ผุด 'เขื่อนปากแบง' ฝั่งลาวกระทบไทย จับตา 'บ้านห้วยลึก' จม
ผลกระทบข้ามพรมแดนจากโครงการพัฒนา กำลังจะจับต้องรูปธรรมได้ในอนาคตอันใกล้
โดย...ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน
ผลกระทบข้ามพรมแดนจากโครงการพัฒนา กำลังจะจับต้องรูปธรรมได้ในอนาคตอันใกล้
หมู่บ้านห้วยลึก ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ที่อยู่กันมาอย่างสงบสุข กำลังจะต้องเผชิญชะตากรรมของ "ชุมชนเหนือเขื่อน" จากการก่อกำเนิดโครงการเขื่อนปากแบง ประเทศลาว
ข้อมูลจากคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ระบุว่า โครงการเขื่อนปากแบงจะมีระดับกักเก็บน้ำความสูงอยู่ที่ 345 เมตร ขณะที่ อ.เวียงแก่น และเชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่การก่อสร้างโครงการเพียง 100 กม.นั้น มีความสูงเพียง 315 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
นั่นหมายความว่า น้ำในเขื่อนจะสูงกว่าผืนดินถึง 30 เมตร
เขื่อนปากแบง เป็นโครงการเขื่อนลำดับที่ 3 ของประเทศลาว ที่อยู่ระหว่างการเดินหน้าก่อสร้างถัดจากเขื่อนไซยะบุรี และเขื่อนดอนสะโฮง
เขื่อนดังกล่าวอยู่ห่างจากตัวเมืองปากแบง แขวงอุดมชัย ประเทศลาว ประมาณ 14 กม. และอยู่ห่างจาก อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เพียงไม่ถึง 100 กม. นั่นหมายความว่าพื้นที่ อ.เวียงแก่น จะตั้งอยู่ในลักษณะพื้นที่ "เหนือเขื่อน"
จากการศึกษาผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดจากเขื่อนปากแบง โดยเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา พบว่า แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของเขื่อน แต่ปัจจุบันชาวบ้านทั้งสองอำเภอต่างประสบปัญหาระดับแม่น้ำโขงที่ขึ้นลงไม่แน่นอน โดยเฉพาะจากการระบายน้ำของเขื่อนในประเทศจีนที่ไร้การแจ้งเตือน จึงประสบเหตุจมพื้นที่เกษตรริมฝั่ง รวมถึงเครื่องมือหาปลาของชาวบ้านเป็นประจำ
"เขื่อนปากแบงจะทำให้เกิดปริมาณน้ำสะสม และสร้างผลกระทบข้ามพรมแดนท้ายน้ำมาถึงประเทศไทยใน อ.เวียงแก่น และเชียงของ อย่างน้อย 11 หมู่บ้าน อย่างแน่นอน" ผลการศึกษายืนยันเช่นนั้น
สำหรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากเขื่อน คือ น้ำที่จะท่วมขังในพื้นที่ถาวร ชุมชนลาวอย่างน้อย 14 หมู่บ้าน ที่ทำการเกษตร ต้องอพยพขึ้นสู่ที่สูงเพื่อหาที่ทำกินใหม่ ทำลายทรัพยากรเพิ่มและใช้ชีวิตยากลำบากขึ้น ส่วนผลกระทบต่อการประมงและพันธุ์ปลาแม่น้ำโขง เขื่อนจะปิดกั้นเส้นทางอพยพของปลาอย่างถาวร ตลอดจนทำลายแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของปลาอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะปลาบึกที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากที่สุด
นอกจากนี้ เขื่อนยังจะทำลายระบบนิเวศที่มีความหลากหลายและซับซ้อน สภาพของเกาะแก่ง คก หรือหาดทรายจำนวนมากระหว่างเมืองปากแบงถึงเชียงของจะจมอยู่ใต้น้ำ ตะกอนดินทรายที่เป็นธาตุอาหารสำคัญของแม่น้ำตอนล่างจะถูกกัก ไม่นับรวมถึงการปิดกั้นเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างห้วยทราย-หลวงพระบาง ที่ชาวบ้านมีรายได้หลักจากนักท่องเที่ยวกว่าล้านคนต่อปี หรือการเคลื่อนย้ายอพยพแรงงานจากลาวเข้ามายังไทยเนื่องจากสูญเสียวิถีชีวิตเดิม
จีระศักดิ์ อินทะยศ ผู้ประสานงานกลุ่มรักษ์เชียงของ เปิดเผยหลังภายหลังลงสำรวจติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าในพื้นที่สร้างเขื่อน ว่า ขณะนี้มีการสร้างถนนเข้าไปยังพื้นที่ก่อสร้าง ระยะทางประมาณ 3-5 กม. และมีการตั้งอาคารที่พักคนงาน
"จากการสอบถามชาวบ้านในประเทศลาวพบว่ามีแล้ว 1 หมู่บ้าน ที่ได้รับแจ้งว่าจะต้องอพยพโยกย้ายไปอยู่ที่จัดสรรใหม่ คือ บ้านลวงโต้งที่มีประชากรกว่า 70 ครัวเรือน" จีระศักดิ์ กล่าว
ล่าสุดในเวทีแถลงข่าวผลการดำเนินธุรกิจปี 2558 ของบริษัท ผลิตไฟฟ้า หรือ เอ็กโก เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2559 ระบุชัดว่า เขื่อนปากแบง คือ เขื่อนแบบน้ำไหลผ่าน (Run-of the River) โดยความร่วมมือของ 3 หน่วยงาน คือบริษัท ต้าถัง อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จากประเทศจีน ถือหุ้น 51% บริษัท เอ็กโก จากประเทศไทย ถือหุ้น 30% และการไฟฟ้าประเทศลาว ถือหุ้น 19%
เมื่อก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย ไฟฟ้าจำนวน 912 เมกะวัตต์ จะถูกส่งขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และอีก 100 เมกะวัตต์ จะส่งให้กับรัฐลาว
"ขณะนี้ กฟผ.และรัฐบาลลาวกำลังร่วมพิจารณารายละเอียดโครงการ เพื่อทำเสนอต่อ MRC หากไม่มีอะไรผิดพลาดโครงการน่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2561-2562" นิวัติ อดิเรก รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานพัฒนาธุรกิจต่างประเทศ เอ็กโก กล่าว
ด้าน สมเกียรติ เขื่อนเชียงสา ผู้ประสานงานเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา กล่าวว่า อยากเสนอข้อพิจารณาต่อรัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทบทวนการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงตอนล่างทั้งหมด เพราะเมื่อมีเขื่อนในแม่น้ำสาขาแล้วก็ควรเว้นในแม่น้ำสายหลัก เนื่องจากก่อให้เกิดผลกระทบข้ามพรมแดนที่หนัก
"ด้านของชาวบ้านไม่เคยรับรู้ข้อมูลใดๆ เลย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยช่วยติดตามและศึกษาผลกระทบ สนใจในเรื่องนี้ให้มาก เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นผลกระทบข้ามแดน และส่งผลโดยตรงกับประเทศไทย" สมเกียรติ กล่าว


