทศมนตรีเทศบาลงาวและนายอำเภองาว ก็นำขบวนยกตุงขึ้นเหนือหัว แบกและแห่ออกมานอกศาลาวัดไปวนรอบเสา 3 รอบ ตุง 20 วา ถูกแผ่ออก ผู้คนต่างเข้ารุมล้อมจับตุงเพื่อร่วมขบวน รถน้ำของทางเทศบาลที่เตรียมไว้ ทำการฉีดน้ำใส่ขบวนแห่ตุง เพื่อความชุ่มฉ่ำในช่วงเที่ยงของวันที่อากาศแสนจะร้อน เด็กๆ ต่างชอบใจวิ่งเล่นน้ำด้วยความสนุกสนานก๋องปู่จา (กลองบูชา) จำนวน 9 กลอง ตีบรรเลงสร้างความคึกคักให้ขบวนแห่
ในอดีตจะไม่ได้ใช้รถฉีดน้ำอย่างในปัจจุบันจะเป็นการสาดน้ำ เหมือนกับการเล่นสงกรานต์ แต่ปัจจุบันน้ำน้อย เลยใช้วิธีฉีดแทน
เมื่อวันครบ 3 รอบ ก็อัญเชิญตุงขึ้นสู่ยอดเสา ร่างทรงเจ้าแม่สัปปะกินำขบวนร่างทรงอีกมากมาย อาทิ ร่างทรงพญานาค ร่างทรงปู่คำแดง ร่างทรงเจ้านางเรือร่ม และประชาชนทุกคน ออกร่ายรำอย่างสนุกสนานรอบเสา เพื่อเป็นการบูชาตุง ตอนนี้ร่างทรงทุกคนอยู่ในภวังค์กันหมด ผมเองก็ลืมตัว เนื่องจากตรงที่เหล่าร่างทรงร่ายรำกันอยู่มุมภาพไม่สวยจึงไปขอร้องให้ร่างทรงช่วยมายืนร่ายรำตรง ที่เห็นเสาตุงซาววาชัดเจน และได้มุมที่สวยกว่า แต่พูดกับร่างทรงคนไหน ก็ไม่มีใครสนใจผมเลย มีร่างทรงคนหนึ่งเหลือกตาโต หันมามองผมพักใหญ่ (บรึ๋ย...) แล้วก็หันกลับไปฟ้อนรำตามเดิม ผมนี่ใจหายหล่นไปอยู่ตาตุ่มเลย ไม่เอาแล้วรูปไม่สวยก็ช่าง ไปดีกว่า “กลัว กลัว กลัว...”
หลังเสร็จสิ้นพิธีกรรม ร่างทรงเจ้าแม่สัปปะกิทำการทำนายตามความยาวของตุงว่า “ปีนี้จะแล้งหนัก น้ำจะน้อยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบหลายปี การเกษตรกรรมจะเดือดร้อนหนัก” ซึ่งได้สร้างความวิตกกังวลให้กับทุกคน แต่ยอมรับกับคำทำนาย และเตรียมการวางแผนการดำเนินภาคเกษตรสำหรับภัยแล้งที่จะมาเยือน
เป็นตำนานที่เนิ่นนานมาก ปัจจุบันชาวบ้านหลายคนแม้คนเฒ่าคนแก่เอง ก็ไม่รู้ซึ่งตำนานเจ้าแม่สัปปะกิเลยว่าเกี่ยวข้องกับตุงอย่างไร
“ตุงซาววา” มองส่วนหนึ่งอาจเป็นเพียงความเชื่อตามตำนาน แต่หากมองอีกมุม พิธีกรรมนี้ได้สร้างความสามัคคีให้กับคนในชุมชน ตั้งแต่การช่วยกันทำผ้าตุง ซึ่งต้องอาศัยแรงงานผู้มีฝีมือจำนวนมาก การเตรียมงานในหลายส่วนให้เสร็จก่อนวันงาน ความสวยงามและความสำเร็จเมื่อตุงขึ้นสู่เสาแล้ว คือความภาคภูมิใจของผู้คนที่นี่
ในพิธีกรรมแห่งตำนานผมได้เห็น ความร่วมมือร่วมใจ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ที่นี่ผมดูไม่ออกเลยว่าใครรวยหรือจนทุกคนมีเหมือนกันหมดคือ มิตรภาพและรอยยิ้ม...
ตำนานและประเพณีตุงซาววา ที่วัดพระธาตุม่อนทรายนอน อ.งาว จ. ลำปาง 17 เมษายน 2559


