ปาโมทย์ใจที่วัดร่ำเปิง
ความสุขทางใจหาได้ไม่ยาก วัดวาอารามก็เป็นสัปปายะสถานหนึ่งที่จะทำให้เราพบกับความสุข
โดย...แมงโก้หวาน ภาพ วัดร่ำเปิง
ความสุขทางใจหาได้ไม่ยาก วัดวาอารามก็เป็นสัปปายะสถานหนึ่งที่จะทำให้เราพบกับความสุข ความเบิกบาน ความปลอดโปร่ง ความสบายใจ สงบใจ และความปราศจากอารมณ์ที่ขุ่นมัว เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลงได้ วัดร่ำเปิง หรือ วัดตโปทาราม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นวัดที่มีความโดดเด่นด้านการศึกษา โดยเปิดสอนทั้งนักธรรม บาลี ปริยัติสามัญ และวิชาอภิธรรม ให้กับพระภิกษุสามเณรและฆราวาส
อีกด้านที่โดดเด่นของสำนักแห่งนี้ คือ เกี่ยวกับด้านปฏิบัติธรรม โดยมีค่ายธรรมภาวนา ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 2 ซึ่งเปิดให้มีการปฏิบัติธรรมมาประมาณ 5 ปี ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักดีในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติที่เมื่อเดินทางมาเชียงใหม่หากจะหาที่สงบสงัดเหมาะกับการปฏิบัติธรรมก็จะต้องนึกถึง “วัดร่ำเปิง” หรือ ตโปทาราม
บุคลากรที่สอนวิปัสสนากรรมฐาน นอกจากมี พระครูภาวนาวิรัช เจ้าอาวาสและผู้อำนวยการศูนย์แล้ว ก็มีพระอาจารย์อำนวยศิลป์ สีลสํวโร รองผู้อำนวยการ ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในหมู่นักปฏิบัติเพราะรับผิดชอบงานกรรมฐานของสำนักโดยตรง ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสฝ่ายกรรมฐานและเผยแผ่ด้วย
การปฏิบัติธรรมในสำนักแห่งนี้จะมุ่งวิธีเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามหลักสติปัฏฐานที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนให้เหล่าภิกษุฝึกตนด้วยการฝึกจิตของตนเพื่อความสุขความเจริญในวิถีแห่งการเป็นบรรพชิตและเพื่อบรรลุถึงจุดหมายสูงสุดของชีวิต คือ พระนิพพาน อีกประการหนึ่งทรงชี้ให้เห็นว่าหลักสติปัฏฐานเป็นคำสอนที่เป็นสาระสำคัญที่สุดในบรรดาคำสอนทั้งหมดที่สรุปยอดลงได้ใน “ความไม่ประมาท” เพียงอย่างเดียว
วิธีการปฏิบัติของวัดจะเริ่มจากการมีสติอยู่กับกาย ด้วยการกราบสติปัฏฐานแล้วต่อด้วยเดินจงกรมและนั่งกรรมฐานเป็นลำดับไป พระอาจารย์อำนวยศิลป์ อธิบายว่า การกราบสติปัฏฐานเป็นการเตรียมกายใจด้วยการมีสติอยู่ที่การเคลื่อนไหวของมือ เป็นต้น เพื่อลดความเร่งรีบของกายและความรุ่มร้อนของใจให้พร้อมสำหรับการเดินจงกรมและนั่งกรรมฐานให้ได้ผลเต็มที่ เปรียบเหมือนการบริหารกายก่อนเล่นกีฬา หรือการอุ่นเครื่องรถยนต์ก่อนขับ เป็นต้น
เมื่อกายใจเริ่มสงบช้าลงแล้ว เริ่มต้นด้วยการเดินจงกรมที่ให้มีสติกำกับอยู่กับการเคลื่อนไหวต่อด้วยการนั่งกรรมฐาน กำหนดการเคลื่อนไหวของท้องที่พอง-ยุบ ในขณะที่หายใจเข้า-ออก ซึ่งมีการกราบสติปัฏฐานในอาการต่างๆ การเดินจงกรมระยะต่างๆ และการนั่งกรรมฐาน ตามลำดับขั้นของกาย
ยกตัวอย่าง การเดินจงกรมก็มีขั้นตอนและวิธีในการเดิน 1.สติต้องอยู่กับอาการของกายที่กำลังลุกขึ้น กำหนดขึ้นหนอ 3 ครั้ง เมื่อกายยืนตั้งตรง มือวางบนหน้าขา แล้วกำหนดศีรษะตรวจดูคอไหล่และหลังที่ตั้งตรงตามธรรมชาติลงไปปลายเท้ากำหนดว่ายืนหนอ 3 ครั้ง จากปลายเท้าขึ้นไปบนศีรษะกำหนดว่ายืนหนอ 1 ครั้ง และจากศีรษะลงไปปลายเท้ากำหนดว่า ยืนหนอ 1 ครั้ง แล้วทอดสายตาลงบนพื้นห่างจากเท้า 2-3 เมตร
2.สติอยู่ที่มือซ้าย ยกขึ้นมาข้างหน้าเล็กน้อยกำหนดยกหนอ 1 ครั้ง ย้ายมือไปข้างหลัง กำหนดไปหนอ 1 ครั้ง วางมือลงบนสะโพกหลังด้านบนกำหนดถูกหนอ 1 ครั้ง (สติอยู่ที่มือขวาแล้วทำเช่นกัน) เมื่อมือขวาวางบนมือซ้ายให้มือซ้ายจับมือขวาไว้เบาๆ หรือสติอยู่ที่มือซ้าย ยกขึ้นมาข้างหน้าเล็กน้อยกำหนดยกหนอ 1 ครั้ง ย้ายมือไปข้างหน้า กำหนดไปหนอ 1 ครั้ง วางมือลงบนหน้าท้อง กำหนดถูกหนอ 1 ครั้ง (สติอยู่ที่มือขวาแล้วทำเช่นเดียวกัน) เมื่อมือขวาวางบนหลังมือซ้ายแล้วจับมือซ้ายไว้เบาๆ เป็นต้น
3.สติอยู่ที่เท้าขวา ยกเท้าขวาเลื่อนไปแล้ววางลงอย่างต่อเนื่องกำหนดว่า ขวาย่างหนอ 1 ครั้ง สติอยู่ที่เท้าซ้าย ทำเช่นเดียวกัน กำหนดซ้ายย่างหนอ 1 ครั้ง เดินและกำหนดไปอย่างช้าๆ และต่อเนื่องสุดทางเดิน ก้าวสุดท้ายให้ชิดกัน กำหนดหยุดหนอ 3 ครั้ง 4.สติอยู่ที่กายยืนตั้งตรง กำหนดยืนหนอ 3 ครั้ง สติอยู่ที่ส้นเท้าขวาใช้เป็นศูนย์กลางหมุนปลายเท้าไปทางขวามือ 90 องศา กำหนดกลับหนอ 1 ครั้ง ยกเท้าซ้าย ตามไปชิด กำหนดกลับหนอ 1 ครั้ง (ทำซ้ำอีก 1 ครั้ง) แล้วมีสติที่กายตั้งตรง กำหนดยืนหนอ 3 ครั้ง
โดยเมื่อเดินจงกรมครบกำหนดแล้วให้ต่อด้วยการนั่งกรรมฐาน ยืน เดิน นอน ซึ่งอิริยาบถหลักทั้งหมดทั้งมวลไม่ต้องห่วงว่าจะทำไม่เป็น เพราะก่อนที่จะลงมือปฏิบัติในขั้นตอนใดๆ ทางวิปัสสนาจารย์ซึ่งก็มีทั้งพระวิปัสสนาจารย์ ทั้งชีที่เป็นวิปัสสนาจารย์จะทำการสาธิตขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ให้ดูก่อนเสมอ
หากต้องการหาสถานที่สงบ อากาศดี และเป็นสัปปายะ วัดร่ำเปิงก็จัดว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง การเข้ามาปฏิบัติสำหรับผู้ที่เคยปฏิบัติมาแล้วสามารถเข้ามาได้ทุกวันไป-กลับ แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติแนะนำให้อยู่วัด ปฏิบัติ 3 วัน 7 วัน หรือจนจบหลักสูตรพื้นฐานเบื้องต้น 26 วัน เป็นต้น จึงจะได้ผลแห่งการปฏิบัติ แต่วันที่มาวัดนั้นจะต้องไม่เป็นวันพระเพราะทางวัดจะไม่บวชให้ ฉะนั้นถ้าจะไปปฏิบัติหลายวันก็ต้องดูวันด้วย ส่วนชาวต่างชาติทางวัดก็จะแยกสอนอีกต่างหาก โดยวิปัสสนา
จารย์ที่ชำนาญภาษาต่างประเทศ
สำหรับสิ่งที่ควรทราบในการปฏิบัติธรรมสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.watrampoeng.com และสอบถามได้ที่โทรศัพท์ 053-280-860, 053-278-260 กด 0


