posttoday

มารุจน์ ประเสริฐศิลป์ ยูโด ... กีฬาที่โตมาด้วยกัน

05 ธันวาคม 2558

ชาฮับ-มารุจน์ ประเสริฐศิลป์ หนุ่มลูกครึ่งไทย-อิหร่าน พิธีกรรายการทีวี “ครอบครัวดนตรี” “บ้านพระรามสี่” ทางช่อง 3SD

โดย...ภาดนุ ภาพ... วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ชาฮับ-มารุจน์ ประเสริฐศิลป์ หนุ่มลูกครึ่งไทย-อิหร่าน พิธีกรรายการทีวี “ครอบครัวดนตรี” “บ้านพระรามสี่” ทางช่อง 3SD (ช่อง 28) และพิธีกรภาคสนามของ “168 ชั่วโมง” และ “คอนเสิร์ตทีวี 3 สัญจร” ทางช่อง 3HD

เห็นเป็นหนุ่มหล่อรูปร่างสูงยาวเข่าดี ร่างกายแข็งแรงขนาดนี้ ชาฮับเคยเป็นถึงนักกีฬายูโดเยาวชนทีมชาติไทยเชียวนะ ชาฮับบอกว่าเขาเริ่มเล่นยูโดมาตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาเลยก็ว่าได้

“ผมเกิดและโตที่ จ.ลำปาง โดยเข้าเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญลำปาง ด้วยความที่คุณพ่อผมเคยเป็นนักกีฬามวยปล้ำมาก่อนตอนอยู่ที่ประเทศอิหร่าน ท่านจึงผลักดันให้ผมเล่นยูโดซึ่งเป็นกีฬาต่อสู้เหมือนกัน โดยส่งพี่สาวผมไปเรียนด้วย ซึ่งตอนแรกผมก็อยากไปเรียนเทควันโดอยู่เหมือนกัน แต่ปัญหาคือตอนเด็กๆ ผมอ้วน ยืดตัวไม่ค่อยได้ แถมยังเตะขาสูงและอ้าขากว้างๆ ไม่ได้อีก ก็เลยต้องเลือกเรียนยูโด”

ชาฮับ บอกว่า เขากับพี่สาวไปเรียนยูโดและซ้อมกันแค่สองสัปดาห์ก็ลงแข่งขันระดับจังหวัดจนได้เหรียญทองทั้งพี่ทั้งน้อง ด้วยสรีระความเป็นลูกครึ่งที่ตัวใหญ่และออกจะได้เปรียบ ซึ่งยูโดจะมีการปล้ำ ทุ่ม หัก และล็อก (แต่จะไม่มีเตะ) สองพี่น้องในวัยประถม 6 จึงคว้าชัยได้ฉลุย

“พอขึ้นชั้น ม.4-ม.5 ผมเป็นนักกีฬาโรงเรียนและได้แชมป์ยูโดระดับเขต 4 สมัยซ้อน พูดง่ายๆ ว่า วันๆ ผมเอาแต่ซ้อมยูโด อยู่แต่ในโรงยิม เรื่องความรักเรื่องแฟนนี่ไม่มีเลยครับ กระทั่งได้เป็นนักกีฬาจังหวัด นักกีฬามหาวิทยาลัย ไปจนถึงนักกีฬาเยาวชนระดับประเทศ ซึ่งผมได้เหรียญรางวัลจากการแข่งขันยูโดมาเยอะมากครับ”

ชาฮับ เล่าย้อนว่า ตอนที่เรียนอยู่ ม.4 ก็มีคนไปดูตัวแล้วบอกว่าจะให้ทุนนักกีฬา พอจบ ม.6 เขาจึงได้ทุนมาเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเมื่อเรียนอยู่ที่นี่เขาจะซ้อมยูโดเกือบทุกวันที่โรงยิมมหาวิทยาลัย ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เขาใช้เวลามากที่สุดในแต่ละสัปดาห์

มารุจน์ ประเสริฐศิลป์ ยูโด ... กีฬาที่โตมาด้วยกัน

 

“ช่วงนั้นผมจะซ้อมยูโดตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม สัปดาห์ละ 6 วันเลยล่ะ ผมคิดว่ากีฬายูโดให้อะไรกับผมเยอะมาก เริ่มจากเรื่องสุขภาพก่อน เพราะตอนเด็กๆ ผมมักจะแพ้อากาศ แต่เป็นคนที่ไม่ชอบกินยา เมื่อไหร่ที่หยุดเล่นกีฬา ผมจะเกิดอาการจามจนน้ำตาไหลเลยครับ

นอกจากนี้ กีฬายูโดยังทำให้ผมหุ่นดีขึ้น จากเด็กที่เคยอ้วนน้ำหนักเยอะก็กลายเป็นโตขึ้นแล้วหุ่นดีสมส่วนขึ้น แล้วมันยังช่วยสร้างวินัยให้กับผมด้วย เพราะการเป็นนักกีฬายูโดเราไม่ได้ฝึกเล่นๆ แต่เราจริงจัง เรามีเป้าหมายเพราะเราเป็นนักศึกษาที่ได้ทุนมาเรียน เราต้องมีความอดทนสูงเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย นั่นคือการได้เหรียญทอง เรียกว่าทั้งเจ็บตัวทั้งเสียน้ำตามาเยอะครับ” (หัวเราะ)

ชาฮับ เสริมว่า การได้สายของยูโดนั้นเริ่มจากสายขาว เขียว ฟ้า น้ำตาลปลายดำ และสายดำ ซึ่งการขึ้นสายนี้มีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ การสอบเลื่อนขั้น และการลงแข่งขันแมตช์ใหญ่ๆ แล้วได้เหรียญทอง ตัวเขาเองที่ได้ขึ้นสายส่วนใหญ่ก็มาจากการลงแข่งขันแมตช์ใหญ่ๆ แล้วได้เหรียญมา ซึ่งสายดำนั้นเขาก็เพิ่งได้รับมาเมื่อปีที่แล้วนี้เอง

“จริงๆ แล้วตอนที่ผมลงแข่งเยาวชนทีมชาตินั้นก็ถือว่าได้สายดำไปโดยปริยายแล้วนะครับ แต่ผมรู้สึกว่าเรายังไม่ได้ไปสอบสายดำ ผมก็เลยใส่แค่สายน้ำตาลปลายดำไปก่อน เพราะตอนนี้ผมไม่ได้ลงแข่งขันเลย เนื่องจากผมเข้าวงการบันเทิงมาเป็นนักแสดงเป็นพิธีกรทางช่อง 3 แต่เวลามีงานสำคัญๆ ของสมาคมกีฬาผมก็มักจะไปช่วยงานตลอด ผู้ใหญ่จึงเล็งเห็นและมอบสายดำให้ครับ”

ชาฮับ ทิ้งท้ายว่า การเล่นกีฬายูโดเปรียบเสมือนพื้นที่แห่งความสุขอีกสังคมหนึ่งสำหรับเขาก็ว่าได้ เพราะทำให้ได้พบปะผู้คนที่ชอบกีฬาเหมือนกัน รักสุขภาพเหมือนกัน ที่สำคัญยูโดไม่ได้เป็นกีฬาที่ทำให้คนเรากลายเป็นคนป่าเถื่อน แต่เป็นกีฬาที่มีความเคารพนอบน้อมอยู่ในตัว ตอนแข่งก็ต้องเคารพกฎกติกา แข่งจบก็กลายเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกัน ที่สำคัญมันยังสร้างความภูมิใจให้กับตัวเองและครอบครัวอีกด้วย

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68