ขุนนางสัตย์ซื่อยุติธรรมหายไปไหน - นิทานจุดจบของเปาบุ้นจิ้น
เปาบุ้นจิ้น เทพเจ้าแห่งความยุติธรรม มีหน้าดำและพระจันทร์เสี้ยวกลางหน้าผากไม่มีใครไม่รู้จัก
โดย...นิธิพันธ์ วิประวิทย์
เปาบุ้นจิ้น เทพเจ้าแห่งความยุติธรรม มีหน้าดำและพระจันทร์เสี้ยวกลางหน้าผากไม่มีใครไม่รู้จัก
เรื่องราวที่ผู้คนรับรู้เกี่ยวกับเปาบุ้นจิ้นส่วนใหญ่มาจากนิยาย ส่วนเปาบุ้นจิ้นในบันทึกประวัติศาสตร์ ไม่ได้พิสดารและสารพัดอิทธิฤทธิ์ขนาดนั้น
ท่านเปาในนิยายหน้าดำไม่ใช่เพราะคร่ำเครียด แต่เพราะเป็นสีดำแทนสัญลักษณ์แห่งความซื่อตรง เข้มงวด ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ออกแนวยิ้มยาก ภาษาจีนเขาใช้ศัพท์ว่า “หน้าเหล็ก” และเหล็กก็มีสีดำ
แถมพอมาแต่งหน้าเป็นงิ้วก็ดูคาแรกเตอร์โดดเด่นชัดเจน เปาบุ้นจิ้นในคติชาวบ้านจึงลงตัวที่หน้าดำมะเมื่อมเสมอมา
ส่วนพระจันทร์เสี้ยวกลางหน้าผากก็ได้มาเพราะท่านเป็นเทพแห่งดาวยุติธรรมมาจุติ กลางวันตัดสินคดีบนโลก ตกกลางคืนต้องไปตัดสินคดีโอทีในยมโลกต่อ พระจันทร์บนหน้าผากคือเครื่องหมายเบิกทางไปนั่งเป็นตุลาการในยมโลกยามค่ำคืน
ว่ากันว่าถ้าเห็นพระจันทร์โค้งไปทางซ้ายแสดงว่าท่านเปาอยู่ในโหมดมนุษย์ แต่ถ้าพระจันทร์โค้งไปทางขวาแสดงว่าท่านกำลังอยู่ในโหมดเทพ
แต่คณะงิ้วคงไม่ซื้อไอเดียนี้ เพราะต้องล้างหน้าผากเขียนใหม่ทุกครั้งที่ท่านเปาเปลี่ยนโหมด
อันที่จริงเรื่องราวคดีต่างๆ ที่ท่านสะสางในประวัติศาสตร์นับว่าไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะจับโจรระดับชาวบ้านด้วยไหวพริบสติปัญญา หรือปราบปรามเศรษฐีตระกูลใหญ่ที่สร้างบ้านขวาง Floodway จนถึงด่ากราดฮ่องเต้ที่แต่งตั้งพ่อของสนมคนโปรดเป็นใหญ่เป็นโต
ในมุมมองชาวบ้าน ท่านควรค่าที่จะได้หน้าดำและพระจันทร์เสี้ยวประดับบารมี เป็นขุนนางที่ชาวประชาฝันใฝ่ระดับตำนาน พร้อมจินตนาการเพิ่มเติมมากมาย
เรื่องพิสดารในนิทานเปาบุ้นจิ้นจึงมีหลากหลายและสร้างต่อได้ไม่รู้จบ รวมถึงนิทานว่าด้วยเรื่องก่อนท่านเปาตายที่กำลังจะได้อ่านต่อไปก็เป็นหนึ่งในนั้น…
เปาบุ้นจิ้นมีลูกชายอยู่คนหนึ่ง ว่ากันว่าเป็นคนที่ดื้อด้าน แม้ผู้คนนอกบ้านจะยอมรับนับถือเปาบุ้นจิ้น แต่ลูกชายคนนี้ไม่เคยเชื่อฟังพ่อตัวเองเลย ไม่ใช่แค่ไม่เชื่อฟัง แต่ยังชอบทำตรงกันข้ามกับที่พ่อสั่ง
พ่อเปาบอกให้ไปทางซ้าย ลูกเปาก็จะไปทางขวา พ่อเปาบอกให้ไปอ่านตำรา ลูกเปาไปเข้าเน็ตเล่นเกมออนไลน์ พ่อบอกให้มีเมียสร้างครอบครัว ลูกคนนี้ก็เลยอยู่เป็นโสดไม่ยอมแต่งงาน
ลูกชายแบบนี้น่าปวดหัวใช่ย่อย ถึงท่านเปาจะทรงอิทธิพล ผู้คนกลัวเครื่องประหารหัวมังกร หัวเสือ หัวสุนัข แต่กับลูกคนนี้ท่านเปาเอาไม่อยู่ ก็ยังดีที่ลูกชายคนนี้ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ไม่เคยทำเรื่องต่ำช้า ซึ่งอาจจะเป็นเพราะรู้ตัวว่าถ้าเผลอไปทำเลวขึ้นมา พ่อเปาก็คงไม่ละเว้น จึงไม่ได้ทำอะไรให้เสื่อมเสียเกียรติวงศ์ตระกูล
ว่ากันว่าวันหนึ่งท่านเปาฝันประหลาด ฝันถึงเง็กเซียนฮ่องเต้มาบอกว่า “เปาบุ้นจิ้นเอ๋ย ชีวิตบนโลกมนุษย์ของเจ้าใกล้หมดสิ้นลงแล้ว แต่ดูสิ! โลกยังเต็มไปด้วยเรื่องเลวร้ายมากมาย ขุนนางยังฉ้อฉลทุจริตคอร์รัปชั่น คนใหญ่คนโตยังใช้อำนาจบาตรใหญ่ปัดความผิดหนีคดี คุกยังมีไว้แค่ขังคนจนด้อยอำนาจด้อยฐานะ แถมยังมีคดีจิปาถะมากมายที่ต้องการความยุติธรรม ถ้าเจ้าไม่อยู่แล้วสังคมจะเป็นเช่นไร พระเจ้าช่วย!”
“ก็เง็กเซียนนี่แหละพระเจ้า” ท่านเปาคิด
“อืม ใช่ ข้าต้องช่วยอะไรบางอย่างแล้ว” เง็กเซียนฮ่องเต้ได้ยิน
“แต่ชีวิตคนบนโลกย่อมต้องเป็นไปตามกฎธรรมชาติ หาใช่จะยืดยาวได้มากนัก ถ้าอย่างนั้น ข้าจะบอกเคล็ดลับให้ท่านได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกครั้งหนึ่ง”
“เกิดเป็นคนอีกครั้ง? ชาตินี้กว่าข้าจะได้เป็นขุนนางก็ยากลำบาก ถ้าข้าเกิดใหม่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะมีปณิธานแน่วแน่อดทนป่ายปีนไปเป็นขุนนางดังเดิมได้รึเปล่า เป็นแล้วก็ใช่จะรับรองได้ว่าข้าจะไม่พ่ายแพ้แก่ลาภยศสรรเสริญให้เอนเอียงไปในทางมิชอบ ท่านเง็กเซียนจะแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าจะได้ทำหน้าที่นี้แบบเดิมอีก” ท่านเปารอบคอบสมชื่อ
“อืม มีเหตุผล” เง็กเซียนพยักหน้า “เอางี้ เพื่อการันตีว่าท่านจะได้เกิดใหม่และมีปณิธานดังเดิม เมื่อท่านตายไปให้ท่านเอาแผ่นเหล็กมาทำเป็นโลง แล้วหนุนหัวนอนด้วยหมอนหิน เมื่อปิดผนึกโลงฝังท่านลงดินเรียบร้อย ไม่นานโลงเหล็กจะต้องผุเป็นสนิม ส่วนหมอนหินที่หนุนหัวท่านจะไม่มีวันเสื่อมสลาย ท่านจะได้กลับมาเกิดใหม่โดยมีปณิธานซื่อสัตย์ยุติธรรมติดตัวไว้ไม่เปลี่ยนแปลง”
รุ่งเช้าตื่นขึ้น พ่อเปาจึงเรียกลูกเปามาพูดคุย เนื่องจากสิ่งที่พูดคุยกับเง็กเซียนเป็นความลับสวรรค์ ท่านเปาแพร่งพรายไม่ได้ จึงได้แต่เอ่ยปากออกไปว่า
“ลูกเอ๋ย พ่อแก่แล้ว คงมีชีวิตอยู่ไม่นาน ถ้าพ่อตายไปขอให้เจ้าใส่พ่อในโลงศพที่ทำจากหิน แล้วหนุนหัวพ่อด้วยหมอนที่ทำจากเหล็กนะ”
ท่านเปาไม่ได้จำผิดพูดผิด สลับเหล็กเป็นหิน หินเป็นเหล็ก แต่ท่านเปารู้ดีว่า ลูกคนนี้ทั้งชีวิตดื้อด้าน ทำแต่สิ่งตรงกันข้ามกับที่สั่ง ถ้าต้องการโลงเหล็ก หมอนหิน ต้องสั่งให้ทำโลงหิน หมอนเหล็ก ถึงจะได้ผล มีจิตวิทยาตามสไตล์การสืบสวนสอบสวนแบบท่านเปา
ดั่งคำที่ว่า “เราจะเห็นค่าสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรา ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นต้องจากเราไปแล้ว”
เมื่อท่านเปาสิ้นชีวิตไปจริงๆ ลูกชายคนนี้จากที่ไม่เคยเชื่อฟังพ่อเปากลับเพิ่งเริ่มสำนึกได้ คิดว่าชีวิตนี้ต่อต้านพ่อมาตลอด ทำเอาท่านพ่อเป็นทุกข์ วันนี้ขอจัดการพิธีศพตามที่พ่อสั่งไว้ก็ยังดี
จึงจัดการศพท่านเปาด้วยการนำหมอนเหล็กหนุนหัวท่านเปา แล้วใส่โลงหิน ตามคำสั่งท่านเปาเป๊ะ
ผ่านวันเวลามาเนิ่นนาน ท่านเปายังคงอยู่ในโลงหินมิดชิด แถมหมอนเหล็กที่คอยหนุนปณิธานสัตย์ซื่อยุติธรรมดันผุสลายไป และนี่คือสาเหตุที่ทำให้หลังจากประชาชนเสียท่านเปาแล้ว ราชสำนักก็ไม่มีขุนนางผู้ซื่อสัตย์อีกต่อไป
เรื่องเล่าแบบนี้ใครฟังใครก็รู้ว่าเป็นแค่นินทาสนุกปาก แต่นิทาน จินตนาการที่มโนแบบชาวบ้านแบบนี้แหละที่ส่งกระแสถึงคนใหญ่คนโตในสังคมว่าชาวบ้านเขาเห็นโลกเป็นเช่นไร
หากขุนนางสัตย์ซื่อยังมีอยู่ ขอแค่อย่าปล่อยให้ปณิธานเขาขึ้นสนิมผุพังหรือพวกเขาเหล่านั้นถูกขังอยู่ในโลงหิน


