เกิดเป็นยักษ์
เรื่องยักษ์มีการเล่าขานกันทุกมุมโลก ซึ่งยักษ์แต่ละที่ก็จะมีอัตลักษณ์แตกต่างกันไป ที่เหมือนกันก็คือ
โดย...วุฒิ นนทฤทธิ์
เรื่องยักษ์มีการเล่าขานกันทุกมุมโลก ซึ่งยักษ์แต่ละที่ก็จะมีอัตลักษณ์แตกต่างกันไป ที่เหมือนกันก็คือ ความน่ากลัวและความโหดร้าย ที่นิยมเอาไว้ใช้ขู่เด็กเวลาที่เด็กดื้อหรืองอแง เดี๋ยวยักษ์จะมาจับไป
ตำนานยักษ์ไทยที่คลาสสิคที่สุดคือ ยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้ง เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งยักษ์วัดโพธิ์ชักหน้าไม่ถึงหลัง จึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปขอยืมเงินจากยักษ์วัดแจ้ง โดยนัดวันชำระหนี้ไว้เรียบร้อย แต่พอถึงกำหนด ยักษ์วัดโพธิ์ชักดาบ ท่องคาถา ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย
ยักษ์วัดแจ้งโกรธจัดจึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปทวงเงินคืน เกิดการต่อสู้กัน อาวุธที่ใช้ห้ำหั่นกันคือ “กระบองยักษ์” ไล่ทุบตีกันจนบริเวณนั้นราพณาสูร กลายเป็นตำนานของท่าเตียน การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้มนุษย์เดือดร้อน พระอิศวรทราบเรื่อง จึงสาปให้ยักษ์ทั้งสองกลายเป็นหิน แล้วให้ยักษ์วัดโพธิ์ทำหน้าที่ยืนเฝ้าหน้าพระอุโบสถ และให้ยักษ์วัดแจ้งทำหน้าที่ยืนเฝ้าพระวิหารวัดแจ้งนับแต่นั้นเป็นต้นมา นั่นคือตำนาน
ตามประวัติการสร้างยักษ์ทั้งสองเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้โปรดเกล้าฯ ให้รื้ออสูรเฝ้าประจำประตูทั้ง 4 ประตูออก แล้วนำตุ๊กตาศิลาจีนมาแทน พร้อมกับได้โปรดเกล้าฯ ให้หล่อรูปยักษ์ขนาดเล็ก สูงประมาณ 175 เซนติเมตร จำนวน 8 ตน ตั้งไว้ที่ทางเข้าหอไตรจตุรมุข ตรงซุ้มประตูทั้ง 4 ด้าน ด้านละ 1 คู่ ทำหน้าที่พิทักษ์รักษาหอพระไตรปิฎก เมื่อครั้งทำระเบียงพระมหาเจดีย์ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้รื้อซุ้มประตูออกไป2 ซุ้ม ปัจจุบันจึงปรากฏรูปยักษ์เพียง 2 คู่
ปัจจุบัน “กระบองยักษ์” ถูกนำมาเปรียบเปรยองค์กรหรือบุคคลที่มีอำนาจในการลงโทษผู้กระทำผิด เปรียบเสมือนมี “กระบองยักษ์” ที่ทุกคนต้องกลัว ตรงกันข้าม ถ้าไร้ซึ่งอำนาจก็จะกลายเป็น “ยักษ์ไม่มีกระบอง”
ในบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญ มีการคงอำนาจตามมาตรา 44 ของหัวหน้า คสช.เอาไว้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ ก็เพื่อไม่ให้ คสช.กลายเป็น “ยักษ์ไม่มีกระบอง” มองในแง่ดีก็เพื่อเป็นเครื่องมือในการผ่าทางตันและลดขั้นตอนกรณีเกิดปัญหาที่มีความซับซ้อน แต่หากมองในแง่ร้าย ก็อาจมองได้ว่า นี่คือ “กระบองยักษ์” เอาไว้จัดการกลุ่มต่อต้าน คสช. หรือเอาไว้ควบคุมกลุ่มการเมืองที่เห็นต่างกับ คสช.ไม่ให้ได้กลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกต่อไปก็แล้วแต่ว่าจะมองจากจุดใด
ยักษ์ตามความเชื่อมีหลายระดับขึ้นกับบุญบารมี ยักษ์ชั้นสูง จะมีวิมานเป็นทอง มีรูปร่างสวยงาม มีเครื่องประดับ มีรัศมี บ้างก็มีผิวดำดำอมเขียว ดำอมเหลือง ดำแดง หรือดำเนียน มีอาหารทิพย์ มีบริวารคอยรับใช้ ปกติจะไม่ปรากฏเขี้ยวให้เห็น แต่เขี้ยวจะงอกออกมาเวลาโกรธ
ยักษ์ชั้นกลาง ส่วนใหญ่จะเป็นบริวารคอยรับใช้ของยักษ์ชั้นสูง ส่วนยักษ์ชั้นต่ำที่บุญน้อย ก็จะมีรูปร่างน่าเกลียด ผมหยิก ตัวดำ ตาโปน ผิวหยาบ เหมือนกระดาษทราย นิสัยดุร้าย
ที่อยู่ของยักษ์ มักอยู่ตามถ้ำ ตามเขา ในน้ำ ในดิน ในอากาศ และมีวิมานอยู่ที่เขาสิเนรุในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พวกยักษ์จะอยู่ในการปกครองของท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวกุเวรมหาราชผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศเหนือ เหตุที่มาเกิดเป็นยักษ์เพราะทำบุญเจือด้วยความโกรธ มักหงุดหงิดรำคาญใจ
ใครที่ชอบบอกว่า ทุกวันนี้ต้องเหนื่อยยากยอมเสียสละความสุขส่วนตัวทำเพื่อส่วนรวม แต่เจือไปด้วยความโกรธ หงุดหงิดรำคาญใจต้องระวังให้ดี เพราะชาติหน้าอาจจะไปเกิดเป็นยักษ์


