posttoday

ประคุณ พรประภา เช้าวันใหม่ของการท่องเที่ยว

21 มีนาคม 2559

ทายาทคนสุดท้องของครอบครัวสยามแอ็ทสยาม เช้า-ประคุณ พรประภา กำลังเป็นเช้าวันใหม่ในวงการทัวร์เอาต์บาวน์

โดย...กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

ทายาทคนสุดท้องของครอบครัวสยามแอ็ทสยาม เช้า-ประคุณ พรประภา กำลังเป็นเช้าวันใหม่ในวงการทัวร์เอาต์บาวน์ ด้วยจุดขายเปิดเส้นทางใหม่เอาใจสาวกแดนปลาดิบ ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้ง เช้า โฮสเทล ที่เกิดมาเพื่อพลิกโฉมโฮสเทลไทย

นอกจากประเทศไทยแผ่นดินเกิด เขายังมีความผูกพันกับประเทศญี่ปุ่นมากเป็นพิเศษ ด้วยเพราะไปเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จากนั้นสอบเข้าคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเมจิ และทำงานในบริษัททัวร์ เอสเอ็มไอ (S.M.I. Travel) รวมระยะเวลากว่า 8 ปี

“เลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจเพราะอยากมีธุรกิจของตัวเอง” ประคุณ กล่าว “ตอนแรกได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการทำงานในบริษัทคุณพ่อ (เอสเอ็มไอ) ตั้งแต่เรียนอยู่ปี 3 ทำต่อเนื่องจนเรียนจบ และเมื่อกลับเมืองไทยก็เข้ามาดูแลบริษัท เวนดี้ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเอสเอ็มไอเต็มตัว”

ประคุณ พรประภา เช้าวันใหม่ของการท่องเที่ยว

 

เอสเอ็มไอ ก่อตั้งมานานกว่า 35 ปี มีสำนักงานใหญ่ในญี่ปุ่น ให้บริการทัวร์สำหรับคนญี่ปุ่นที่ต้องการมาเที่ยวเมืองไทย ส่วนเวนดี้ (Wendy Tour) ก่อตั้งหลังจากนั้น มีอายุประมาณ 5 ปี สำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ ให้บริการทัวร์สำหรับคนไทยที่ต้องการไปเที่ยวญี่ปุ่นและจุดหมายอื่นๆ ทั่วโลก (เอาต์บาวน์)

ปัจจุบัน เช้า ดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เวนดี้ ทัวร์ รับผิดชอบงานด้านการตลาดทั้งหมด รวมถึงการออกแบบโปรแกรมทัวร์รูปแบบใหม่ เส้นทางใหม่ เพื่อสร้างจุดขายใหม่ให้แก่บริษัท ยกตัวอย่างเส้นทางที่เขาเป็นคนสำรวจเอง เช่น เมืองอาคิตะ (Akita) เน้นการท่องเที่ยวแบบฟาร์มสเตย์ และแช่ออนเซนธรรมชาติ และเมืองโอกายามา เน้นการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์

“เราพยายามสร้างความเป็นยูนีก ไม่เหมือนกับทัวร์ในตลาด และพยายามเลือกเมืองที่แตกต่าง โดยส่วนใหญ่ทัวร์ทั่วไปจะไม่จัดไปสองเมืองนี้ เพราะอยู่ไกลจากศูนย์กลางอย่างโตเกียว เช่น โอกายามาต้องไปรถไฟยาวไกล หรือเมืองอาคิตะต้องนั่งเครื่องบินภายในประเทศหรือรถไฟด่วนไปยังจุดหมาย ซึ่งดีที่เราเป็นพาร์ตเนอร์กับสายการบินญี่ปุ่น จึงทำให้ระยะทางไม่ใช่ปัญหา เพราะการเดินทางสะดวก” ประคุณกล่าว

ประคุณ พรประภา เช้าวันใหม่ของการท่องเที่ยว

 

การเที่ยวกับชุมชนยังสร้างความยูนีกให้แต่ละทริป เพราะทุกครั้งที่ไปเยือนบ้านหรือฟาร์มจะแตกต่างไปในแต่ละช่วงฤดู ทั้งกิจกรรม พืชผลที่ปลูก อาหารการกิน และความเป็นอยู่ ซึ่งสถิติ 6 เดือนที่เปิดขายเมืองอาคิตะเมื่อปีที่แล้ว มีผู้ใช้บริการประมาณ 500 คน

ประคุณยังมีไอเดียจัดทริป แคมปิ้ง คาร์ (Camping Car) ในฮอกไกโด แตกต่างจากทัวร์อื่นที่ขายเพียงรถเช่า (Rental Car) เขาอธิบายว่า แคมปิ้ง คาร์ มีลักษณะเหมือนรถตู้ แต่ภายในสามารถปรับให้เป็นเตียงนอนสองชั้น โดยจะวางเส้นทางให้เที่ยวและหยุดพักตามจุดจอดสำหรับรถบ้าน ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและการรักษาความปลอดภัยอย่างดี

“ทุกทัวร์ที่เราขายจะมีโปรแกรมพื้นฐานไว้ ส่วนออปชั่นอื่นๆ จะให้ลูกค้าเลือกเหมือนเป็นท็อปปิ้งพิซซ่า ถ้าอยากได้ทัวร์ส่วนตัว เราก็จะวางโปรแกรมตามงบประมาณและความต้องการเป็นหลัก เวนดี้จึงเป็นเหมือนตัวกลางที่คอยอำนวยความสะดวกคนไทยให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างสบายและไม่เหมือนใคร”

ประคุณ พรประภา เช้าวันใหม่ของการท่องเที่ยว

นอกจากทริปท่องเที่ยว ทางเวนดี้ยังสามารถออกแบบทริปสำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยน เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทริปดูแมตช์ฟุตบอลอังกฤษ และจุดหมายปลายทางอื่นๆ ทั่วโลก ทั้งนี้จากสถิติยังคงชี้ว่า ลูกค้าคนไทยส่วนใหญ่เลือกไปประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับแรก

เวนดี้เปิดให้บริการมานาน 5 ปี ในฐานะของผู้จัดการฝ่ายการตลาดเห็นถึงลู่ทางที่ยังเติบโตได้อีก โดยเฉพาะเรื่องเส้นทาง เพราะความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลญี่ปุ่นที่ทำงานร่วมกันนานถึง 35 ปี ทำให้ทั้งเอสเอ็มไอและเวนดี้ได้สิทธิพิเศษซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจในอนาคต

“แต่มันเร็วไปหรือเปล่านี่คือปัญหา” เขาตั้งข้อสังเกต “เพราะการเปิดเส้นทางใหม่ คนไทยอาจไม่รู้จัก จึงกลับมาเป็นโจทย์ให้เราต้องโปรโมทเดสทิเนชั่นไปพร้อมๆ กัน”

อีกด้านอาจมีคำถามใหม่ว่า ในยุคที่นักท่องเที่ยวหาข้อมูลและเดินทางเองเช่นนี้ จะมีความมั่นใจได้อย่างไรว่าบริษัทจะอยู่รอด เขาตอบแทบจะในทันที

“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีคนที่ต้องการความสะดวก “อย่างไพรเวททัวร์ที่เราทำสามารถอำนวยความสะดวกแบบวันสต็อปเซอร์วิส แต่เราก็ไม่ทิ้งข้อเท็จจริงที่คนเที่ยวเองมากขึ้น เราจึงพยายามจับกลุ่มนี้โดยการเป็นศูนย์รวมข้อมูล ให้บริการข้อมูลทุกด้านในจุดเดียว ทำให้เขาสะดวกกว่าการไปเสิร์ชหาในกูเกิล ทั้งเซฟเวลาให้ลูกค้าและมอบข้อมูลที่ถูกต้องที่อัพเดท” เขากล่าว และย้ำถึงการเปิดเส้นทางใหม่ที่เป็นจุดขายสำคัญ

ประคุณ พรประภา เช้าวันใหม่ของการท่องเที่ยว

 

นอกจากนี้ ประคุณยังให้ความสำคัญกับการเดินทางมาก เพราะเขาเองก็ชอบเดินทางเป็นนิสัยส่วนตัว “การทำงานอย่างเดียว มุมมองทุกอย่างมันจะแคบอยู่เท่านั้น ตื่น เข้าออฟฟิศ ทำงาน กลับบ้าน นอน ทุกอย่างเกิดขึ้นซ้ำๆ แต่เมื่อไหร่ได้ไปเที่ยวจะเป็นเวลาที่เราปล่อยวางเรื่องงานแล้วเห็นสิ่งใหม่ๆ ซึ่งมันทำให้เกิดไอเดียทั้งมุมมองใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต เหมือนเป็นการเปิดโลกทัศน์ที่ง่ายและเห็นกว้างที่สุด”

อีกบทบาทของหนุ่มไฟแรงยังมีตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป เช้า โฮสเทล ที่พักเปิดใหม่เพิ่งให้บริการยังไม่ถึงขวบปี “เช้า โฮสเทล เป็นสิ่งที่ผมสร้างขึ้นมา ตั้งแต่คอนเซ็ปต์ การตกแต่ง และวางระบบเองทุกอย่าง ทำให้การทำงานตรงนี้สบายใจ เป็นตัวเอง ซึ่งดีใจมากๆ ที่ธุรกิจเป็นไปด้วยดี”

เช้า โฮสเทล เป็นดีไซน์โฮสเทล ตั้งอยู่บนชั้น 8 ของโรงแรมสยาม แอ็ท สยาม กรุงเทพฯ ห้องพักไม่คับแคบ เน้นการใช้งานของแบ็กแพ็กเกอร์ มีพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกประหนึ่งโรงแรมพรีเมียม นับว่าเป็นโฉมใหม่ของโฮสเทลที่เคยเห็น แทบทุกอย่างเหมือนโรงแรม แต่เพราะมีห้องนอนรวมให้บริการจึงอยู่ในฐานะโฮสเทล

ปัจจุบัน เช้า โฮสเทล มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 89 เปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็ยังไม่สรุปว่านี่คือความสำเร็จ เพราะในใจยังมีภาพโฮสเทลในฝันที่อยากให้เป็น และยังมีสิ่งที่อยากทำเพิ่มเติม เช่น จะปรับพื้นที่ส่วนกลางของโฮสเทลให้เป็น โค-เวิร์กกิ้ง สเปซ และมีแผนจะขยายสาขาไปยังจุดต่างๆ ในกรุงเทพฯ

ขณะนี้ ประคุณอายุ 23 ปี บริหารสองบริษัท สองสายงาน ซึ่งดูเหมือนมีหน้าที่ความรับผิดชอบมากกว่าอายุ แต่เขากลับมองเป็นความท้าทายในทุกๆ วัน “ผมได้แรงสนับสนุนจากครอบครัวมาก โดยเฉพาะพี่สาว (ประธานพร พรประภา) และคุณพ่อ (พรพินิจ พรประภา) ที่ท่านบริหารหลายบริษัท มีประสบการณ์มามากมาย เป็นแบบอย่างและมีคำสอนที่ดีเสมอ เวลากินข้าวพร้อมกันพ่อแม่ลูกครบสี่คนก็จะได้ไอเดียใหม่ๆ จากแต่ละสายงานที่ต่างกัน”

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขารู้สึกกดดันในฐานะลูกชายคนเล็กของบ้านพรประภา ทว่าท้ายที่สุดแล้วครอบครัวก็เป็นขุมพลังสำคัญที่ทำให้เขากล้าก้าวสู่เช้าวันใหม่ต่อไป

ข่าวล่าสุด

ถอดพฤติกรรมการเงินคนไทย 4 เจเนอเรชัน จาก Gen Z ถึง Baby Boomer