ว่าด้วยการเป็น เทรนด์ เซตเตอร์
เคยคิดกันเล่นๆ บ้างไหมว่า ถ้าไม่มีเหล่าศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง หรือเซเลบริตี้คนดังในแวดวงสังคม มาเป็น เทรนด์เซตเตอร์ (ผู้กำหนดเทรนด์) ในการใช้สินค้าใดสินค้าหนึ่ง จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ หรือแพร่กระจายผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนทำให้ผู้คนรู้จักสินค้านั้นๆ มากขึ้น หรือซื้อสินค้านั้นๆ มาใช้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว สินค้านั้นๆ จะเงียบเหงาสักเพียงใด?
เคยคิดกันเล่นๆ บ้างไหมว่า ถ้าไม่มีเหล่าศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง หรือเซเลบริตี้คนดังในแวดวงสังคม มาเป็น เทรนด์เซตเตอร์ (ผู้กำหนดเทรนด์) ในการใช้สินค้าใดสินค้าหนึ่ง จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ หรือแพร่กระจายผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนทำให้ผู้คนรู้จักสินค้านั้นๆ มากขึ้น หรือซื้อสินค้านั้นๆ มาใช้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว สินค้านั้นๆ จะเงียบเหงาสักเพียงใด?
แบล็กเบอรี่ ก็คือหนึ่งในนั้น ตุ๊กตาบลายด์ ก็คือหนึ่งในนั้น อินสตาแกรม ก็คือหนึ่งในนั้น และตุ๊กตาลูกเทพ ก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น (ที่พูดอย่างนี้ เพราะตอนนี้ ตุ๊กตาลูกเทพได้กลายเป็นสินค้าขายดีราคาสูงไปเสียแล้ว)
สิ่งหนึ่งที่น่าใคร่ครวญ นั่นก็คือ การที่เหล่าศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง หรือเซเลบริตี้คนดังในแวดวงสังคม จะเลือกให้ตัวเองเป็น เทรนด์เซตเตอร์ ของสินค้าใดสินค้าหนึ่ง ตนเองอาจต้องมองให้ลึก มองให้กว้าง และมองให้ไกลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ว่าเมื่อเป็นเทรนด์เซตเตอร์ แล้วเกิดเป็นปรากฏการณ์ หรือแพร่กระจายผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ผลลัพธ์ที่ออกมา อาจเป็นลบมากกว่าเป็นบวก
เช่น กรณีศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง หรือเซเลบริตี้คนดังในแวดวงสังคม ที่ว่ากันว่า พวกเขาเป็น เทรนด์เซตเตอร์ ให้กับเบียร์ยี่ห้อหนึ่ง แล้วมีผลลัพธ์ด้านลบเกิดขึ้นตามมา และ ณ ขณะนี้ ก็กำลังเกิดขึ้นกับตุ๊กตาลูกเทพ เพียงแต่ผลลัพธ์ที่เป็นลบไม่ได้เหวี่ยงเป็นบูมเมอแรงไปหาคนที่เป็น เทรนด์เซตเตอร์ แต่กำลังเหวี่ยงไปหาคนที่เลี้ยงลูกเทพที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น และมันก็กำลังเหวี่ยงไปหาคนที่พยายามสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับตัวเอง ด้วยการจัดบริการหรือโปรโมชั่นพิเศษให้แก่ลูกเทพ (ซึ่งคนที่เหวี่ยงใส่ ไม่ใช่ใคร ผู้คนในสังคมนั่นเอง)
โดยส่วนตัวเชื่อว่า หลังจากนี้จะยังมีสินค้าใหม่ๆ อีกมากมายที่ถูกสร้างและถูกทำให้เราได้รู้จักและทดลองใช้มัน แน่นอนว่าการนำศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง หรือเซเลบริตี้คนดังในแวดวงสังคม มาเป็นเทรนด์เซตเตอร์จะยังคงมีอยู่ เพียงแต่ขอให้ผู้ที่ตัดสินใจเป็นเทรนด์เซตเตอร์ให้กับสินค้าใดสินค้าหนึ่งพึงระลึกไว้เสมอว่า ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาอาจมีทั้งดีไปเลย หรือร้ายไปเลย อย่างไรก็ต้องศึกษาถึงความเสี่ยงนี้ไว้ให้ดีเสียก่อน
ที่สำคัญที่สุด ถ้าต้องเลือกสินค้าที่ตัวเองจะเป็นผู้กำหนดเทรนด์ ก็ต้องเลือกสินค้าที่เหมาะสมกับตัวเองจริงๆ ทำให้ตัวเองมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นจริงๆ เพราะภาพลักษณ์ที่ดีก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญ หากศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง หรือเซเลบริตี้คนดังในแวดวงสังคมคนไหน พลาดไปแล้วกับการเป็นเทรนด์เซตเตอร์ให้กับสินค้าใดสินค้าหนึ่ง ก็ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นบทเรียนชีวิตที่มีค่า และไม่ทำให้มันเกิดขึ้นอีก ส่วนใครที่คิดอยากจะลองก้าวมาสู่เส้นทางนี้ ก็อย่างที่ได้บอกไว้
มองให้ลึก มองให้กว้าง และมองให้ไกล
แล้วการเป็น เทรนด์เซตเตอร์
จะนำทางให้เราก้าวไปสู่การเป็นผู้ทรงอิทธิพล
ทางความคิด และการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคม


