posttoday

การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ ของผู้หญิงตัวเล็ก สันติมาน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา

14 กุมภาพันธ์ 2559

ภายนอก ติ๊บ-สันติมาน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา พิธีกรคนสวยของทรูอินไซด์ อาจดูเป็นสาวร่างเล็ก บอบบาง

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา

ภายนอก ติ๊บ-สันติมาน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา พิธีกรคนสวยของทรูอินไซด์ อาจดูเป็นสาวร่างเล็ก บอบบาง เป็นผู้หญิงอ่อนไหว แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ไซส์มินิแบบนี้ เธอจะมีหัวใจนักสู้ที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่

เรื่องราวการต่อสู้ของเธอเริ่มต้นเมื่ออายุเพียง 19 ปีเท่านั้น ถ้าเปรียบเทียบการต่อสู้ครั้งนั้นเป็นสมรภูมิรบที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน แม่ทัพใหญ่ครั้งนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากติ๊บ ซึ่งมีครอบครัวและเพื่อนฝูงเป็นกำลังเสริมสำคัญต่อสู้กับศัตรูที่ชื่อว่า “มะเร็งรังไข่” ในการรบครั้งนี้ เธอมีคุณหมอผู้ให้ชีวิตเธอ เป็นกุนซือสำคัญ แม้การรบครั้งนั้นจะกินเวลา และต้องผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยหัวใจนักสู้ ที่สุดเธอก็สามารถล้มศัตรูได้สำเร็จ

วัยใสลั่นกลองรบ

ติ๊บเล่าถึงฝันร้ายของเด็กอายุ 19 ปี ว่า เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอพบว่าประจำเดือนมามากผิดปกติ คือ ใน 1 เดือน เป็นประจำเดือนถึง 2 ครั้ง แต่ละครั้งกินเวลาถึง 10 วัน นั่นหมายความว่า ใน 1 เดือน เธอมีประจำเดือนถึง 20 วัน เมื่อพบความผิดปกติของร่างกายดังกล่าว ติ๊บไม่รอช้ารีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน คำตอบของหมอในตอนนั้นคือ อาการดังกล่าวเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ให้รออีก 1-2 เดือน ค่อยมาตรวจใหม่

การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ ของผู้หญิงตัวเล็ก สันติมาน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา

 

“หลังจากนั้นติ๊บเริ่มมีอาการปวดท้อง ไปหาหมอ หมอก็ให้ยาแก้ปวดมากิน จนตอนหลังติ๊บสังเกตว่าตัวเองมีอาการท้องบวม (ตอนนั้นมีอาการน้ำหนักลดร่วมด้วย แต่ไม่รู้ว่านี่คืออาการบ่งชี้ของโรคมะเร็ง) เลยไปอัลตราซาวด์ คุณหมอเลยแนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านนรีเวช พอดีมีหมอที่รู้จักที่โรงพยาบาลรามาฯ เลยตัดสินใจไปรักษาที่นั่น พอเจอหมอนรีเวช เขากดๆ ดูที่ท้อง แล้วถามติ๊บว่าพรุ่งนี้จะไปไหนมั้ย ติ๊บก็ตอบว่า ไม่ แต่วันถัดมาจะมีสอบมิดเทอม คุณหมอเลยบอกว่าให้ไปที่มหาวิทยาลัยพรุ่งนี้ ไปลาอาจารย์ว่าต้องผ่าตัดด่วน ไปสอบไม่ได้ แล้วหมอจะส่งใบรับรองแพทย์ตามไปให้ ถ้าอาจารย์ไม่ยอม หมอและคุณพ่อคุณแม่จะไปจัดการให้เอง”

ติ๊บบอกว่า ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวว่าป่วยเป็นอะไร แต่คิดว่าต้องป่วยหนักเอาเรื่อง รุ่งขึ้นจึงไปลาอาจารย์ที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งตอนนั้นติ๊บเรียนอยู่ปี 2 ทางคณะก็อนุญาต พอวันรุ่งขึ้นเธอก็เข้ารับการผ่าตัดทันที หลังจากผ่านการผ่าตัดใหญ่ หมอถึงขั้นต้องให้มอร์ฟีน เพื่อให้บรรเทาอาการปวดที่บาดแผล ผ่านไป 3 วัน ติ๊บได้เจอคุณหมออีกครั้ง และวันนั้นคือวันที่เธอได้รู้ความจริงเสียทีว่าฝันร้ายที่กำลังเผชิญคืออะไร

“วันที่ฟื้นคุณหมออธิบายว่าได้ตัดชิ้นเนื้อที่รังไข่ออกไปตรวจแล้ว พร้อมกับเลาะเอาเนื้อรอบๆ ไปด้วย ซึ่งขนาดประมาณลูกบาส 1 ลูก หมอบอกว่าติ๊บมีก้อนเนื้อที่เป็นเหมือนถุงน้ำอยู่ในช่องท้อง ด้วยความที่เราเป็นคนตัวเล็ก พอถุงน้ำนี้มันอยู่ในที่แคบมากๆ ก็แตกออกมา ปรากฏว่าน้ำที่มีเซลล์มะเร็งอยู่ก็กระจายไปโดนเนื้อส่วนอื่น ซึ่งหมอต้องเลาะออกมา”

การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ ของผู้หญิงตัวเล็ก สันติมาน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา

 

ติ๊บบอกว่า วินาทีนั้นเป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้ตัวว่ากำลังป่วยเป็นมะเร็งรังไข่ระยะที่ 3 ด้วยความที่ยังอยู่ในวัยใส ติ๊บยังประคองสติได้ดีและถามคุณหมอถึงวิธีการรักษา ซึ่งคุณหมอ
บอกว่าจะใช้วิธีเคมีบำบัด (คีโม) 6 ครั้ง แต่ละครั้งจะกินเวลา 5 วัน คาดว่าจะใช้เวลารักษาประมาณ 6 เดือน

“อย่างที่บอกว่า ด้วยความที่เรายังเด็ก ยังมองโลกอย่างมีความหวังเลยไม่ได้ตกใจหรือร้องไห้โฮ หมอบอกรักษาได้ 6 เดือนก็หาย ก็คิดว่าเหมือนไข้หวัด ป่วยรักษาก็หาย ที่สำคัญหมอบอกว่าโชคดีที่รังไข่เป็นอวัยวะที่ตัดออกไปก็ไม่เป็นไร ต่างกับมะเร็งปอดหรือตับอ่อน ถ้าตัดออกจะกระทบกับอวัยวะอื่น เพราะฉะนั้นหมอสามารถเลือกตัดรังไข่ข้างที่มีปัญหาออกไปหมดได้ ส่วนข้างที่ไม่มีเชื้อมะเร็ง หมอก็เก็บไว้ สิ่งที่ติ๊บกังวลเรื่องเดียวตอนนั้นคือผลข้างเคียงจากการให้คีโม ผมจะร่วง ติ๊บก็กลัวว่าจะไม่สวย (หัวเราะ)”

เข้าสู่การรบครั้งที่ 1

ในสนามนี้ ติ๊บบอกว่า ร่างกายยังแข็งแรง ผ่านพ้นไปได้อย่างไม่รู้สึกเข็ดขยาดจากการคีโมมากนัก แถมยังมีเพื่อนๆ มาให้กำลังใจท่วมท้น ช่วงที่รักษาแรกๆ คุณแม่เป็นห่วงเลยไปขอให้คุณหมอเซ็นใบอนุญาตพักการเรียนให้ แต่คุณหมอไม่ยอมเซ็นจนกว่าคนไข้จะเป็นฝ่ายมาขอคุณหมอเอง ซึ่งตอนที่ติ๊บรู้เรื่องเธอก็ยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ดร็อปเรียน เพราะอยากรับปริญญาพร้อมเพื่อนๆ

การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ ของผู้หญิงตัวเล็ก สันติมาน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา

 

“คุณหมอมาเล่าให้ติ๊บฟังทีหลังว่า ในการรักษา สภาพจิตใจของผู้ป่วยสำคัญกว่าความแข็งแรงของร่างกาย ถ้าหมอบังคับให้คนไข้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ คนไข้จะเริ่มต่อต้านการรักษา และส่งผลเสียต่อคนไข้ อย่างกรณีของติ๊บหมอจึงเลือกถามความสมัครใจ จนทุกวันนี้ติ๊บมองย้อนกลับไปก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด เพราะติ๊บมองว่าการไปเรียนเป็นการสร้างกำลังใจให้ตัวเองทางอ้อม ไม่ต้องอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม เฝ้าแต่ถามตัวเองว่าทำไมเรื่องร้ายๆ ต้องเกิดกับเรา การออกไปเจอผู้คนทำให้เราลืมเรื่องที่ไม่สบายใจ

พอมาคีโมครั้งที่ 2 การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ง่ายเหมือนครั้งแรก ติ๊บต้องเจอกับด่านยากตั้งแต่เริ่มเจาะน้ำเกลือ พยาบาลเจาะเป็น 10 ครั้งก็ไม่สำเร็จ เพราะเส้นเลือดถูกตัวยาทำลายไปมากหลังจากคีโมครั้งแรก ตอนนั้นพยาบาลเสนอว่าจะใช้มีดผ่าเปิดหน้าแขนเพื่อเสียบเข็มกับเส้นเลือดแล้วค่อยเย็บ แต่ติ๊บไม่ยอม ถึงขั้นจะเลิกรักษา โชคดีที่คุณแม่ของแฟนหนุ่มซึ่งเป็นวิสัญญีแพทย์มาช่วยกู้สถานการณ์ไว้ได้ ด้วยการลงมือเจาะเลือดให้ เธอจึงได้รักษาต่อ และนับจากนั้นเธอก็กลายเป็นคนไข้ที่ต้องเจาะเลือดโดยวิสัญญีแพทย์เท่านั้น เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในการเจาะเลือดเป็นพิเศษ

“ตอนที่พยาบาลบอกจะผ่าเปิดหน้าแขน ติ๊บโกรธจนน้ำตาไหล ซึ่งนั่นถือเป็นครั้งเดียวและครั้งแรกที่ติ๊บเสียน้ำตาให้กับการรักษาตัว แต่หลังจากผ่านพ้นมาได้ ก็ถึงคราวเผชิญกับฝันร้ายที่เตรียมใจไว้แล้ว นั่นคือผมร่วงหมดจนกลายเป็นหัวล้าน ต้องใส่วิกใส่หมวกเวลาไปข้างนอก”

การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ ของผู้หญิงตัวเล็ก สันติมาน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา

 

เจอศึกหนักในการรบครั้งที่ 3-4

สู้มาครึ่งทางเหมือนอะไรจะง่ายขึ้น แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะผลข้างเคียงจากยาเริ่มมากขึ้น จากที่อาเจียนน้อย ก็เริ่มเข้าสู่ภาวะที่ติ๊บเรียกว่า “อ้วกแบบนันสต็อป” แทบจะวันละ 23 ชั่วโมง ได้นอนวันละชั่วโมงเพราะหมดแรง

“ตอนนั้นติ๊บบอกกับตัวเองว่า นี่คือของจริงแล้วสินะ ถามว่าท้อมั้ย ไม่นะ แต่เริ่มเหนื่อยกับการรักษาแบบนี้ คือเราต้องอยู่โรงพยาบาล 5 วัน พักฟื้น กลับไปเรียน แล้วก็มาสู่วงจรนี้อีก แต่ก็บอกตัวเองว่ามาครึ่งทางแล้วยังไงก็ต้องสู้ ความทรมานที่เจอ ก็ไม่ได้เป็นทุกวัน เดี๋ยวก็หายแล้ว”

โชคดีที่ติ๊บได้กำลังใจจากครอบครัว และเพื่อนๆ คอยเอาเลกเชอร์มาให้อ่าน บางทีอ่านไม่ทัน ก็ให้เพื่อนติวกันหน้าห้องสอบ มีเรื่องตลกที่ติ๊บมารู้ทีหลัง คือเพื่อนๆ ทุกคนที่มาเยี่ยมติ๊บ คุณแม่จะสแกนว่าคนไหนร้องไห้ ถ้าเจอจะปล่อยให้ร้องให้เสร็จก่อนที่จะเข้าไปเยี่ยมติ๊บ เพราะไม่อยากให้ลูกสาวต้องเสียกำลังใจ

การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ ของผู้หญิงตัวเล็ก สันติมาน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา

 

พอคีโมครั้งที่ 5-6 สถานการณ์ในสนามรบยิ่งเข้มข้น ติ๊บบอกว่า ตอนคีโมครั้งที่ 5 มีเรื่องชวนตกใจเกิดขึ้น เมื่อยาคีโมที่ให้ไม่เข้าไปตามเส้นเลือดที่เจาะไว้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น แถมยาคีโมตัวนี้ดันมีเวลาหมดอายุในไม่กี่นาที ครั้งนั้นทำเอาคุณหมอและคนไข้เครียด โชคดีที่เมื่อนำเลือดไปตรวจแล้ว พบว่าตัวยาที่เข้าไปในช่วงแรกเพียงพอและไม่ส่งผลต่อการรักษาโดยรวม แต่ผลจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้ติ๊บต้องย้ายจากห้องพักพิเศษมาอยู่ที่ห้องรวมในการให้คีโมครั้งสุดท้าย ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าจะอยู่ในสายตาของพยาบาลตลอดเวลา

“ห้องรวมสมัยนี้เป็นไงติ๊บไม่รู้ แต่ตอนของติ๊บคือไม่มีแอร์ ซึ่งเป็นความทรมาน เพราะเราอ้วกตลอดเวลา ร่างกายก็ร้อน แถมยังไม่ให้ญาติเฝ้าอีก ติ๊บสงสารคนไข้เตียงข้างๆ มากที่ต้องทนฟังเสียงติ๊บอาเจียนทั้งคืน แต่หลังจากผ่านครั้งที่ 6 มา ติ๊บก็ได้รับข่าวดีว่าร่างกายของเราไม่มีเชื้อมะเร็งอีกแล้ว”

การรบยืดเยื้อ ฝันร้ายยังไม่จบ

หลังจากเริงร่าได้ 7-8 เดือน ก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่ออาการปวดท้องมาเยือนอีกครั้ง หลังจากอัลตราซาวด์พบว่า บริเวณเนื้อที่เลาะออกไปเกิดพังผืดขึ้นมา และมีพังผืดส่วนหนึ่งไปหนีบเส้นเลือด ทำให้อวัยวะทำงานไม่ได้ ทางรักษาคือ ต้องผ่าตัดอีกครั้งเพื่อเอาพังผืดออก

การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ ของผู้หญิงตัวเล็ก สันติมาน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา

 

“การผ่าตัดครั้งนี้สเกลเล็กลง อันตรายน้อยกว่าการผ่าตัดครั้งแรก แต่ขนาดแผลเท่าเดิม เพียงแต่ครั้งนี้แทนที่หมอจะเย็บแผลด้วยไหม แต่ใช้แม็กเย็บเลย หลังจากผ่าตัดเสร็จพักฟื้น 1 อาทิตย์ ติ๊บก็กลับไปเรียนต่อ แต่ต้องระวังอย่าขึ้น-ลงบันไดและต้องใช้ห้องน้ำที่สะอาดป้องกันการติดเชื้อ ตอนนั้นติ๊บเลยได้ใช้ทั้งลิฟต์และห้องน้ำของอาจารย์” (หัวเราะ)

ผ่านการผ่าตัดครั้งที่ 2 ไป ติ๊บคิดว่าจะจบ ปรากฏผ่านไปอีก 6 เดือน อาการปวดท้องกลับมาอีก คราวนี้ปวดมาก แต่หมอไม่ให้ยาบรรเทาเหมือนครั้งก่อน เพราะตรวจไม่เจอความผิดปกติ เลยให้นอนห้องผู้ป่วยรวมรอดูอาการอีกครั้ง ปรากฏคืนนั้นติ๊บปวดจนต้องป่วน เคาะเรียกพยาบาลหลายครั้ง จนเขาต้องมัดมือติ๊บเพื่อไม่ให้รบกวนคนไข้คนอื่น

“เช้ามาหมอบอกว่าผ่าตัดมั้ย ติ๊บตอบทันทีว่าเอา ทั้งที่หมอบอกว่าอาจจะเจ็บตัวฟรีก็ได้ แต่ก็ยอม ปรากฏครั้งนี้หมอผ่าเอาพังผืดออกเหมือนเดิม แต่เทน้ำเกลือลงไปด้วย เพื่อให้คราวหน้าถ้าเกิดมีพังผืดจะได้ไม่ไปรบกวนอวัยวะอื่น หลังจากผ่าตัดครั้งนั้นก็ลุ้นนะว่าจะมีอาการปวดท้องแบบเดิมอีกมั้ย แต่ถึงตอนนี้ 16 ปีแล้วที่ฝันร้ายนี้จากติ๊บไป”

ทุกวันนี้เธอยังหมั่นไปตรวจเช็กร่างกายเป็นประจำ แต่อาจจะตรวจมากกว่าผู้ป่วยที่หายจากมะเร็งคนอื่นๆ เพราะหลังจากผ่านไป 3 ปี แม่ของเธอเป็นมะเร็งเต้านมขั้นที่ 4 ต้องผ่าเอาเต้านมออกไป 1 ข้าง ทำให้คุณหมอไม่วางใจ อยากให้เธอมาตรวจเช็กตลอดชีวิต อย่างน้อยเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

ติ๊บบอกว่า การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้เธอได้เรียนรู้ว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน ถ้าเราอยากทำอะไร อย่ามัวแต่กลัวที่จะทำ เพราะเราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น และถ้าติ๊บในวันนี้สามารถพูดกับติ๊บในวันวานได้ เธออยากจะบอกว่า

“ไม่ผิดหวังในตัวเธอเลยจริงๆ ที่เป็นคนที่กล้าหาญแบบนั้นในวันนั้น และขอให้รู้ว่าตัวตนของเธอวันนั้นยังคงอยู่ในตัวฉันในวันนี้ อยากขอบคุณที่วันนั้นเธอเข้มแข็งพอ และทำให้ฉันในวันนี้กลายเป็นคนที่เข้มแข็ง” สาวร่างเล็กกล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

จบศึก AGM การบินไทย! ผู้ถือหุ้นไฟเขียวบอร์ด 15 คน คลังคุมเกมเกือบทั้งกระดาน