ภาพลักษณ์ใหม่ตุ๊กตาบาร์บี้ สะท้อนนิยามความงาม ของโลกยุคนี้
ค่านิยมแบบเดิมๆ ที่เพื่อนเล่นของเด็กผู้หญิงที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกก็คือ ตุ๊กตาบาร์บี้จะต้องมีผิวสีขาวนวล ผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้าเท่านั้น
โดย...วราภรณ์ ภาพ : วังเด็ก ทอย แลนด์ และคลังภาพโพสต์ทูเดย์
ค่านิยมแบบเดิมๆ ที่เพื่อนเล่นของเด็กผู้หญิงที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกก็คือ ตุ๊กตาบาร์บี้จะต้องมีผิวสีขาวนวล ผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้าเท่านั้น จึงจะเรียกว่าสวยสมบูรณ์แบบตามแบบฉบับผู้หญิงอเมริกัน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปที่ผู้หญิงมีค่านิยมความงามที่หลากหลายมากขึ้น แมทเทล ผู้ผลิตตุ๊กตาบาร์บี้สัญชาติอเมริกัน จึงต้องปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตุ๊กตาให้มีความงามอันหลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับค่านิยมผู้คนบนโลกที่มีเชื้อชาติที่แตกต่างกัน ถือเป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของบาร์บี้ที่เคยทำมา
บาร์บี้ภาพลักษณ์ใหม่ได้ฤกษ์เปิดตัวเมื่อปีปลายที่แล้วที่สหรัฐอเมริกา และกำลังออกวางจำหน่ายในเอเชียราวเดือน มิ.ย.นี้สำหรับเมืองไทย นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดย “วังเด็กทอยส์แลนด์” ซึ่งได้เผยโฉมตุ๊กตาบาร์บี้คอลเลกชั่นปี 2016 ที่มาด้วยภาพลักษณ์ใหม่ที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งแฟชั่น รูปร่าง หน้าตา สีผิว เสริมสร้างค่านิยมใหม่ให้มองเห็นถึงความงามที่แตกต่างกัน ตามแนวคิด “Barbie : You Can Be Anything” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กทั่วโลกได้สานต่อจินตนาการและความใฝ่ฝันผ่านการเล่นตุ๊กตา
บาร์บี้ โฉมใหม่หลากหลายกว่าเดิม
พิมพ์พิศา ชุณหเสนีย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วังเด็กทอยส์แลนด์ เปิดเผยว่า บาร์บี้เป็นของเล่นคู่ใจของเด็กผู้หญิงทั่วโลกมายาวนานถึง 58 ปี มีการจำหน่ายตุ๊กตาบาร์บี้กว่า 10 ล้านตัวใน 150 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมาบาร์บี้ได้มีการปรับลุคใหม่โดยผลิตตุ๊กตาบาร์บี้จำนวน 33 แบบ ที่มีทั้งสีผิว สีผมที่ต่างกัน และยังมีบาร์บี้ที่ไม่ได้สวมแต่รองเท้าส้นสูง เนื่องจากที่ผ่านมาบาร์บี้ถูกจำกัดให้มีความสวยในแบบผู้หญิงอเมริกัน ที่มีรูปร่าง สีผมและสีผิวที่คล้ายกันมาโดยตลอด บาร์บี้จึงต้องการสร้างทัศนคติและมุมมองที่มีต่อความงามอันหลากหลายเหมือนกับผู้คนบนโลกที่มีเชื้อชาติที่แตกต่างกัน
การเพิ่มความหลากหลายทางกายภาพให้กับบาร์บี้ครั้งนี้ มีใบหน้าที่แตกต่างกันถึง 14 แบบ มีสีผมทั้งหมด 30 เฉด ทรงผม 24 ทรง สีตา 22 สี และมีสีผิวที่ต่างกันถึง 7 สี รวมทั้งรูปร่างของตุ๊กตาบาร์บี้ จากเดิมที่มีเพียงรูปร่างมาตรฐานแบบเดียว ก็เพิ่มเป็น 4 แบบ ได้แก่ รูปร่างทรงมาตรฐาน รูปร่างทรงเคิร์ฟวี่ (Curvy) ที่มีรูปร่างเจ้าเนื้อมากกว่ารุ่นมาตรฐาน รูปร่างทรงเปอติต (Petite) ที่มีรูปร่างบอบบางกว่ารุ่นมาตรฐาน และรุ่นทอลล์ (Tall) ที่จะมีความสูงโปร่งกว่ารุ่นมาตรฐาน ซึ่งในความหลากหลายเหล่านี้ บาร์บี้ต้องการสะท้อนให้เห็นว่าทุกคนมีความสวยงามในแบบฉบับของตัวเอง โดยไม่ได้จำกัดว่าความงามจะต้องมีรูปร่างหน้าตาแบบใดแบบหนึ่งเพียงแบบเดียว
มุมมองความงามที่เปลี่ยนไป
บาร์บี้ นิวลุก ถือเป็นการปรับภาพลักษณ์ที่สะท้อนการมองความงามของผู้หญิงของโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว นอกจากความแตกต่างด้านรูปร่างหน้าตาแล้ว ในปีนี้บาร์บี้ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ด้วยแนวคิด “Barbie : You Can Be Anything” เพื่อเปิดโลกจินตนาการให้กับเด็กๆ ซึ่งมาในซีรี่ส์อาชีพต่างๆ เราจะได้เห็นบาร์บี้เป็นคุณหมอ พยาบาล นักบิน นักดับเพลิง นักกีฬาฟิกเกอร์สเกต เป็นต้น
พิมพ์พิศา กล่าวต่อว่า การปรับภาพลักษณ์ของบาร์บี้ ณ จุดนี้สะท้อนว่าแมทเทลอเมริกาได้เล็งเห็นถึงสาระคือ ภาพลักษณ์ความงามของผู้หญิงได้เปลี่ยนไปทั้งโลกแล้ว ไม่ใช่จำกัดอยู่แค่สหรัฐ และไม่ใช่เพียงแมทเทลที่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตุ๊กตา เพราะเทรนด์นางแบบของโลก นางแบบหุ่นตุ้ยนุ้ยก็เป็นนางแบบเดินบนแคตวอล์กระดับโลกได้ จึงส่งผลให้มุมมองของผู้ผลิตในแต่ละวงการเปลี่ยนไป จึงเป็นที่มาที่ไปของการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของบาร์บี้ซึ่งเป็นความตั้งใจของผู้ผลิตบาร์บี้ให้สอดคล้องกับสภาวะโลกในปัจจุบันมากขึ้นนั่นเอง
“เด็กยุคปัจจุบันไม่จำเป็นต้องเล่นตุ๊กตาหุ่นเพรียวสวยงามเหมือนนางแบบอีกแล้ว เพราะมีตุ๊กตาให้เด็กๆ เลือกได้หลากหลาย ซึ่งแมทเทลอเมริกาปรับลุคของบาร์บี้มาตลอด 58 ปี เช่น สมัยก่อนบาร์บี้จะหน้าฝรั่งมากๆ เช่น สีตา สีผม การแต่งหน้าออกมาลุคฝรั่งเลย แต่ก็มีการปรับมาเรื่อยๆ เริ่มมีความเป็นเอเชียมากขึ้น เพราะแมทเทลขยายตลาดมาทางฝั่งเอเชีย เขาก็ต้องผลิตตุ๊กตาที่เอาใจคนเอเชีย เพื่อให้มีรูปลักษณ์อะไรที่ใกล้เคียงกับชาวเอเชีย อย่างในอเมริกาสินค้า 1 เอสเคยู หรือสินค้าหนึ่งไอเท็ม เช่น บาร์บี้ แฟชั่นนิสต้าก็จะมีหลายๆ แบบคละกันมา อาจเป็นผมบลอนด์ ผมดำ ผมสีทอง หรือส่งไปขายที่ญี่ปุ่นเขาจะผลิตชุดกิโมโนซึ่งเป็นชุดประจำชาติ หรือไปประเทศไทยเขาจะทำชุดประจำชาติของประเทศนั้นๆ จำหน่ายด้วย”
บาร์บี้ใหม่ไม่ใช่แค่ความเพ้อฝันของเด็กหญิง
การปรับภาพลักษณ์ของบาร์บี้ ค.ศ. 2016 ถือเป็นการปรับภาพลักษณ์ของตุ๊กตามากที่สุด เรียกว่าเป็นวิวัฒนาการของบาร์บี้เลยก็ว่าได้ กล่าวคือ ปรับรูปลักษณ์ของหญิงสาวตุ๊กตาบาร์บี้ให้มีมากถึง 33 แบบก้าวล้ำจากหุ่นเพรียว ขาสวย มาเปิดใจทำบาร์บี้ตัวเตี้ย อวบอ้วนด้วย หรือทำขนาดเปอติต คือตัวเล็กเพื่อให้เหมาะกับคนเอเชียมากขึ้น ตลอดจนมีขนาดไซส์ที่ผอมบาง อวบจริงๆ ซึ่งไม่ใช่ไซส์คนปกติ ซึ่งคาดว่าเมื่อบาร์บี้ปรับโฉมครั้งใหญ่แล้ว จะทำให้ฐานลูกค้าบาร์บี้ในประเทศไทยโตมากขึ้น
“บาร์บี้เป็นตุ๊กตาในตำนาน ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะเป็นที่พูดถึง เพราะได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ตลาดเมืองไทยเองก็มีลูกค้าประจำอยู่แล้ว ซึ่งสหรัฐเพิ่งลอนช์บาร์บี้ภาพลักษณ์ใหม่ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ดังนั้นแฟนคลับภาคพื้นเอเชียต้องรอถึงกลางปี แต่ก็มีแฟนคนไทยสอบถามมาเยอะมากว่าจะวางจำหน่ายเมื่อไหร่ ทุกคนอยากเห็น”
ก่อนหน้าที่จะปรับครั้งใหญ่นี้ เมื่อ 2 ปีที่แล้วก็มีการปรับตุ๊กตาบาร์บี้มาแล้ว เนื่องจากพ่อแม่ชาวอเมริกันไม่อยากให้ลูกเล่นบาร์บี้ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระ เพ้อฝัน สู้ให้ลูกสาวไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์จะดีกว่า
“แมทเทลอยากปรับให้ภาพลักษณ์สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แมทเทลมองว่าที่ผู้หญิงทำงานเก่ง คุณแม่ก็สามารถชวนคุณลูกเล่นตุ๊กตา โดยปรับลุคตุ๊กตาให้มีอาชีพ เด็กจะได้เล่นและมีจินตนาการได้ว่า โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร เช่น อยากเป็นครู เป็นคุณหมอ เป็นเทรนเนอร์ มีอาชีพที่หลากหลายช่วยให้เด็กมีจินตนาการผ่านการเล่นบาร์บี้และชีวิตมีเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เมืองไทยก็คิดแบบนั้น แต่สมัยก่อนน้องชายของดิฉันเองพอลูกสาวเริ่มเล่นตุ๊กตาเขาก็บอกกับน้องสะใภ้ของดิฉันว่า ไม่อยากให้ลูกเล่นบาร์บี้เลยทั้งๆ ที่ภรรยาของเขาก็จำหน่ายบาร์บี้ เราก็บอกข้อมูลกับเขาว่า บาร์บี้ปรับภาพลักษณ์ไปแล้วนะคุณพ่อจึงยอมให้ลูกสาวเล่น” สะท้อนให้เห็นว่า ตุ๊กตาตัวเล็กๆ ก็มีอิทธิพลต่อการเลี้ยงดูลูกได้เช่นกัน
เสียงของแฟนพันธุ์แท้
จอย-อัจฉริยา อังคสุวรรณศิริ และลูกสาวน้องแอลลี่-อชิรญา นิติพน ผู้ชื่นชอบและผูกพันกับตุ๊กตาบาร์บี้มาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะน้องแอลลี่ที่มีความสนใจทางด้านแฟชั่นดีไซน์จนสามารถทำ
แพตเทิร์นเพื่อตัดชุดตุ๊กตาให้กับบาร์บี้ของตัวเองได้ ในฐานะคุณแม่จอยที่เล่นบาร์บี้มาตั้งแต่เธอยังเด็กๆ เพราะบาร์บี้ถือเป็นตุ๊กตาในฝันของเด็กผู้หญิงเกือบทั่วโลก เธอยังสนับสนุนถึงการปรับเปลี่ยน
ภาพลักษณ์ของบาร์บี้เป็นอย่างมาก
“ตอนเด็กๆ จอยเล่นบาร์บี้บ้าง เวลาไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่อเมริกา คุณแม่จะซื้อให้ เพราะที่อเมริกาจะมีแบบให้เลือกเยอะกว่าเมืองไทย หรือเวลาคุณลุงคุณป้ามาเยี่ยมจากอเมริกาก็จะซื้อมาฝากเป็นของขวัญวันเกิด บาร์บี้จึงเหมือนเป็นความทรงจำที่มีค่าตั้งแต่เราเด็กๆ ว่าตัวนี้ใครซื้อให้ ดังนั้นจอยเล่นบาร์บี้อย่างทะนุถนอมมากๆ ด้วยคุณพ่อมีแต่ลูกสาว ท่านก็จะซื้อตุ๊กตาที่เป็นผู้ชายที่ฮิตที่อเมริกามาเล่นกับลูกสาวที่ชอบเล่นบาร์บี้ก็เหมือนตุ๊กตาเป็นตัวเชื่อมความสัมผัสภายในครอบครัวได้ด้วย”
อัจฉริยา พร้อมกับสนับสนุนอย่างเต็มที่ที่มีการปรับโฉมภาพลักษณ์ให้บาร์บี้มีความหลากหลายมากขึ้น เพราะจำได้ตอนเธอเด็กๆ ก็มีบาร์บี้เล่นที่ตาสีฟ้า ผมสีทองเสียเป็นส่วนใหญ่
“จอยเห็นด้วยที่มีการปรับโฉมบาร์บี้ เพราะไม่อยากให้จำกัดแค่นั้นตามค่านิยมแบบเดิม ลองคิดดูหากเด็กผิวสีเล่นบาร์บี้ในสหรัฐ ซึ่งแต่เดิมคนอเมริกันบางกลุ่มก็มีการเหยียดสีผิวอยู่แล้ว แต่จะอย่างไร หากเด็กผู้หญิงผิวสีต้องเล่นตุ๊กตาฝรั่งตาสีฟ้า ผิวขาวที่เคยเหยียดเขามา ซึ่งคุณแม่ของจอยก็เป็นคนอเมริกัน ท่านเคยเล่าให้จอยฟังว่า เคยมีบรรทัดฐานว่าผู้หญิงต้องผมบลอนด์หรือผมสีทองจึงจะดูไฮโซ แต่ถ้าผู้หญิงมีผมสีแดงหรือผิวดำจะถูกมองว่าดูไม่ไฮโซ แต่หลังๆ ความหลากหลายในสังคมมีมากขึ้น สังคมก็ให้ความเท่าเทียมกันแล้วซึ่งสะท้อนผ่านตุ๊กตา อีกทั้งการเล่นตุ๊กตาของลูก จอยมามองว่าพ่อแม่สามารถชี้แนะลูกได้ มันอยู่ที่ค่านิยมและความคิดของผู้ปกครองว่าจะสร้างค่านิยมแบบไหนให้ลูก
เราไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่องนั้นอยู่แล้ว คุณแม่จะสอนเราเรื่องการเท่าเทียมกันในสังคมว่า คนที่เกิดมาบนโลกมีความเป็นคนเท่ากัน อย่างจอยมีพี่เลี้ยงคุณแม่จะดูแลพี่เลี้ยงดีมากๆ จอยจึงไม่รู้สึกว่าการเล่นบาร์บี้ตอนเราเด็กๆ แล้วต้องเอาไปอวดเพื่อน อีกทั้งโดยส่วนตัวจอยคิดว่า เราไม่น่าจำกัดความสวยของผู้หญิงว่า ต้องเป็นผู้หญิงทรงผมแบบนี้ สีผมแบบนี้แล้วจะสวยเท่านั้น อยากให้ความสำคัญกับอย่างอื่นด้วย เช่น ความสามารถที่ผู้หญิงแต่ละคนมีไม่มีเหมือนกัน ไม่ใช่ว่ามีทรงผมแบบนั้น หุ่นแบบนี้แล้วจะสวยอย่างเดียว มันไม่ใช่ เพราะผู้หญิงทั่วโลกก็มีสรีระหลายๆ แบบ พอปรับให้มีรูปร่างลักษณะที่หลากหลายจอยเห็นด้วย 100% เพราะคนเราเกิดมาย่อมไม่มีใครสมบูรณ์แบบ”
จอย อัจฉริยา ยังแสดงทัศนะต่อว่า การปรับรูปแบบบาร์บี้ให้ดูใกล้เคียงกับคนจริงๆ เป็นเรื่องดี เพราะเธอไม่อยากให้เด็กๆ ยึดติดกับค่านิยมต้องมีหุ่นแบบนี้จึงจะสวย มีสีผมแบบนี้เท่านั้นจึงได้รับการยอมรับ
“บางครั้งการเล่นตุ๊กตาก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ไร้สาระอย่างเดียว มันอยู่ที่การสอดแทรกทัศนคติการมองโลกของพ่อแม่ที่จะสอดแทรกลงไปในการเล่นตุ๊กตาของลูก เช่น จอยจะสอนลูกเสมอว่า คนเราเกิดมาไม่สมบูรณ์แบบหรอก เรามีความแปลกแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเราไม่ควรให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก เราควรเลือกคบเพื่อนโดยให้ดูเรื่องนิสัย อย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก อีกทั้งไอดอลของเด็กแต่ละคนต้องรูปร่างหน้าตาสวยกันทุกคน
สมมติถ้าเราจำกัดว่า คนเราต้องสวยเพอร์เฟกต์และมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้เท่านั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวในอนาคต เพราะทุกคนจะหน้าตาเหมือนกันหมด ลูกสาวก็เข้าใจและโชคดีที่แอลลี่ได้ของขวัญเป็นบาร์บี้ที่มีความหลากหลายมาก อีกสิ่งที่น่าสนใจคือบาร์บี้มีอาชีพที่ปรับให้มีความหลากหลายและใกล้เคียงกับสังคมปัจจุบัน ก็จะช่วยเรื่องจินตนาการของเด็กๆ ว่าโตขึ้นเขาอยากทำอาชีพนั้นอาชีพนี้ การเล่นตุ๊กตาสามารถให้อะไรเราได้หลายๆ อย่าง ตุ๊กตาบางครั้งก็สามารถเป็นเพื่อนเล่นยามที่เด็กๆ รู้สึกเหงาก็ได้ค่ะ”


